ผู้ถือหุ้นไฟเขียวแผนก่อหนี้ปตท. 5ปี 2.5 แสนล้านบาท โดยจะใช้รีไฟแนนซ์หนี้เดิม 1.5 แสนล้านบาทและที่เหลือใช้ลงทุนโครงการใหม่ โดยครึ่งปีหลังมีแผนรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระ 4-6 หมื่นล้านบาท เผยผลดำเนินงานไตรมาสแรกนี้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ แต่ได้รับผลกระทบจากการขาดทุนสต็อกน้ำมัน ด้าน”วิเชษฐ์”ปธ.บอร์ดปตท.คนใหม่เน้นความโปร่งใส
นายสุรงค์ บูลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ประชุมผู้ถือหุ้นบริษัทฯได้อนุมัติแผนการจัดหาเงินกู้ 5 ปีของปตท. (2556-2560 )วงเงินรวม 2.5 แสนล้านบาท เพื่อใช้ทดแทนเงินกู้เดิมที่ครบกำหนดชำระ (รีไฟแนนซ์)ใน 5ปีนี้วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท และอีก 1 แสนล้านบาทเพื่อเตรียมความพร้อมทางด้านสภาพคล่องเพื่อแผนการลงทุน 5ปีนี้ที่จะใช้เงินลงทุน 3.68 แสนล้านบาท รวมทั้งโอกาสการลงทุนทางธุรกิจใหม่ โดยปตท.ยังมีโครงสร้างเงินทุนที่สามารถรองรับการก่อหนี้เพิ่มได้
โดยบริษัทฯมีแผนจะรีไฟแนนซ์หนี้หุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระประมาณ 4-6 หมื่นล้านบาทในช่วงครึ่งปีหลังนี้ แต่ช่วงใดขึ้นอยู่สถานการณ์ค่าเงินบาท ความผันผวนทางเศรษฐกิจ และยังไม่ได้กำหนดว่าจะเป็นการกู้เงินหรือออกหุ้นกู้ ปัจจุบันหนี้ทั้งหมดของปตท.ประมาณ 9.7 แสนล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 4.8% อายุหนี้เฉลี่ย 7 ปี โดยส่วนใหญ่เป็นหนี้สกุลบาทประมาณ 2 ใน 3 ของหนี้ทั้งหมด ที่เหลือเป็นหนี้สกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งสัดส่วนหนี้สกุลบาทนี้มีความสมดุลกับการจัดหารายได้ของปตท.อยู่แล้ว
นายสุรงค์ กล่าวว่า การจัดหาเงินกู้ 2.5 แสนล้านบาทใน 5ปีข้างหน้านี้ไม่ทำให้อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E)เพิ่มขึ้น แต่จะอยู่ระดับ 0.5 เท่าใกล้เคียงปัจจุบัน เนื่องจากรายได้ของปตท.มาจาก 3 ส่วน คือ กำไรจากการดำเนินกิจการของปตท.เอง 4.5 หมื่นล้าน เงินปันผลจากบริษัทย่อย และเงินกู้ยืมในปลายปีที่แล้ว ปตท.ออกหุ้นกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐวงเงินรวม 1,100 ล้านเหรียญสหรัฐ อายุ 10ปีและ 30ปี มีอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้ดังกล่าวใกล้เคียงกับอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้ที่บริษัทน้ำมันแห่งชาติของจีนเสนอขายเมื่อเร็วๆนี้ แสดงว่านักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจหุ้นกู้ของปตท.โดยแผนการจัดหาเงินกู้ของปตท.นี้ ก็มีโอกาสที่จะเพิ่มสัดส่วนหนี้สกุลดอลลาร์เพิ่มขึ้นหากบาทแข็งค่าขึ้นอีก คงต้องรอดูตลาดการเงินในช่วงนั้น
