xs
xsm
sm
md
lg

ออกตัวแรง “ศึกพระวิหาร” ตีปิ๊บพีอาร์ดิ้นหนีความผิด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

**เขยิบใกล้เข้ามาแล้ว สำหรับการแถลงด้วยวาจาครั้งสุดท้าย (Oral Hearing) ต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ระหว่างวันที่ 15-19 เมษายนนี้ ก่อนจะรู้ผลคำตัดสินกันอีกทีในช่วงปลายปี
ต้องถือว่าเป็นอีกเรื่องร้อนที่หลายฝ่ายให้ความสนใจและจับตามองเป็นพิเศษในช่วงฤดูร้อนนี้มากที่สุด เพราะการตัดสินครั้งนี้มีอธิปไตย หรืออาณาเขตของประเทศไทยบางส่วนเป็นเดิมพัน
ถึงแม้จะยังไม่รู้ผลเลยในการแถลงด้วยวาจาครั้งสุดท้ายในครั้งนี้ แต่ก็ถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะจะทำให้ประชาชนได้รู้ทิศรู้ทางว่า ทางทีมทนายของกัมพูชา และทีมทนายของไทย หักล้างเหตุผล และสู้กันอย่างไร
หรือง่ายๆ ที่ฝ่ายต้านรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” กำลังสงสัยก็คือ รัฐบาลไทยสู้กับรัฐบาลกัมพูชาเต็มที่หรือไม่ ตรงนี้ก็จะได้เคลียร์กันอีกเปลาะ
ขณะที่ความเคลื่อนไหวก่อนถึงวันแถลงด้วยวาจาต่อศาลโลกเป็นครั้งสุดท้าย ก็เริ่มมีการอุ่นเครื่องให้เห็นกันแล้วเหมือนกัน โดยเฉพาะกับท่าทีของ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” ที่มีการขยับเขยื้อนจนผิดสังเกตในช่วงนี้ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการต่างประเทศ ภายใต้การนำของ “อ้ายปึ้ง” สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ที่จัดช่องทางการเผยแพร่ข้อมูลสำหรับประชาชนที่สนใจแบบสารพัด ทั้งการเลือกรับฟังเสียงการให้ถ้อยแถลง ทั้งเสียงจริงภาษาฝรั่งเศส และภาษาอังกฤษ เสียงที่แปลแล้วเสร็จสรรพหลายช่องทาง
นอกจากนี้ ยังมีการจัดตั้งศูนย์ข่าวที่กระทรวงการต่างประเทศ ในระหว่างวันที่ 14-19 เมษายน โดยจะมีการประสานการให้สัมภาษณ์ประจำวัน หลังการให้การในศาล การแถลงสรุปสถานการณ์ประจำวัน ก็จะเป็นหน้าที่ของ “ทูตวีรชัย พลาศรัย” เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮก ในฐานะตัวแทนสู้คดีฝ่ายไทยอีกด้วย
ตลอดจนการเผยแพร่เอกสารสำนวนข้อเขียนผ่านทางเว็บไซต์ ที่กระทรวงการต่างประเทศได้แปลสำนวนทั้งหมดของฝ่ายไทย 1,300 หน้า และ กัมพูชา 300 หน้า เป็นภาษาไทย ซึ่งจะเริ่มเผยแพร่ตามเวลาที่ศาลโลกอนุญาต ตรงกับเวลา 15.00 น. ในวันที่ 15 เมษายน โดยจะเผยแพร่ทั้งเอกสารฉบับเต็มและฉบับย่อ ให้ได้ทราบไปควบคู่กัน
กับอีกจุดที่รัฐบาลกำลังทำคู่ขนานเพื่อกลบอุณหภูมิร้อน คือ การกระหน่ำปล่อย รายการพิเศษ “ประเทศไทยกับคดีปราสาทเขาพระวิหาร อดีต ปัจจุบัน อนาคต และก้าวต่อไปความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชา” ทางช่องโมเดิร์นไนน์ทีวี เพื่อให้ข้อมูลและความรู้ในเรื่องปราสาทพระวิหาร อย่างครอบคลุม อาทิ ภูมิหลัง ความเป็นมาของคดี การดำเนินการของรัฐบาลไทย กระบวนการพิจารณาคดี ข้อต่อสู้ทางกฎหมายของไทย แนวโน้มความเป็นไปได้ของคำพิพากษา และการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชา
**เรียกว่า ในส่วนของ “กระทรวงบัวแก้ว” จัดเต็มให้ถึงความโปร่งใส ตั้งใจกะกลบข้อหามีนอกมีในกับ “เขมร” ให้เคลียร์ชัดกันไปเลย
ขณะที่ “ยิ่งลักษณ์” เองก็ไม่น้อยหน้า ทำงานสอดประสานกับกระทรวงการต่างประเทศ ชนิดทำกันแบบทีม ตามแบบฉบับพะยี่ห้อโคตรเซียนการตลาด จัดการตั้งศูนย์ติดตามสถานการณ์การแถลงด้วยวาจาต่อศาลโลก หรือ “วอร์รูม” กันอยู่ที่บริเวณชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งเป็นห้องไอซีที ไว้ใช้สำหรับเชื่อมต่อสัญญาณการถ่ายทอดสดจากวอร์รูม ของกระทรวงการต่างประเทศ และเป็นห้องที่สามารถประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ได้อีกด้วย
