xs
xsm
sm
md
lg

“พี่มาก-คู่กรรม”ดัน โฆษณาโรงหนังพุ่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หน้าหนังดีในเดือนมี.ค. ส่งเมเจอร์แอดทำรายได้ 200 ล้านตามเป้า ชี้หนัง3เรื่องช่วยชีวิต คือ "จีไอโจ-คู่กรรม-พี่มากพระโขนง" ส่วนไตรมาสสองมั่นใจหน้าหนังฮอลลีวู้ดตบเท้าเรียกเม็ดเงินอีกเพียบ มั่นใจทั้งปีมีรายได้จากธุรกิจโฆษณาร่วม 1,000 ล้านบาท

นายนิธิ พัฒนภักดี ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เมเจอร์ ซีนีแอด จำกัด ในเครือบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมรายได้ของบริษัทใน3เดือนแรกนี้ เชื่อว่าจะทำได้ถึง 200 ล้านบาทตามที่คาดการณ์ไว้ ส่วนสำคัญมาจากแผนการขายโฆษณาตามหน้าหนังล่วงหน้า ซึ่งในไตรมาสแรก โดยเฉพาะเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา มีรายชื่อหนังที่คาดการณ์ไว้ว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีกว่า2เดือนแรก ทำให้รายได้โฆษณาในไตรมาสแรกจึงทำได้ตามเป้า

ส่วนรายชื่อหนังที่ขายล่วงหน้าในไตรมาสแรกที่ทำรายได้ให้มากสุด 3 อันดับแรก คือ จีไอโจ คู่กรรม และพี่มากพระโขนง โดยเฉพาะเรื่องคู่กรรมนั้น สามารถทำรายได้จากโฆษณาไปกว่า 20-30 ล้านบาท เต็มเวลาที่สามารถขายได้ ทั้งนี้บางเรื่องก็ประสบความสำเร็จได้รับความนิยมเกินที่คาดไว้ แต่บางเรื่องก็ไม่เป็นไปตามที่คาดไว้นั้น

สำหรับรายได้โฆษณาแล้ว ไม่มีปัญหาใดๆเกิดขึ้น เพราะถือเป็นการซื้อโฆษณาล่วงหน้า มีแต่ลูกค้าที่ซื้อโฆษณาเท่านั้นที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากกว่าที่คาดการณ์กันไว้ ทั้งนี้ทางบริษัทก็จะไม่มีการปรับลดหรือเพิ่มราคาโฆษณาใหม่ เพราะถือว่าได้ตกลงในสัญญากันจบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สำหรับไตรมาสสองนี้ มองว่ายิ่งจะมีรายได้มากกว่า 3 เดือนแรกอีกราว 20% เนื่องจากรายชื่อหนังส่วนใหญ่เป็นหนังฟอร์มยักษ์ที่คาดว่าจะทำรายได้สูงหลายเรื่อง โดยเฉพาะหนังฮอลลีวู้ด ซึ่งทางบริษัทก็ได้มีการขายโฆษณาไปล่วงหน้าบ้างแล้ว และบางเรื่องเกือบจะขายได้หมด 100% เช่นกัน เช่น ไอรอนแมน และฟาสต์6 เป็นต้น

ขณะที่ภาพรวมครึ่งปีหลังก็น่าจะมีรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากปีนี้รายชื่อหนังทำเงินตลอดทั้งปี อีกทั้งลูกค้าให้ความสนใจใช้สื่อโฆษณาในโรงภาพยนตร์มากขึ้น เชื่อว่าถึงสิ้นปีหากมีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่องก็น่าจะมีรายได้ราว 800-1,000 ล้านบาท

นายนิธิ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันกลุ่มลูกค้าหลักที่ซื้อสื่อโฆษณาในโรงภาพยนตร์มากที่สุด คือ รถยนต์, เครื่องดื่ม/อาหาร และภาครัฐหรือองค์กรต่างๆ ตามลำดับ ในสัดส่วนกว่า 20% ลดหลั่นกันลงมา โดนมีกลุ่มคอนซูเมอร์โปรดักส์เริ่มหันมาใช้สื่อโฆษณาในโรงภาพยนตร์มากขึ้น จากเดิมปีก่อนมีสัดส่วนที่ 10% ปีนี้คาดว่าจะสูงถึง 20-30%

ดังนั้นแผนการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทได้ปรับโครงสร้างการทำงาน โดยเฉพาะทีมจัดกิจกรรมควบคู่ไปกับการลงสื่อโฆษณาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น มีการเพิ่มบุคคลากรเข้ามาดูแลมากขึ้น พร้อมทั้งทุ่มงบลงทุนอีกกว่า 50 ล้านบาท ในการพัฒนาเครื่องมือและจอภาพแอลอีดีทีวีขนาดใหญ่ 10 จอ มูลค่าจอละ 3 ล้านบาท และแบบจอตั้งอีก 6-8 จอ มูลค่า 2 ล้านกว่าบาททั้งในสาขาใหม่ และสาขาเดิมที่มีศักยภาพ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการใช้สื่อโฆษณาในโรงภาพยนตร์ให้สามารถแข่งขันกับสื่ออื่นๆ อย่าง อินสโตร์ และทรานซิทได้ ในสถานการณ์ที่ผู้ซื้อสื่อโฆษณากำลังมองหาสื่อที่มีศักยภาพมากที่สุด รองจากสื่อทีวีที่ในขณะนี้หาช่วงเวลาลงได้น้อยมาก เพราะค่อนข้างเต็มไปหมดแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น