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปีของปตท.เป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยราคาน้ำมันดิบในไตรมาส 1 อ่อนตัวลง ทำให้มีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน(Stock Loss) เล็กน้อย ซึ่งราคาน้ำมันอ่อนตัวทุก 1 เหรียญกระทบบริษัทฯ 600 ล้านบาท และปัจจุบันปตท.สำรองน้ำมันอยู่ 43 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นปตท.ยังได้อนุมัติการกำหนดค่าตอบแทนคณะกรรมการปตท. ประจำปี 2556 เพื่อให้เป็นไปตามแนวปฏิบัติที่บริษัทจดทะเบียนในอุตสาหกรรมเดียวกัน และบริษัทชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ หลังจากที่ได้มีได้มีการปรับอัตรามาตั้งแต่ปี 2547 โดยค่าตอบแทนรายเดือน คณะกรรมการปตท. 3 หมื่นบาท/เดือน และเบี้ยประชุม 5 หมื่นบาท/ครั้งเฉพาะกรรมการที่เข้าประชุม เพิ่มขึ้น 3 หมื่นบาท โดยจำกัดการจ่ายเบี้ยประชุมไม่เกินปีละ 15 ครั้ง และกำหนดค่าตอบแทนที่เป็นเงินโบนัสกรรมการประจำปี 2556 ตามผลประกอบการหรือกำไรสุทธิปตท.ในอัตราเงินโบนัสเท่ากับ 0.05% ของกำไรปี 2556 แต่ไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อคน เพิ่มขึ้น 1 ล้านบาทต่อคน เนื่องจากปตท.มีขนาดองค์กรที่ใหญ่ขึ้น ธุรกิจมีความซับซ้อนมากขึ้น
ด้านนายวิเชษฐ์ เกษมทองศรี ประธานกรรมการและกรรมการอิสระ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตนได้เข้ามารับตำแหน่งประธานบอร์ดปตท.ตั้งแต่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยได้มอบนโยบายแก่กรรมการในบอร์ดปตท.ในการทำงานให้มีความโปร่งใสมากที่สุด และบอร์ดต้องมีความรู้ในเรื่องต่างๆก่อนตัดสินใจอนุมัติ เช่น การอนุมัติโครงการลงทุนต่างๆ เป็นต้น ซึ่งถือเป็นพันธะกิจที่ต้องทำ ส่วนการตัดสินใจลงทุนธุรกิจถ่านหินและไฟฟ้านั้นถือว่าเป็นธุรกิจพลังงานเหมือนกันเช่นเดียวกันน้ำมันและก๊าซฯ
นายสุรงค์ บูลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ประชุมผู้ถือหุ้นบริษัทฯได้อนุมัติแผนการจัดหาเงินกู้ 5 ปีของปตท. (2556-2560 )วงเงินรวม 2.5 แสนล้านบาท เพื่อใช้ทดแทนเงินกู้เดิมที่ครบกำหนดชำระ (รีไฟแนนซ์)ใน 5ปีนี้วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท และอีก 1 แสนล้านบาทเพื่อเตรียมความพร้อมทางด้านสภาพคล่องเพื่อแผนการลงทุน 5ปีนี้ที่จะใช้เงินลงทุน 3.68 แสนล้านบาท รวมทั้งโอกาสการลงทุนทางธุรกิจใหม่ โดยปตท.ยังมีโครงสร้างเงินทุนที่สามารถรองรับการก่อหนี้เพิ่มได้
โดยบริษัทฯมีแผนจะรีไฟแนนซ์หนี้หุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระประมาณ 4-6 หมื่นล้านบาทในช่วงครึ่งปีหลังนี้ แต่ช่วงใดขึ้นอยู่สถานการณ์ค่าเงินบาท ความผันผวนทางเศรษฐกิจ และยังไม่ได้กำหนดว่าจะเป็นการกู้เงินหรือออกหุ้นกู้ ปัจจุบันหนี้ทั้งหมดของปตท.ประมาณ 9.7 แสนล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 4.8% อายุหนี้เฉลี่ย 7 ปี โดยส่วนใหญ่เป็นหนี้สกุลบาทประมาณ 2 ใน 3 ของหนี้ทั้งหมด ที่เหลือเป็นหนี้สกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งสัดส่วนหนี้สกุลบาทนี้มีความสมดุลกับการจัดหารายได้ของปตท.อยู่แล้ว
