นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาตำหนิที่ตนโพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ เรียกร้องให้มีการปฏิรูปพรรคว่า ไม่ได้รู้สึกน้อยใจ และเข้าใจทุกอย่างดี ที่นายชวนออกมาระบุว่า การที่ตนเสนอแนะปฏิรูปพรรคประชาธิปัตย์ ผ่านสื่อเป็นการไม่สมควร ซึ่งตนก็ขอน้อมรับคำแนะนำของท่าน ซึ่งท่านก็เป็นต้นแบบในการทำงานของตน
นายอลงกรณ์ กล่าวด้วยว่า ตามแนวคิดในการปฏิรูปพรรค อาจจะต่างกัน แต่ ช่วง 21 ปีที่ผ่านมา ที่พรรคประชาธิปัตย์ใช้วิธีแก้ไขปัญหากันภายในพรรคมาตลอด ซึ่งมีความพยายามหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ จึงเห็นว่าต้องแสวงหาแนวทางใหม่ ให้พรรคกลับไปหาประชาชน ให้ประชาชนได้รับรู้ปัญหา มีส่วนร่วมในการเสนอวิธีแก้ไข ให้รู้สึกถึงความเป็นพรรคของประชาชน พรรคประชาธิปัตย์ มีสมาชิกพรรคเกือบ 3 ล้านคน มีคนให้การสนับสนุนกว่า 8 ล้านคน ดังนั้น การจะเปลี่ยนแปลงแนวทางปฏิรูปพรรค ก็ต้องเปิดกว้าง นำพรรคกลับไปสู่ผู้สนับสนุนถึงจะถูก ซึ่ง 2-3 วันที่ผ่านมา มีประชาชน ส.ส.พรรคบางส่วน ให้การสนับสนุนแนวทางนี้ ซึ่งตนจะได้นำความคิดเห็น ข้อเสนอแนะดังกล่าวให้ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรครับทราบต่อไป
"ความตั้งใจของผม การปฏิรูปพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของพรรคอย่างเดียว แต่จะส่งผลไปสู่การปฏิรูปการเมือง ไปสู่การแข่งขันในระบบการเมือง 2 พรรค ที่มีคุณภาพ ดังนั้น มุมมองและวิสัยทัศน์ต้องกว้างกว่าแค่การปฏิรูปในพรรคประชาธิปัตย์" นายอลงกรณ์ กล่าว
นายกัมพล สุภาแพ่ง ส.ส. เพชรบุรี พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงแนวคิดของนายอลงกรณ์ ให้ปฏิรูปพรรคประชาธิปัตย์ว่า เห็นด้วยอย่างยิ่ง ต้องยอมรับว่าเกมการเมืองของพรรคยังเดินตามไม่ทันพรรคเพื่อไทย ตนมองว่าพรรคเพื่อไทยดำเนินกิจกรรมทางการเมืองเหมือนรูปบริษัท ใช้เงินจัดการปัญหาทุกอย่างที่ขวางหน้าอย่างเห็นผลเป็นรูปธรรม ขณะที่ผู้นำในประชาธิปัตย์ ยังทำงานการเมืองในรูปแบบเก่าๆ ยึดหลักกฎหมายและระวังตัวมากเกินไป
"ที่พูดเช่นนี้มิได้หมายความว่าพรรคประชาธิปัตย์จะต้องใช้เงินมหาศาลในการหาเสียงเลือกตั้งเพื่อให้ได้เป็นเสียงข้างมาก หรือไม่ยึดถือหลักการกฎหมาย แต่ต้องระดมสมองเพื่อทำงานการเมืองในเชิงรุกให้ชนะใจประชาชน ผมคิดว่าวันนี้สังคมเปลี่ยนไปแล้ว คนไทยส่วนใหญ่ถูกมอมเมาด้วยเงิน และนโยบายประชานิยม จนเชื่อว่าเป็นสิ่งดีงาม เลือกตั้งกี่ครั้งพรรคเพื่อไทยก็ชนะ ประชาธิปัตย์ ต้องปรับตัวอย่างที่คุณอลงกรณ์นำเสนอ เพียงแต่เกมประชาธิปัตย์ต้องไม่สกปรก ต้องสุจริต มีหลายวิธีที่สามารถเอาชนะใจประชาชนได้ สาขาพรรคทั้งประเทศต้องมาร่วมกันแชร์ความคิด และเดินไปพร้อมๆ กัน" นายกัมพล กล่าว
