xs
xsm
sm
md
lg

คำนูณเตือนระวังเจอทีเด็ด รัฐแบไต๋แพ้เขมร มท.1ดึง "มาร์ค"ร่วมรับผิด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน-ส.ว.คำนูณ โพสต์เฟซบอกไทยมีหมัดเด็ดสู้คดีเขาพระวิหารในศาลโลก 15-19 เม.ย.นี้ พร้อมเตือนระวังเจอเขมรสวนกลับ มท.1 โบ้ย หากแพ้ รัฐบาล "มาร์ค" ต้องร่วมรับผิดชอบ เหตุเป็นคนตั้งทีมทนาย รัฐบาลเปิดวอร์รูมที่ตึกไทยคู่ฟ้า ติดตามการตัดสินคดี

วานนี้ (10 เม.ย.) นายคำนูณ สิทธิสมาน สว.สรรหา โพตส์เฟซบุ๊คส่วนตัวถึงการต่สู้คดีปราสาทพระวิหารว่า หมัดเด็ดของไทยที่จะใช้ในการแถลงด้วยวาจาในศาลโลก 15-19 เม.ย.นี้ คือ กลยุทธ "ดาบนั้นคืนสนอง" หรือ "ยืมหอกสนองคืนผู้ใช้" พิสูจน์ว่านับตั้งแต่ไทยปฏิบัติตามคำพิพากษา 15 มิ.ย.2505 โดยกำหนดอาณาเขตปราสาทพระวิหารตามมติคณะรัฐมนตรี 10 ก.ค.2505 แล้ว กัมพูชาไม่เคยคัดค้านมาตลอด ต้องถือว่ายอมรับแล้ว จะมาคัดค้านสงสัยในวันนี้ เมื่อเวลาผ่านไป 50 ปีได้อย่างไร ต้องโดนหลัก "กฎหมายปิดปาก" เหมือนที่ไทยโดน เพราะมีโอกาสจะคัดค้านแผนที่ระวางดงรักแล้ว ไม่คัดค้านนั่นแหละ

เป็นข้อเดียวที่ดูมีเหตุผลที่สุด และศาลยากจะพิจารณาเป็นอื่น ภายใต้เงื่อนไขที่ว่ากัมพูชาต้องไม่เคยคัดค้านเลยจริง !

ไทยแถลงเปิดเผย มีหรือกัมพูชาจะไม่รู้หมัดเด็ดนี้ของไทย !

จึงน่าเสียวไส้ตรงที่ว่าเงื่อนไขที่ว่านี้อาจแปรผัน หากกัมพูชาแสดงหลักฐานได้ว่าเคยคัดค้านมาก่อนแล้ว !

หลักฐานนั้นก็จะเป็นหมัดเด็ดของกัมพูชาเช่นกัน !!

นายคำนูณ ระบุด้วยว่า หารือเรื่องปราสาทพระวิหารเสริมความรู้ในวงเล็กๆ เมื่อคืน ประโยคหนึ่งหลุดออกมาจากปากกูรูทางกฏหมาย "กฎหมายระหว่างประเทศ คือ กฎเกณฑ์ของมหาอำนาจ " ช่างเป็นสัจธรรมดีแท้"

กติกา ดูดี พรั่งพร้อมด้วยหลักการสวยหรู แต่สุดท้ายใช้กำลังบังคับให้ผู้อ่อนแอกว่าลงนามในหนังสือสัญญา !

เขาระบุอีกว่า เห็นสารคดีปราสาทพระวิหารช่อง 9 ตอนแรกเมื่อคืนนี้แล้วก็เข้าใจได้ว่า 1. อำนาจรัฐยิ่งใหญ่เพียงใด 2.คนใช้อำนาจรัฐเป็นและเนียนแต่อันตรายยิ่งเขาทำกันอย่างไร และ 3.จุดจบของกรณีนี้จะเป็นอย่างไร ไม่ใช่เพราะแค่เห็นการสัมภาษณ์ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ แทรกเป็นช่วงๆ แต่ดูเหมือน theme หลักที่เป็นพื้นฐานของสารคดี ก็คือ ปรัชญา วิธีคิด และมุมมองของดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ

ไม่ได้ปฏิเสธดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริโดยสิ้นเชิง แต่ธรรมชาติของการทำสารคดีแนวนี้และสื่อที่ไม่ใช่การโฆษณาชวนเชื่อ ต้องเปิดช่องให้ปรัชญา วิธีคิด และมุมมองของนักวิชาการคนอื่นกลุ่มอื่นด้วย อาทิ รศ.ศรีศักดิ์ วัลลิโภดม, อ.วีระพันธ์ มาลัยพันธุ์, อ.ม.ล.วัลวิภา จรูญโรจน์, ดร.อดุลย์ วิเชียรเจริญ และ ฯลฯ รวมทั้งดร.สมปอง สุจริตกุล ซึ่งจะรอดูวันต่อไปตอนต่อไป

นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีการชุมนุมคัดค้านการพิจารณาคดีที่กัมพูชาขอให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) ตีความคำตัดสินปราสาทพระวิหารปี 2505 ว่า ได้มีประชุมกับผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ นายอำเภอของ และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งตนได้ย้ำกรณีนี้ขอให้ว่ากันไปตามกระบวนการยุติธรรมของศาลโลก เพราะไทยเป็นสมาชิกของศาลโลกมาช้านานแล้ว เมื่อวันที่ศาลโลกตัดสินให้ไทยเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.2505 เราก็เคารพคำตัดสิน เพราะวิเคราะห์ดูแล้ว จะเสียมากกว่าได้ ส่วนในวันที่มีการพิจารณา จะเป็นการขยายรายละเอียดของคำวินิจฉัยศาลโลกในครั้งที่แล้ว ซึ่งยังมีปัญหาอยู่ส่วนหนึ่ง คือ พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร อย่างไรก็ตาม ที่มีคนบางกลุ่มออกมายุยงบอกว่าอย่าไปเชื่อศาลโลก และให้ถอนตัวออกจากศาลโลกนั้น ถามว่าจะคิดเพี้ยนกลับอีกเหรอ แล้วจะอยู่ในประชาคมได้อย่างไร

"คนพวกนี้ไม่รู้คิดอะไร จะไปอาศัยความรักชาติ หลงชาติ คงไม่ใช่ ต้องดูเหตุ ดูผลทุกฝ่าย แล้วการที่มีศาลโลกเกิดขึ้นเพราะทุกประเทศมีการพิพาทกัน ถ้าไม่มีศาลโลก ก็จะใช้กำลังเข้าห้ำหั่นกัน เพราะฉะนั้นการยุยงให้เกิดความวุ่นวายจึงไม่ใช่เรื่องที่ควรกระทำ ตอนนี้ได้ปิดอุทยานและมีแนวป้องกันไม่ให้คนขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุน้ำผึ้งหยดเดียว การพิจารณารัฐบาลจะทำเต็มความสามารถ คดีนี้เกิดในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แล้วได้มีการแต่งตั้งคณะทนายความขึ้นมา เมื่อรัฐบาลนี้มาบริหารก็ไม่ได้เปลี่ยนทีมทนายเลย เพราะฉะนั้นขอชี้แจงล่วงหน้าเลยว่า ถ้าหากจะต้องรับผิดชอบ รัฐบาลชุดที่แล้วกับชุดนี้ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน จะโยนขี้มาให้ฝ่ายเดียวได้ไง บอกประชาชนไว้ก่อนล่วงหน้า จะแพ้จะชนะก็ต้องหารสองกันล่ะ"นายจารุพงศ์กล่าว

**ปรับชั้น 2 ตึกไทยฯทำวอร์รูมเกาะติดศาลโลก

พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลใช้ห้องไอที ที่อยู่ชั้น 2 ของตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เป็นวอร์รูมติดตามการให้การทางวาจาต่อศาลโลก โดยจะมีการเชื่อมต่อการเสนอข่าวจากสถานีโทรทัศน์ทุกช่อง ผ่าน 27 จอมอนิเตอร์ รองรับการทำงานของวอร์รูมกระทรวงการต่างประเทศ มีนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าทีมวอร์รูม มีรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่ ข้าราชการต่างๆที่เกี่ยวข้องเป็นทีมงานวอร์รูม ขณะที่นายกฯได้ให้นโยบายการทำงานว่า ขอให้รัฐมนตรีทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องติดตามการเคลื่อนไหวการพิจารณาคดีของศาลโลก และให้นำสิ่งต่างๆ ถ่ายทอดไปสู่ประชาชน เป็นการถ่ายทอดที่ตรงไปตรงมา โดยเฉพาะเมื่อมีการแปลเป็นภาษาไทยแล้ว สำหรับห้องวอร์รูม ดังกล่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นผู้ที่สั่งให้มีการปรับปรุงเป็นศูนย์ไอทีของรัฐบาล เพื่อเชื่อมการทำงานแต่ละกระทรวง เพื่อให้การทำงานเกิดการบูรณาการ
กำลังโหลดความคิดเห็น