ASTVผู้จัดการรายวัน- กระทรวงอุตสาหกรรมเผยผลสำรวจผลกระทบค่าเงินบาทต่อการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมปี 2556 หากบาทแข็งค่าเฉลี่ย 28 บาทต่อเหรียญฯเทียบกับปี 55 จะทำให้มูลค่าส่งออกวูบทันที 5.7 แสนล้านบาทและฉุดจีดีพีภาคอุตสาหกรรมโตแค่1.5-2.5% แนะธปท.ดูแลไม่ให้แข็งค่าเกินไป ชงครม.23เม.ย.คลอดแพคเกจช่วยเอสเอ็มอี ส่วนบาทฉุดดัชนีเชื่อมั่นอุตฯมี.ค.ดิ่งติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3
นายณัฐพล ณัฎฐสมบูรณ์ โฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากกรณีค่าเงินบาทที่แข็งค่าสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.)ได้ประเมินผลกระทบค่าเงินบาทต่อการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมไทยที่คาดว่าปี 2556 จะโต 7% จากปีก่อนหรือมีมูลค่าส่งออกที่ 5.77 ล้านล้านบาทโดยกรณีค่าบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 28 บาทต่อเหรียญสหรัฐหรือแข็งค่าขึ้น 9.92% เมื่อเทียบกับค่าเงินเฉลี่ยทั้งปี 2555 จะทำให้มูลค่าส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมหายไป 5.7 แสนล้านบาทหรือคิดเป็น 11.02% หากเป็นระดับ 29 บาทต่อเหรียญฯจะหายไป 3.84 แสนล้านบาทหรือ 7.19%
สำหรับผลกระทบจีดีพีภาคอุตสาหกรรมที่คาดการณ์ไว้ปีนี้จะมีการขยายตัวระดับ 5-6% หรือมีมูลค่าที่ 4.8 ล้านล้านบาท กรณีบาทแข็งค่าเฉลี่ยที่ 28 บาทต่อเหรียญฯจะกระทบให้จีดีพีลดลง 3.6% หรือคิดเป็นมูลค่าที่ลดลง 1.71 แสนล้านบาทหรือทำให้จีดีพีปีนี้จะโตเพียง 1.5-2.5% กรณี 29 บาทต่อเหรียญฯจะกระทบจีดีพีลดลง 1.10% หรือคิดเป็นมูลค่า 5.3 หมื่นล้านบาทหรือจะทำให้จีดีพีภาคอุตสาหกรรมโตเพียง 4-5%
“อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมากสุดจากมูลค่าการผลิตที่ลดลงได้แก่ การผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ ยานยนต์ และชิ้นส่วน อัญมณีและเครื่องประดับ แปรรูปข้าว ผลิตภัณฑ์ยาง การผลิตพลาสติก ซึ่งระยะสั้นนั้นต้องการให้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เข้ามาดูแลค่าเงินไม่ให้ผันผวนและแข็งค่าเร็วจนเกินไปเพราะจะทระทบส่งออกอย่างมากโดยเฉพาะต้องการให้ดูแลเงินทุนไหลเข้าซึ่งพบว่าในหลักทรัพย์เฉพาะม.ค.56 มีเงินเข้ามาถึง 3.8 พันล้านเหรียญฯขณะที่ปี 2555 ทั้งปีมีมูลค่า 4.4 พันล้านเหรียญฯจะเห็นว่าม.ค.เดือนเดียวก็เกือบเท่ากับทั้งปีที่แล้วจึงเป็นสิ่งที่น่ากลัว”นายณัฐพลกล่าว
อย่างไรก็ตามกระทรวงอุตสาหกรรมได้เตรียมมาตรการเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม(เอสเอ็มอี) 5-6 มาตรการซึ่งจะเป็นแพคเกจที่จะลดผลกระทบต้นทุนการผลิตที่สูงจากทั้งค่าแรง ราคาพลังงานรวมถึงค่าบาทที่แข็งค่าขึ้นเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) 23 เม.ย.นี้ เช่นการสนับสนุนการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่ ฯลฯ
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวถึงผลสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค. 56 จำนวน 1,065 ราย ครอบคลุม 42 กลุ่มอุตสาหกรรมของส.อ.ท. ว่า ค่าดัชนีเชื่อมั่นฯอยู่ที่ 93.5 ปรับตัวลดลงจากระดับ 95.5 ในเดือนก.พ.ซึ่งเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 และยังมีค่าดัชนีฯที่ต่ำกว่า 100 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9 สาเหตุมาจากเอกชนยังกังวลกับปัจจัยต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น รวมถึงการแข็งค่าของเงินบาท ราคาพลังงานที่ยังอยู่ระดับสูง และการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ดีนัก
“ดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 99.3 ลดลงต่อเนื่องโดยปัจจัยที่เอกชนกังวลเป็นอันดับแรกคือ ผลกระทบจากค่าเงินบาท รองลงมาเป็นผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมัน และการเมืองตามลำดับซึ่งกรณีเงินบาทนั้นเอกชนวิตกที่ค่าเงินบาทจะหลุดกรอบ 29 บาทต่อเหรียญสหรัฐซึ่งจะกระทบส่งออกค่อนข้างมาก”นายพยุงศักดิ์กล่าว
นายณัฐพล ณัฎฐสมบูรณ์ โฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากกรณีค่าเงินบาทที่แข็งค่าสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.)ได้ประเมินผลกระทบค่าเงินบาทต่อการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมไทยที่คาดว่าปี 2556 จะโต 7% จากปีก่อนหรือมีมูลค่าส่งออกที่ 5.77 ล้านล้านบาทโดยกรณีค่าบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 28 บาทต่อเหรียญสหรัฐหรือแข็งค่าขึ้น 9.92% เมื่อเทียบกับค่าเงินเฉลี่ยทั้งปี 2555 จะทำให้มูลค่าส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมหายไป 5.7 แสนล้านบาทหรือคิดเป็น 11.02% หากเป็นระดับ 29 บาทต่อเหรียญฯจะหายไป 3.84 แสนล้านบาทหรือ 7.19%
สำหรับผลกระทบจีดีพีภาคอุตสาหกรรมที่คาดการณ์ไว้ปีนี้จะมีการขยายตัวระดับ 5-6% หรือมีมูลค่าที่ 4.8 ล้านล้านบาท กรณีบาทแข็งค่าเฉลี่ยที่ 28 บาทต่อเหรียญฯจะกระทบให้จีดีพีลดลง 3.6% หรือคิดเป็นมูลค่าที่ลดลง 1.71 แสนล้านบาทหรือทำให้จีดีพีปีนี้จะโตเพียง 1.5-2.5% กรณี 29 บาทต่อเหรียญฯจะกระทบจีดีพีลดลง 1.10% หรือคิดเป็นมูลค่า 5.3 หมื่นล้านบาทหรือจะทำให้จีดีพีภาคอุตสาหกรรมโตเพียง 4-5%
“อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมากสุดจากมูลค่าการผลิตที่ลดลงได้แก่ การผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ ยานยนต์ และชิ้นส่วน อัญมณีและเครื่องประดับ แปรรูปข้าว ผลิตภัณฑ์ยาง การผลิตพลาสติก ซึ่งระยะสั้นนั้นต้องการให้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เข้ามาดูแลค่าเงินไม่ให้ผันผวนและแข็งค่าเร็วจนเกินไปเพราะจะทระทบส่งออกอย่างมากโดยเฉพาะต้องการให้ดูแลเงินทุนไหลเข้าซึ่งพบว่าในหลักทรัพย์เฉพาะม.ค.56 มีเงินเข้ามาถึง 3.8 พันล้านเหรียญฯขณะที่ปี 2555 ทั้งปีมีมูลค่า 4.4 พันล้านเหรียญฯจะเห็นว่าม.ค.เดือนเดียวก็เกือบเท่ากับทั้งปีที่แล้วจึงเป็นสิ่งที่น่ากลัว”นายณัฐพลกล่าว
อย่างไรก็ตามกระทรวงอุตสาหกรรมได้เตรียมมาตรการเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม(เอสเอ็มอี) 5-6 มาตรการซึ่งจะเป็นแพคเกจที่จะลดผลกระทบต้นทุนการผลิตที่สูงจากทั้งค่าแรง ราคาพลังงานรวมถึงค่าบาทที่แข็งค่าขึ้นเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) 23 เม.ย.นี้ เช่นการสนับสนุนการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่ ฯลฯ
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวถึงผลสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค. 56 จำนวน 1,065 ราย ครอบคลุม 42 กลุ่มอุตสาหกรรมของส.อ.ท. ว่า ค่าดัชนีเชื่อมั่นฯอยู่ที่ 93.5 ปรับตัวลดลงจากระดับ 95.5 ในเดือนก.พ.ซึ่งเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 และยังมีค่าดัชนีฯที่ต่ำกว่า 100 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9 สาเหตุมาจากเอกชนยังกังวลกับปัจจัยต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น รวมถึงการแข็งค่าของเงินบาท ราคาพลังงานที่ยังอยู่ระดับสูง และการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ดีนัก
“ดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 99.3 ลดลงต่อเนื่องโดยปัจจัยที่เอกชนกังวลเป็นอันดับแรกคือ ผลกระทบจากค่าเงินบาท รองลงมาเป็นผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมัน และการเมืองตามลำดับซึ่งกรณีเงินบาทนั้นเอกชนวิตกที่ค่าเงินบาทจะหลุดกรอบ 29 บาทต่อเหรียญสหรัฐซึ่งจะกระทบส่งออกค่อนข้างมาก”นายพยุงศักดิ์กล่าว