นายกัมพล กล่าวด้วยว่า การเมืองขณะนี้ชิงกันที่อำนาจรัฐ เมื่อได้อำนาจรัฐ ก็มีสิทธิแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ หากต้องการตำแหน่งสนองแนวทางการทำงานให้แก่รัฐบาลได้หรือไม่ เมื่อรับปากแล้วต้องติดตาม สนองได้ก็ได้ตอบแทนสูง หากสนองไม่ได้ก็ปรับเปลี่ยน เพื่อไทยทำอย่างนี้มานานแล้ว รวดเร็ว ไม่เช้าชามเย็นชาม เขาบริหารข้าราชการใต้บังคับบัญชาเหมือนลูกจ้างบริษัท
"สังเกตได้ว่า เพื่อไทยจัดตั้งทีมงานฝ่ายต่างๆ แข็งแกร่ง ตั้งแต่ฝ่ายกฎหมาย ฝ่ายตอบโต้ ฝ่ายเตรียมข้อมูลเพื่อตอบโต้ ฝ่ายวิเคราะห์เหตุการณ์ และใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ให้เป็นประโยชน์อย่างกว้างขวาง ใครแตะต้องเขาจะถูกตอบโต้ทันควัน จริงหรือเท็จเขาตอบโต้ไว้ก่อน ไม่อุบเงียบให้เป็นที่สงสัย หรือค้างคาใจ แต่การจัดตั้งทีมงานเหล่านี้ต้องใช้เงินมาก เขามีเงินจึงได้เปรียบ ซึ่งประชาธิปัตย์ ต้องปรับให้ทันเกมเหล่านี้ให้ได้" นายกัมพล กล่าว และว่า วันนี้ประชาธิปัตย์ต้องทันเกมกว่าที่เป็นอยู่ ไม่เช่นนั้นจะถูกตราหน้าว่าดีแต่พูด
ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ให้ความเห็นกรณีนายอลงกรณ์ พลบุตร โพสต์ข้อความลงในทวิตเตอร์ เสนอแนวทางปฏิรูปพรรคนั้น เป็นเรื่องไม่เป็นประโยชน์ ควรเสนอเป็นการภายใน ไม่ควรนำออกมาข้างนอก อย่าทำให้สมาชิกพรรคไม่สบายใจ ว่า ไม่เหนือความคาดหมาย เพราะบอกไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่า นายอลงกรณ์ น่าจะอยู่ต่อลำบาก ซึ่งส่วนตัวเห็นใจว่าถ้าพูดกันภายใน ปัญหาจะถูกซุกไว้ใต้พรมต่อไป เลยจำเป็นต้องออกมาพูดข้างนอก เพราะถ้าพูดภายใน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค คงไม่แก้ไข และยังทำตัวเป็นตัวช่วยมุมกลับให้พรรคเพื่อไทยตลอดเวลา เป็นเหตุให้แพ้เลือกตั้งซ้ำซาก
ขณะที่ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี ที่คนของพรรคเพื่อไทย ออกมาวิจารณ์ข้อเสนอปฏิรูปพรรคประชาธิปัตย์ ของนายอลงกรณ์ ว่า แสดงให้เห็นว่า คนของพรรคเพื่อไทยไม่มีเวลาไปทำงานให้ประชาชน เพราะสนใจเรื่องภายในของพรรคประชาธิปัตย์ โดยกรณีของนายอลงกรณ์ เป็นเรื่องปกติ เพราะพรรคเป็นประชาธิปไตย ที่ทุกคนสามารถเสนอความเห็นเพื่อพัฒนาพรรคได้ แต่คนของพรรคเพื่อไทย กลับพูดเรื่องนี้เหมือนเป็นเรื่องของครอบครัวตัวเอง คงเพราะเป็นเรื่องแปลก เนื่องจากพรรคเพื่อไทยวิจารณ์พรรคตัวเองไม่ได้ ต้องรอการสั่งซ้ายหันขวาหัน จากการสไกป์จากต่างประเทศ จึงไม่เข้าใจการแสดงออกอย่างเป็นประชาธิปไตย ในพรรคประชาธิปัตย์
