จากกรณีที่วานนี้ (20 เม.ย.56) ภายหลังมีกลุ่มเสื้อแดง นำโดยนายพรชัย มณีนิล แกนนำคนเสื้อแดงศรีสะเกษ และเลขานุการผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยภาคอีสาน ปิดล้อมมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ ต.โพธิ์ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เพื่อสกัดกั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และคณะ เดินทางมาจัดรายการเดินหน้าผ่าความจริงหยุดล้างผิดคนโกง ซึ่งมีการถ่ายทอดสดผ่านทางสถานีโทรทัศน์บลูสกายแชนแนล, ทีนิวส์ และไทยทีวีดี
โดย กลุ่มคนเสื้อแดง ได้ตั้งจุดตรวจรถที่จะผ่านเข้าไปในมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ และจะอนุญาตให้ผ่านเข้าไปได้ เฉพาะรถยนต์ของอาจารย์ และเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยและนักศึกษาที่เรียนเท่านั้น ส่วนรถยนต์ที่ติดป้ายผ่าความจริงและผู้ที่จะเข้าไปฟังการปราศรัยของนายอภิสิทธิ์จะไม่ให้เข้าไป ทำให้ถนนหน้ามหาวิทยาลัย และถนนในหมู่บ้านพันทา ต.โพธิ์ รถติดยาวเหยียด นอกจากนี้กลุ่มคนเสื้อแดงยังได้เตรียมที่จะเผาโลงศพนายอภิสิทธิ์ด้วย
วานนี้ (21 เม.ย. 56) เวลา 10.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ขณะนี้นายอิสระ สมชัย รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กำลังเก็บรวบรวมข้อมูลหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่จังหวัดศรีสะเกษ และจากเหตุการดังกล่าวจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ ต่อต้านและคัดค้านการนิรโทษกรรม เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวจะทำให้ผู้ที่กระทำความผิดมีความเหิมเกริมไม่เกรงกลัวกฎหมาย เพราะเพียงแค่ใส่เสื้อแดงสนับสนุนรัฐบาล รัฐบาลก็จะออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้
นายชวนนท์ กล่าวต่อว่า พรรคประชาธิปัตย์ ประกาศคัดค้าน กฎหมายนิรโทษกรรมอย่างเต็มที่ทุกรูปแบบโดยจะกระทำภายใต้กรอบของกฎหมาย พร้อมยังเปิดเผยว่า หลังการปิดสมัยประชุมสภาฯนี้ พรรคประชาธิปัตย์ เตรียมเดินหน้าจัดเวทีปราศัยให้ความรู้ประชาชนให้เท่าทันกฎหมายนิรโทษกรรม ว่าเป็นกฎหมายที่จะล้างผิดให้กับผู้ที่ทุจริตและหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงร่าง พร.บ.นิรโทษกรรมว่า ตามที่สภาผู้แทนราษฎรได้เลื่อนเรื่องดังกล่าวมาพิจารณาเป็นวาระแรก ในสมัยประชุมสามัญทั่วไป ประมาณวันที่ 1 ส.ค.นั้น ตนคิดว่า หากพิจารณาตามข้อเสนอเหมือนกับว่า ผู้เสนอจะพยายามช่วยเหลือประชาชนที่ถูกดำเนินคดี แต่เมื่อพิจารณาอย่างรอบคอบทั้ง 7 มาตรา พบว่า หัวใจสำคัญอยู่ที่มาตรา 3 และ 4 ซึ่งตนขอเรียกว่าเป็น “นิรโทษกรรมอำพราง”
เพราะ 1.แม้ผู้เสนอให้เหตุผลว่า นิรโทษฯ ให้ทุกกลุ่ม ทุกสีเสื้อ และไม่เกี่ยวข้องกับผู้มีอำนาจตัดสินใจ หรือ สั่งการให้มีการเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่ก็ไม่มีใครยืนยันได้ว่าข้อความดังกล่าวจะไม่ได้อำพรางช่วยเหลือใครคนใดคนหนึ่ง รวมถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะถึงวันนั้นก็จะพยายามบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่มีอำนาจตัดสินใจ หรือสั่งการให้เคลื่อนไหวทางการเมือง
2.เมื่อพิจารณาในมาตรา 4 ที่ช่วยเหลือคนให้พ้นผิดทุกกรณี ตนเห็นว่าเป็นมาตราที่ทำลายหลักนิติรัฐ นิติธรรม เพราะได้ถอนฟ้องคดีอาญา และสั่งระงับ รวมทั้งสั่งให้ศาลจำหน่ายคดี ที่สำคัญที่สุด บุคคลใดก็ตามที่ต้องคำพิพากษาให้ถึงที่สุดให้ลงโทษ ให้ถือว่าบุคคลนั้นไม่เคยต้องคำพิพากษา
ฉะนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เคยต้องคำพิพากษาศาลก็อาจจะได้รับอานิสงส์ไปด้วย และ 3.อาจนำร่างพ.ร.บ.อื่นๆ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับนิรโทษกรรม ซึ่ง ส.ส.เคยเสนอมาก่อนหน้านี้ มาพิจารณาร่วมกันในคราวเดียว โดยอ้างว่ามีเนื้อหาเหมือนกัน ก็จะเอื้อประโยชน์ให้คนบางคน กลุ่มคนอย่างครบวงจร ฉะนั้น การเสนอกฎหมายนิรโทษฯ กล่าวได้ว่า เป็นการนิรโทษกรรมอำพรางจริงๆ
“หากอยากเห็นการปรองดองจริง รัฐบาลต้องเริ่มสานเสวนาตามที่ได้เกริ่นนำไว้ตั้งแต่ต้น มากกว่าการหักดิบเดินหน้านิรโทษกรรมแต่เพียงอย่างเดียว สิ่งที่กำลังจะดำเนินการต่อไปนี้ จะย้อนรอยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คือไม่สามารถผ่านสภาไปได้ และจะเกิดความขัดแย้งทั้งในและนอกสภา มีการชุมนุมคัดค้านและอาจนำไปสู่การแตกแยกเพิ่มเติมขึ้นอีกด้วย” นายองอาจกล่าว
**อ้างแดงไล่มาร์คไม่มีการเมืองแทรก
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า กรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงได้นำรถขยายเสียงขนาดใหญ่ไปขับไล่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และคณะที่ได้เดินทางมาจัดรายการเดินหน้าผ่าความจริงหยุดล้างผิดคนโกง บริเวณโรงเรียนเทศบาล 7 (บ้านหนองตะมะ) ต.โพธิ์ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษนั้น พรรคยืนยันว่าไม่มีการเมืองเข้าไปแอบแฝงแต่อย่างใด เป็นเรื่องของความเห็นต่างที่คนเสื้อแดงแสดงออกมา
"เมื่อคนเสื้อแดงไปแสดงความเห็นต่าง กลับถูกทำร้ายร่างกาย สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่านายอภิสิทธิ์ ควรจะกลับมาทบทวนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเสียใหม่ เพราะสิ่งที่นายอภิสิทธิ์ ได้เจอนั้นถึงแม้เวลาจะผ่านมาไปถึงสามปีแล้วก็ยังคงอยู่"นายพร้อมพงศ์กล่าว
นายพร้อมพงศ์กล่าวอีกว่า การที่นายอภิสิทธิ์ ไปตั้งเวทีปราศรัยในช่วงการพิจารณาปราสาทพระวิหารนั้น เห็นแล้วรู้สึกไม่สบายใจ เพราะคนเสื้อแดงยังคงรู้สึกว่ายังไม่ได้รับความเป็นธรรม ดังนั้น สิ่งที่นายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ ควรจะทบทวนในเรื่องร่างพ.ร.บ.ปรองดองใหม่ เพื่อจะได้เยียวยาจิตใจของประชาชนทีสูญเสียและนำไปสู่ความปรองดองที่แท้จริง
โดย กลุ่มคนเสื้อแดง ได้ตั้งจุดตรวจรถที่จะผ่านเข้าไปในมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ และจะอนุญาตให้ผ่านเข้าไปได้ เฉพาะรถยนต์ของอาจารย์ และเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยและนักศึกษาที่เรียนเท่านั้น ส่วนรถยนต์ที่ติดป้ายผ่าความจริงและผู้ที่จะเข้าไปฟังการปราศรัยของนายอภิสิทธิ์จะไม่ให้เข้าไป ทำให้ถนนหน้ามหาวิทยาลัย และถนนในหมู่บ้านพันทา ต.โพธิ์ รถติดยาวเหยียด นอกจากนี้กลุ่มคนเสื้อแดงยังได้เตรียมที่จะเผาโลงศพนายอภิสิทธิ์ด้วย
วานนี้ (21 เม.ย. 56) เวลา 10.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ขณะนี้นายอิสระ สมชัย รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กำลังเก็บรวบรวมข้อมูลหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่จังหวัดศรีสะเกษ และจากเหตุการดังกล่าวจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ ต่อต้านและคัดค้านการนิรโทษกรรม เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวจะทำให้ผู้ที่กระทำความผิดมีความเหิมเกริมไม่เกรงกลัวกฎหมาย เพราะเพียงแค่ใส่เสื้อแดงสนับสนุนรัฐบาล รัฐบาลก็จะออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้