นายสุรงค์ กล่าวว่า การจัดหาเงินกู้ 2.5 แสนล้านบาทใน 5ปีข้างหน้านี้ไม่ทำให้อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E)เพิ่มขึ้น แต่จะอยู่ระดับ 0.5 เท่าใกล้เคียงปัจจุบัน เนื่องจากรายได้ของปตท.มาจาก 3 ส่วน คือ กำไรจากการดำเนินกิจการของปตท.เอง 4.5 หมื่นล้าน เงินปันผลจากบริษัทย่อย และเงินกู้ยืมในปลายปีที่แล้ว ปตท.ออกหุ้นกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐวงเงินรวม 1,100 ล้านเหรียญสหรัฐ อายุ 10ปีและ 30ปี มีอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้ดังกล่าวใกล้เคียงกับอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้ที่บริษัทน้ำมันแห่งชาติของจีนเสนอขายเมื่อเร็วๆนี้ แสดงว่านักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจหุ้นกู้ของปตท.โดยแผนการจัดหาเงินกู้ของปตท.นี้ ก็มีโอกาสที่จะเพิ่มสัดส่วนหนี้สกุลดอลลาร์เพิ่มขึ้นหากบาทแข็งค่าขึ้นอีก คงต้องรอดูตลาดการเงินในช่วงนั้น
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปีของปตท.เป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยราคาน้ำมันดิบในไตรมาส 1 อ่อนตัวลง ทำให้มีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน(Stock Loss) เล็กน้อย ซึ่งราคาน้ำมันอ่อนตัวทุก 1 เหรียญกระทบบริษัทฯ 600 ล้านบาท และปัจจุบันปตท.สำรองน้ำมันอยู่ 43 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นปตท.ยังได้อนุมัติการกำหนดค่าตอบแทนคณะกรรมการปตท. ประจำปี 2556 เพื่อให้เป็นไปตามแนวปฏิบัติที่บริษัทจดทะเบียนในอุตสาหกรรมเดียวกัน และบริษัทชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ หลังจากที่ได้มีได้มีการปรับอัตรามาตั้งแต่ปี 2547 โดยค่าตอบแทนรายเดือน คณะกรรมการปตท. 3 หมื่นบาท/เดือน และเบี้ยประชุม 5 หมื่นบาท/ครั้งเฉพาะกรรมการที่เข้าประชุม เพิ่มขึ้น 3 หมื่นบาท โดยจำกัดการจ่ายเบี้ยประชุมไม่เกินปีละ 15 ครั้ง และกำหนดค่าตอบแทนที่เป็นเงินโบนัสกรรมการประจำปี 2556 ตามผลประกอบการหรือกำไรสุทธิปตท.ในอัตราเงินโบนัสเท่ากับ 0.05% ของกำไรปี 2556 แต่ไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อคน เพิ่มขึ้น 1 ล้านบาทต่อคน เนื่องจากปตท.มีขนาดองค์กรที่ใหญ่ขึ้น ธุรกิจมีความซับซ้อนมากขึ้น
ด้านนายวิเชษฐ์ เกษมทองศรี ประธานกรรมการและกรรมการอิสระ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตนได้เข้ามารับตำแหน่งประธานบอร์ดปตท.ตั้งแต่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยได้มอบนโยบายแก่กรรมการในบอร์ดปตท.ในการทำงานให้มีความโปร่งใสมากที่สุด และบอร์ดต้องมีความรู้ในเรื่องต่างๆก่อนตัดสินใจอนุมัติ เช่น การอนุมัติโครงการลงทุนต่างๆ เป็นต้น ซึ่งถือเป็นพันธะกิจที่ต้องทำ ส่วนการตัดสินใจลงทุนธุรกิจถ่านหินและไฟฟ้านั้นถือว่าเป็นธุรกิจพลังงานเหมือนกันเช่นเดียวกันน้ำมันและก๊าซฯ