ทั้งนี้ ขอยืนยันพรรความสามัคคีเหนียวแน่น และพร้อมที่จะพัฒนาพรรคร่วมกัน
นายอลงกรณ์ กล่าวด้วยว่า ตามแนวคิดในการปฏิรูปพรรค อาจจะต่างกัน แต่ ช่วง 21 ปีที่ผ่านมา ที่พรรคประชาธิปัตย์ใช้วิธีแก้ไขปัญหากันภายในพรรคมาตลอด ซึ่งมีความพยายามหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ จึงเห็นว่าต้องแสวงหาแนวทางใหม่ ให้พรรคกลับไปหาประชาชน ให้ประชาชนได้รับรู้ปัญหา มีส่วนร่วมในการเสนอวิธีแก้ไข ให้รู้สึกถึงความเป็นพรรคของประชาชน พรรคประชาธิปัตย์ มีสมาชิกพรรคเกือบ 3 ล้านคน มีคนให้การสนับสนุนกว่า 8 ล้านคน ดังนั้น การจะเปลี่ยนแปลงแนวทางปฏิรูปพรรค ก็ต้องเปิดกว้าง นำพรรคกลับไปสู่ผู้สนับสนุนถึงจะถูก ซึ่ง 2-3 วันที่ผ่านมา มีประชาชน ส.ส.พรรคบางส่วน ให้การสนับสนุนแนวทางนี้ ซึ่งตนจะได้นำความคิดเห็น ข้อเสนอแนะดังกล่าวให้ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรครับทราบต่อไป
"ความตั้งใจของผม การปฏิรูปพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของพรรคอย่างเดียว แต่จะส่งผลไปสู่การปฏิรูปการเมือง ไปสู่การแข่งขันในระบบการเมือง 2 พรรค ที่มีคุณภาพ ดังนั้น มุมมองและวิสัยทัศน์ต้องกว้างกว่าแค่การปฏิรูปในพรรคประชาธิปัตย์" นายอลงกรณ์ กล่าว
นายกัมพล สุภาแพ่ง ส.ส. เพชรบุรี พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงแนวคิดของนายอลงกรณ์ ให้ปฏิรูปพรรคประชาธิปัตย์ว่า เห็นด้วยอย่างยิ่ง ต้องยอมรับว่าเกมการเมืองของพรรคยังเดินตามไม่ทันพรรคเพื่อไทย ตนมองว่าพรรคเพื่อไทยดำเนินกิจกรรมทางการเมืองเหมือนรูปบริษัท ใช้เงินจัดการปัญหาทุกอย่างที่ขวางหน้าอย่างเห็นผลเป็นรูปธรรม ขณะที่ผู้นำในประชาธิปัตย์ ยังทำงานการเมืองในรูปแบบเก่าๆ ยึดหลักกฎหมายและระวังตัวมากเกินไป
"ที่พูดเช่นนี้มิได้หมายความว่าพรรคประชาธิปัตย์จะต้องใช้เงินมหาศาลในการหาเสียงเลือกตั้งเพื่อให้ได้เป็นเสียงข้างมาก หรือไม่ยึดถือหลักการกฎหมาย แต่ต้องระดมสมองเพื่อทำงานการเมืองในเชิงรุกให้ชนะใจประชาชน ผมคิดว่าวันนี้สังคมเปลี่ยนไปแล้ว คนไทยส่วนใหญ่ถูกมอมเมาด้วยเงิน และนโยบายประชานิยม จนเชื่อว่าเป็นสิ่งดีงาม เลือกตั้งกี่ครั้งพรรคเพื่อไทยก็ชนะ ประชาธิปัตย์ ต้องปรับตัวอย่างที่คุณอลงกรณ์นำเสนอ เพียงแต่เกมประชาธิปัตย์ต้องไม่สกปรก ต้องสุจริต มีหลายวิธีที่สามารถเอาชนะใจประชาชนได้ สาขาพรรคทั้งประเทศต้องมาร่วมกันแชร์ความคิด และเดินไปพร้อมๆ กัน" นายกัมพล กล่าว