นายชวนนท์ กล่าวต่อว่า พรรคประชาธิปัตย์ ประกาศคัดค้าน กฎหมายนิรโทษกรรมอย่างเต็มที่ทุกรูปแบบโดยจะกระทำภายใต้กรอบของกฎหมาย พร้อมยังเปิดเผยว่า หลังการปิดสมัยประชุมสภาฯนี้ พรรคประชาธิปัตย์ เตรียมเดินหน้าจัดเวทีปราศัยให้ความรู้ประชาชนให้เท่าทันกฎหมายนิรโทษกรรม ว่าเป็นกฎหมายที่จะล้างผิดให้กับผู้ที่ทุจริตและหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงร่าง พร.บ.นิรโทษกรรมว่า ตามที่สภาผู้แทนราษฎรได้เลื่อนเรื่องดังกล่าวมาพิจารณาเป็นวาระแรก ในสมัยประชุมสามัญทั่วไป ประมาณวันที่ 1 ส.ค.นั้น ตนคิดว่า หากพิจารณาตามข้อเสนอเหมือนกับว่า ผู้เสนอจะพยายามช่วยเหลือประชาชนที่ถูกดำเนินคดี แต่เมื่อพิจารณาอย่างรอบคอบทั้ง 7 มาตรา พบว่า หัวใจสำคัญอยู่ที่มาตรา 3 และ 4 ซึ่งตนขอเรียกว่าเป็น “นิรโทษกรรมอำพราง”
เพราะ 1.แม้ผู้เสนอให้เหตุผลว่า นิรโทษฯ ให้ทุกกลุ่ม ทุกสีเสื้อ และไม่เกี่ยวข้องกับผู้มีอำนาจตัดสินใจ หรือ สั่งการให้มีการเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่ก็ไม่มีใครยืนยันได้ว่าข้อความดังกล่าวจะไม่ได้อำพรางช่วยเหลือใครคนใดคนหนึ่ง รวมถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะถึงวันนั้นก็จะพยายามบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่มีอำนาจตัดสินใจ หรือสั่งการให้เคลื่อนไหวทางการเมือง
2.เมื่อพิจารณาในมาตรา 4 ที่ช่วยเหลือคนให้พ้นผิดทุกกรณี ตนเห็นว่าเป็นมาตราที่ทำลายหลักนิติรัฐ นิติธรรม เพราะได้ถอนฟ้องคดีอาญา และสั่งระงับ รวมทั้งสั่งให้ศาลจำหน่ายคดี ที่สำคัญที่สุด บุคคลใดก็ตามที่ต้องคำพิพากษาให้ถึงที่สุดให้ลงโทษ ให้ถือว่าบุคคลนั้นไม่เคยต้องคำพิพากษา
ฉะนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เคยต้องคำพิพากษาศาลก็อาจจะได้รับอานิสงส์ไปด้วย และ 3.อาจนำร่างพ.ร.บ.อื่นๆ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับนิรโทษกรรม ซึ่ง ส.ส.เคยเสนอมาก่อนหน้านี้ มาพิจารณาร่วมกันในคราวเดียว โดยอ้างว่ามีเนื้อหาเหมือนกัน ก็จะเอื้อประโยชน์ให้คนบางคน กลุ่มคนอย่างครบวงจร ฉะนั้น การเสนอกฎหมายนิรโทษฯ กล่าวได้ว่า เป็นการนิรโทษกรรมอำพรางจริงๆ
“หากอยากเห็นการปรองดองจริง รัฐบาลต้องเริ่มสานเสวนาตามที่ได้เกริ่นนำไว้ตั้งแต่ต้น มากกว่าการหักดิบเดินหน้านิรโทษกรรมแต่เพียงอย่างเดียว สิ่งที่กำลังจะดำเนินการต่อไปนี้ จะย้อนรอยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คือไม่สามารถผ่านสภาไปได้ และจะเกิดความขัดแย้งทั้งในและนอกสภา มีการชุมนุมคัดค้านและอาจนำไปสู่การแตกแยกเพิ่มเติมขึ้นอีกด้วย” นายองอาจกล่าว
**อ้างแดงไล่มาร์คไม่มีการเมืองแทรก
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า กรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงได้นำรถขยายเสียงขนาดใหญ่ไปขับไล่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และคณะที่ได้เดินทางมาจัดรายการเดินหน้าผ่าความจริงหยุดล้างผิดคนโกง บริเวณโรงเรียนเทศบาล 7 (บ้านหนองตะมะ) ต.โพธิ์ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษนั้น พรรคยืนยันว่าไม่มีการเมืองเข้าไปแอบแฝงแต่อย่างใด เป็นเรื่องของความเห็นต่างที่คนเสื้อแดงแสดงออกมา
"เมื่อคนเสื้อแดงไปแสดงความเห็นต่าง กลับถูกทำร้ายร่างกาย สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่านายอภิสิทธิ์ ควรจะกลับมาทบทวนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเสียใหม่ เพราะสิ่งที่นายอภิสิทธิ์ ได้เจอนั้นถึงแม้เวลาจะผ่านมาไปถึงสามปีแล้วก็ยังคงอยู่"นายพร้อมพงศ์กล่าว
นายพร้อมพงศ์กล่าวอีกว่า การที่นายอภิสิทธิ์ ไปตั้งเวทีปราศรัยในช่วงการพิจารณาปราสาทพระวิหารนั้น เห็นแล้วรู้สึกไม่สบายใจ เพราะคนเสื้อแดงยังคงรู้สึกว่ายังไม่ได้รับความเป็นธรรม ดังนั้น สิ่งที่นายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ ควรจะทบทวนในเรื่องร่างพ.ร.บ.ปรองดองใหม่ เพื่อจะได้เยียวยาจิตใจของประชาชนทีสูญเสียและนำไปสู่ความปรองดองที่แท้จริง