ร.ท.หญิงสุณิสา เสิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลถอนกฎหมายให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ในโครงการ Thailand 2020 ออกจากการพิจารณาสภาฯนั้น คงไม่สามารถกระทำได้ ซึ่งรัฐบาลขอยืนยันว่า โครงการดังกล่าวรัฐบาลมีความพร้อมในการเดินหน้าอย่างเต็มที่ พร้อมกันนี้ยังได้สั่งการให้สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มค่าในการลงทุนเส้นทางรถไฟความเร็วสูง และโครงการอื่นๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ที่จะดำเนินการไปตามขั้นตอน
ร.ท.หญิงสุณิสา กล่าวว่า เพื่อความโปร่งใส ของโครงการไทยแลนด์ 2020 ดังนั้นหน่วยงานที่เป็นเจ้าของโครงการ จึงต้องศึกษาเรื่องความคุ้มค่าของการลงทุน และผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งต้องพิจารณาให้รอบคอบว่า โครงการสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ประเทศหรือไม่ นอกจากนี้ทุกโครงการยังต้องผ่านการกลั่นกรองของ 3 หน่วยงานหลัก คือ สภาพัฒนาฯ กระทรวงการคลัง และ สำนักงบประมาณ หลังจากนั้นยังต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งจะเห็นได้ว่าโครงการ Thailand 2020 มีกระบวนการตรวจสอบหลายชั้น เพื่อป้องกันการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ และเพื่อความโปร่งใส
ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า จะติดตามตรวจสอบโครงการ Thailand 2020 นั้น ร.ท.หญิงสุณิสา กล่าวว่า รัฐบาลยินดี เพราะมั่นใจว่าทุกขั้นตอนมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ อีกทั้งรัฐบาล ก็ยังอยากให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการตรวจสอบโครงการอยู่แล้ว ตามที่นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ รมว.คมนาคม ที่เคยได้ยืนยันไว้ว่า พร้อมที่จะนำข้อเสนอแนะจากทุกฝ่ายใช้ในการปรับปรุงรายละเอียดโครงการ ไม่ว่าจะเป็นความเห็นของภาคประชาชน นักวิชาการ ซึ่งรวมถึงความคิดเห็นของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะเป็นความคิดเห็นที่แสดงในที่สาธารณะ หรือความคิดเห็นที่เกิดขึ้นระหว่างการประชุมของคณะกรรมมาธิการ ทั้งนี้เพื่อให้โครงการ Thailand 2020 เป็นไปอย่างมีประสทธิภาพมากที่สุด
นายประชา ประสพดี รมช.มหาดไทย กล่าวถึงกรณี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะโจมตีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทำนองว่าคิดแต่กู้ ดีแต่กู้ ว่า เป็นการแสดงความเห็นที่เกินงามจนเสียมารยาท ไม่สมกับการเป็นผู้นำฝ่ายค้าน และอดีตนายกฯ ทั้งๆที่พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ใช้ความคิดบนประสบการณ์ที่ได้ไปคุยกับแขกบ้านแขกเมืองทั่วโลก คิดในมุมมองของนักบริหาร และชี้ให้เห็นถึงข้อดีของการกู้เงินมาลงทุน มาสร้างโอกาสให้ประชาชน สร้างรายได้ให้ประเทศ น่าเสียดายที่ นายอภิสิทธิ์ มีมุมมองที่คับแคบ จึงเป็นได้แค่ฝ่ายค้านอยู่อย่างนี้ ก็น่าเห็นใจเหมือนกันที่วันนี้ไม่ค่อยมีอะไรทำ เลยต้องออกมาแกว่งปากไปเรื่อย ตนก็อยากย้อนถามว่า เช็คช่วยชาติ 2,000 บาท ที่แจกกันไปตอนนั้น มันได้มรรคผลอะไรบ้าง ประชาชนหายจนไหม หายตกงานหรือไม่ กินทางปากออกทางก้นไปหมดแล้ว อันนั้นก่อรายได้แค่เวลาสั้นๆ แต่การลงทุนตรงนี้ จะสร้างรายได้ในระยะยาว
** อัดปชป.มั่วตัวเลข ยัน"แม้ว"คนใช้หนี้ IMF
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาแนะพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ควรเลิกเล่นเฟซบุ๊ก เพราะให้ข้อมูลผิดๆกับประชาชน ว่า เป็นหลักฐานที่ยืนยันชัดเจนว่า แม้โลกจะหมุนไว แต่พรรคประชาธิปัตย์ ไม่เคยก้าวทันพ.ต.ท.ทักษิณ ขนาดโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ยังดิ้นเร่าๆราวกับปูนขาวโดนหอยหลอดกันทั้งพรรค
การที่บอกว่างบลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในสมัยรัฐบาล นายชวน หลีกภัย ใช้เม็ดเงินมากกว่า สมัยรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ เด็กอมมือที่ไหนก็คิดออกว่า ระหว่างรัฐบาลอายุ 2 ปี 8 เดือน กับรัฐบาล 5 ปี ใครจะมีงบประมาณเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานมากกว่ากัน ที่พอจะจริงอยู่บ้างคือ บอกว่าโครงการถนน 4 เลนชะงักไป ในสมัยรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ นั้น ต้องชะงักแน่นอน เพราะขณะนั้นรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ สร้างถนน 6 เลน 8 เลนไปแล้ว