นายกัมพล กล่าวด้วยว่า การเมืองขณะนี้ชิงกันที่อำนาจรัฐ เมื่อได้อำนาจรัฐ ก็มีสิทธิแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ หากต้องการตำแหน่งสนองแนวทางการทำงานให้แก่รัฐบาลได้หรือไม่ เมื่อรับปากแล้วต้องติดตาม สนองได้ก็ได้ตอบแทนสูง หากสนองไม่ได้ก็ปรับเปลี่ยน เพื่อไทยทำอย่างนี้มานานแล้ว รวดเร็ว ไม่เช้าชามเย็นชาม เขาบริหารข้าราชการใต้บังคับบัญชาเหมือนลูกจ้างบริษัท
"สังเกตได้ว่า เพื่อไทยจัดตั้งทีมงานฝ่ายต่างๆ แข็งแกร่ง ตั้งแต่ฝ่ายกฎหมาย ฝ่ายตอบโต้ ฝ่ายเตรียมข้อมูลเพื่อตอบโต้ ฝ่ายวิเคราะห์เหตุการณ์ และใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ให้เป็นประโยชน์อย่างกว้างขวาง ใครแตะต้องเขาจะถูกตอบโต้ทันควัน จริงหรือเท็จเขาตอบโต้ไว้ก่อน ไม่อุบเงียบให้เป็นที่สงสัย หรือค้างคาใจ แต่การจัดตั้งทีมงานเหล่านี้ต้องใช้เงินมาก เขามีเงินจึงได้เปรียบ ซึ่งประชาธิปัตย์ ต้องปรับให้ทันเกมเหล่านี้ให้ได้" นายกัมพล กล่าว และว่า วันนี้ประชาธิปัตย์ต้องทันเกมกว่าที่เป็นอยู่ ไม่เช่นนั้นจะถูกตราหน้าว่าดีแต่พูด
ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ให้ความเห็นกรณีนายอลงกรณ์ พลบุตร โพสต์ข้อความลงในทวิตเตอร์ เสนอแนวทางปฏิรูปพรรคนั้น เป็นเรื่องไม่เป็นประโยชน์ ควรเสนอเป็นการภายใน ไม่ควรนำออกมาข้างนอก อย่าทำให้สมาชิกพรรคไม่สบายใจ ว่า ไม่เหนือความคาดหมาย เพราะบอกไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่า นายอลงกรณ์ น่าจะอยู่ต่อลำบาก ซึ่งส่วนตัวเห็นใจว่าถ้าพูดกันภายใน ปัญหาจะถูกซุกไว้ใต้พรมต่อไป เลยจำเป็นต้องออกมาพูดข้างนอก เพราะถ้าพูดภายใน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค คงไม่แก้ไข และยังทำตัวเป็นตัวช่วยมุมกลับให้พรรคเพื่อไทยตลอดเวลา เป็นเหตุให้แพ้เลือกตั้งซ้ำซาก
ขณะที่ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี ที่คนของพรรคเพื่อไทย ออกมาวิจารณ์ข้อเสนอปฏิรูปพรรคประชาธิปัตย์ ของนายอลงกรณ์ ว่า แสดงให้เห็นว่า คนของพรรคเพื่อไทยไม่มีเวลาไปทำงานให้ประชาชน เพราะสนใจเรื่องภายในของพรรคประชาธิปัตย์ โดยกรณีของนายอลงกรณ์ เป็นเรื่องปกติ เพราะพรรคเป็นประชาธิปไตย ที่ทุกคนสามารถเสนอความเห็นเพื่อพัฒนาพรรคได้ แต่คนของพรรคเพื่อไทย กลับพูดเรื่องนี้เหมือนเป็นเรื่องของครอบครัวตัวเอง คงเพราะเป็นเรื่องแปลก เนื่องจากพรรคเพื่อไทยวิจารณ์พรรคตัวเองไม่ได้ ต้องรอการสั่งซ้ายหันขวาหัน จากการสไกป์จากต่างประเทศ จึงไม่เข้าใจการแสดงออกอย่างเป็นประชาธิปไตย ในพรรคประชาธิปัตย์
ทั้งนี้ ขอยืนยันพรรความสามัคคีเหนียวแน่น และพร้อมที่จะพัฒนาพรรคร่วมกัน