“เอสเอฟ” คุยโวยอดขายโฆษณาโรงหนังโต 25% คาดยังคงโตต่อเนื่องเหตุเพิ่มสาขาใหม่ต่อเนื่อง ด้านเมเจอร์ฯ ปรับกลยุทธ์ใหม่ ขายโฆษณาเป็นแพกเกจตามหน้าหนังที่เข้าฉาย หวังดันสัดส่วนรายได้จากโฆษณาเป็น 30%
นายสุวิทย์ ทองร่มโพธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส เอฟ ซีเนม่า ซิตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ช่วงครึ่งปีแรกภาพรวมยอดขายโฆษณาของบริษัทฯ เติบโต 25% เพราะมีการขยายสาขาใหม่จำนวน 2 สาขาในปีที่ผ่านมา คือ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล สาขาพระราม 9 และศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 ส่งผลให้ยอดขายโฆษณาสูงขึ้น แต่ก็ยังถือเป็นตัวเลขที่ต่ำมากเนื่องจากบริษัทฯ ควบคุมระยะเวลาการฉายโฆษณาไม่ให้เกิน 5 นาที เมื่อเปรียบเทียบกับตัวเลขของนีลเส็นที่มีการวิจัยพบว่าตลาดรวมเติบโต 100%
ส่วนครึ่งปีหลังนี้บริษัทฯ จะใช้งบลงทุนอีก 350 ล้านบาทเพื่อขยายสาขาใหม่เพิ่มอีกประมาณ 4 สาขา คือที่ สาขาสุราษฎร์ธานี สาขามหาสารคาม สาขาอุดรธานี และสาขาลำปาง
ขณะที่แผนระยาว 3 ปีจากนี้บริษัทฯ จะเน้นการขยายสาขาโรงหนังเอสเอฟ ซีเนม่าในตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น เน้นเข้าไปในจังหวัดหัวเมืองใหญ่เป็นหลัก ทั้งในรูปแบบร่วมกับศูนย์การค้าท้องถิ่น หรือกลุ่มซีพีเอ็น หรือกลุ่มเดอะมอลล์ หรืออาจจะเป็นการลงทุนเองก็ได้หากมีความเหมาะสม
นายสุวัฒน์กล่าวว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายตั๋วรวมปีนี้ไว้ที่ 18 ล้านใบ หรือมีรายได้รวมประมาณ 3,000 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 25% ซึ่งมีรายได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท หรือมียอดขายตั๋วประมาณ 12 ล้านใบ
**เมเจอร์ฯ ปรับกลยุทธ์ขายโฆษณา
นายนิธิ พัฒนภักดี ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เมเจอร์ ซีนีแอด จำกัด ในเครือบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมื่อต้นปีนี้บริษัทฯ ได้ปรับรูปแบบการขายแพกเกจโฆษณาโรงหนังใหม่ให้เป็นแบบแพกเกจตามหนังที่เข้าฉายโรง ควบคู่กับกิจกรรมการตลาดของหนังเรื่องดังกล่าว จากเดิมจะเน้นการขายโฆษณาตามสาขาของโรงภาพยนตร์ การโฆษณาแบบเหมาทั้งปี และการโฆษณาตามฤดูกาล
จุดประสงค์การปรับเพื่อให้มีความชัดเจนในด้านของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งหลังจากเริ่มทดลองกลยุทธ์ดังกล่าวส่งผลให้มีสัดส่วนการขายสื่อโฆษณาเพิ่มขึ้นเป็น 20% จากปีก่อนที่มีสัดส่วนเพียง 5% เท่านั้น และมั่นใจว่าภายในสิ้นปีนี้จะเพิ่มสัดส่วนเป็น 30%
ในส่วนของรายได้โฆษณาปีที่แล้วมีประมาณ 766 ล้านบาท หรือคิดเป็น 14-15% ของรายได้รวมบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป และคาดว่าถึงสิ้นปีนี้รายได้ของบริษัทฯ จะเพิ่มขึ้น 15% และภายใน 3 ปีนับจากนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 20% เนื่องจากบริษัทจะให้น้ำหนักกับการใช้สื่อโฆษณาผ่านโรงภาพยนตร์ในกรุงเทพฯ 60% อีก 40% จะเป็นโรงภาพยนตร์ในต่างจังหวัด
นอกจากนั้น การเติบโตยังมาจากการที่เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เตรียมขยายสาขาใหม่ในต่างจังหวัดมากขึ้น เช่น จ.นครศรีธรรมราช เซ็นทรัล สุราษฎร์ธานี ห้างโลตัสแม่สอด จ.ตาก เป็นต้น จากปัจจุบันบริษัทฯ มีโรงภาพยนตร์เปิดบริการแล้วจำนวน 54 ทำเล มากกว่า 400 โรง และมีแผนจะเปิดใหม่ปีละไม่ต่ำกว่า 40-50 โรง
“ปัจจุบันภาพรวมของภาพยนตร์โฆษณาปรับราคาสูงขึ้นเฉลี่ย 15% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นตามทำเลของโรงภาพยนตร์ รวมถึงปรับจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการใช้สื่อโฆษณาที่เป็นรูปแบบดิจิตอลมากขึ้น” นายนิธิกล่าว