โดยมีหัวหน้าวอร์รูมอย่าง “เดอะปุ้ม” นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นั่งมอนิเตอร์ และมีรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง “พล.ต.ธวัช บุญเฟื่อง - สุภรณ์ อัตถาวงศ์ - ประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ” และข้าราชการเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องประจำวอร์รูม คอยสื่อสารข้อมูลให้ประชาชนเข้าใจ ผ่านสถานีโทรทัศน์ช่อง 11
จับอาการ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” ออกแอ็กชั่นสุดตัว คงเพราะอยากให้เห็นว่า รัฐบาลตั้งใจและมุ่งมั่นเพียงใดกับการสู้ศึกปราสาทเขาพระวิหารครั้งนี้ เพราะที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยและเครือข่ายนายห้างดูไบ มีจุดอ่อนให้ฝ่ายตรงข้ามตั้งเป้าถล่ม ข้อหาสมรู้ร่วมคิดกับ “เขมร” มาเยอะ จึงจำเป็นต้องโชว์ “คลีนแอนด์เคลียร์” กันแบบเว่อร์ๆ กันเสียหน่อย
จับจังหวะสาเหตุที่ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” และ“พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” ที่ระเหเร่ร่อนอยู่ต่างแดน ใช้มุกถนัดแนวทางตลาด ประชาสัมพันธ์สร้างภาพให้เห็นว่า กระตือรือร้น เพราะอ่านเกมออกว่า แม้จะเป็นการแถลงด้วยวาจาเป็นครั้งสุดท้าย แบบที่ต้องยังรอลุ้นผล แต่ก็หวั่นอารมณ์มวลชนคนรักชาติ จะยกขบวนมาไล่ตะเพิดรัฐบาลหาก ทะเร่อทะร่า เสียทีในศาลโลก
ตอกย้ำได้ชัดกับที่ “อ้ายปึ้ง” ออกมาสารภาพ ในฐานะที่เคยอยู่ในสังกัดค่ายสีฟ้า รู้แน่ว่าอดีตต้นสังกัดเก่าอาจใช้กลยุทธ์ทำให้คนเข้าใจผิดด้วยการใช้ถ้อยคำ หรือบิดเบือนถ้อยคำ ดังนั้น จึงต้องดักคอ กันไว้ก่อน
อย่างไรก็ตาม นอกจาก “เกมรุก - เพื่อรับ” ข้างต้นแล้ว อีกกรณีที่ "พลพรรคนายห้างดูไบ" ดูเหมือนจะเตรียมหมากไว้แก้เกม “พรรคประชาธิปัตย์” ในกรณีที่ผลปรากฏว่า คำตัดสินของศาลโลก ทำให้ไทยเพลี่ยงพล้ำ ก็คือ การแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลพยายามต่อสู้เต็มความสามารถแล้ว โดยเฉพาะ "ทีมทนายต่อสู้" รัฐบาลชุดนี้ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลง แต่ยังคงใช้ทีมเดิมที่แต่งตั้งโดยรัฐบาลอภิสิทธิ์ ดังนั้นจะมากล่าวหาภายหลังไม่ได้
กับอีกจุดที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยต้องฉายแน่ๆ ก็คือ การที่กัมพูชานำเรื่องนี้ขึ้นให้ศาลโลกตีความคำพิพากษาปี 2505 ในครั้งนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เพราะมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน แต่เป็นผลต่อเนื่องที่เกิดขึ้นมาจากรัฐบาลอภิสิทธิ์ ล้วนๆ
ตามคิวที่ “จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ” รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกมาแบไต๋ ตั้งแต่ไก่โห่
"รัฐบาลจะทำเต็มความสามารถ คดีนี้เกิดในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ แล้วได้มีการแต่งตั้งคณะทนายความขึ้นมา เมื่อรัฐบาลนี้มาบริหาร ก็ไม่ได้เปลี่ยนทีมทนายเลย เพราะฉะนั้นขอชี้แจงล่วงหน้าเลยว่า ถ้าหากจะต้องรับผิดชอบ รัฐบาลชุดที่แล้วกับชุดนี้ ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน จะโยนขี้มาให้ฝ่ายเดียวได้ไง บอกประชาชนไว้ก่อนล่วงหน้า จะแพ้จะชนะ ก็ต้องหารสองกันล่ะ"
จับจังหวะหมากกระดานนี้ของเครือข่ายสีแดง หากคดีนี้ผลออกมาพลาดพลั้ง “เพื่อไทย” จะลาก “ประชาธิปัตย์” เข้าไปเป็น “จำเลยร่วม” อีกคน
จัดหนัก จัดเต็ม เล่นกันทุกแง่ อุดทุดรูรั่ว เพราะคดีนี้แรงสั่นสะเทือนสูงลิ่ว
**ฉะนั้นคิวการต่อสู้ในคดีปราสาทเขาพระวิหารครั้งนี้ นอกจากเนื้อหาในถ้อยแถลงแล้ว ยังแฝงด้วยการขบเหลี่ยม วางแผนแก้เกมระหว่างไทยด้วยกันเองอีกด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น