ส่วน เรื่องใช้หนี้ IMF ที่บอกว่า รัฐบาลนายชวน ใช้หนี้มากกว่า ก็ขอบอกว่า เมื่อเทียบกับระยะการทำงาน เปอร์เซ็นต์ต่อเปอร์เซ็นต์ การใช้หนี้ รัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ใช้หนี้ได้สูงกว่า ข้อมูลจากกระทรวงการคลังระบุชัด รัฐบาลชวนมีหนังสือขอกู้ยืมเงิน IMF เมื่อวันที่ 20 ส.ค. 40 และมีการทะยอยกู้ยืมจนถึงปี 42
ส่วนรัฐบาลที่มาชำระหนี้ IMF หมดสิ้น ในปี 46 คือ รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ และการชำระหนี้คืนก่อนกำหนด ทำให้รัฐบาลไทยสามารถประหยัดดอกเบี้ยได้ ถึง 116 ล้าน USD หรือราว 3,000 ล้านบาท โดยไม่มีค่าธรรมเนียมคืนก่อนกำหนด ร้อยละ 2 ที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด จึงอยากบอกพรรคประชาธิปัตย์ว่า ควรหัดจะสำนึกบ้างว่า เศรษฐกิจ ฟองสบู่ มันเริ่มก่อฟองฟอดในสมัยรัฐบาลนายชวน จนนำไปสู่วิกฤติการเงินในประเทศ หรือ วิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540 ส่วนหนึ่งมาจากการเปิดเสรีทางการเงินหรือ BIBF ปล่อยให้สถาบัน และนิติบุคคลไทย ออกไปลงทุน และกู้เงินในต่างประเทศ เงินไหลทะลักเข้าโดยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีมาตรการรองรับ ทำให้กลายเป็นหนี้ต่างประเทศจำนวนมหาศาล กว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ และพอฟองสบู่แตก ก็เหมือนหนองแตก ที่โชคร้ายมาแตกในสมัยรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ แล้วยังตามมาปิด 56 ไฟแนนซ์ อีกรอบ สร้างความเสียหายมโหฬารต่อประเทศ เอาสินทรัพย์ 850,000 ล้านบาท ประเคนขายให้ฝรั่ง ได้ตังค์มาแค่ 190,000 ล้านบาท ขาดทุนกว่า 600,000 ล้านบาท คนที่เกี่ยวข้องอย่าง นายอมเรศ ศิลาอ่อน ก็ถูกตัดสินจำคุก เพราะมีพฤติการณ์ฉ้อฉล ส่อไปในทางทุจริต แล้วรัฐบาลชุดไหนล่ะ ที่ไปออกกฎหมายเอื้อปรส. ให้ปรส. ไปเอื้อฝรั่ง ถึงแม้จะมีนักการเมืองใหญ่ที่อาจยังไม่ติดคุก ก็ต้องชดใช้กรรมในปั้นปลาย เจ็บป่วยอย่างหนัก หลบลี้หนีหายทางการเมืองไปหลบพักรักษาตัว เฉพาะเรื่องนี้ ปชป. ก็สร้างความเสียหายให้กับประชาชน และประเทศไทย อย่างไม่น่าให้อภัย
ร.ท.หญิงสุณิสา กล่าวว่า เพื่อความโปร่งใส ของโครงการไทยแลนด์ 2020 ดังนั้นหน่วยงานที่เป็นเจ้าของโครงการ จึงต้องศึกษาเรื่องความคุ้มค่าของการลงทุน และผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งต้องพิจารณาให้รอบคอบว่า โครงการสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ประเทศหรือไม่ นอกจากนี้ทุกโครงการยังต้องผ่านการกลั่นกรองของ 3 หน่วยงานหลัก คือ สภาพัฒนาฯ กระทรวงการคลัง และ สำนักงบประมาณ หลังจากนั้นยังต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งจะเห็นได้ว่าโครงการ Thailand 2020 มีกระบวนการตรวจสอบหลายชั้น เพื่อป้องกันการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ และเพื่อความโปร่งใส
ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า จะติดตามตรวจสอบโครงการ Thailand 2020 นั้น ร.ท.หญิงสุณิสา กล่าวว่า รัฐบาลยินดี เพราะมั่นใจว่าทุกขั้นตอนมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ อีกทั้งรัฐบาล ก็ยังอยากให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการตรวจสอบโครงการอยู่แล้ว ตามที่นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ รมว.คมนาคม ที่เคยได้ยืนยันไว้ว่า พร้อมที่จะนำข้อเสนอแนะจากทุกฝ่ายใช้ในการปรับปรุงรายละเอียดโครงการ ไม่ว่าจะเป็นความเห็นของภาคประชาชน นักวิชาการ ซึ่งรวมถึงความคิดเห็นของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะเป็นความคิดเห็นที่แสดงในที่สาธารณะ หรือความคิดเห็นที่เกิดขึ้นระหว่างการประชุมของคณะกรรมมาธิการ ทั้งนี้เพื่อให้โครงการ Thailand 2020 เป็นไปอย่างมีประสทธิภาพมากที่สุด
นายประชา ประสพดี รมช.มหาดไทย กล่าวถึงกรณี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะโจมตีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทำนองว่าคิดแต่กู้ ดีแต่กู้ ว่า เป็นการแสดงความเห็นที่เกินงามจนเสียมารยาท ไม่สมกับการเป็นผู้นำฝ่ายค้าน และอดีตนายกฯ ทั้งๆที่พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ใช้ความคิดบนประสบการณ์ที่ได้ไปคุยกับแขกบ้านแขกเมืองทั่วโลก คิดในมุมมองของนักบริหาร และชี้ให้เห็นถึงข้อดีของการกู้เงินมาลงทุน มาสร้างโอกาสให้ประชาชน สร้างรายได้ให้ประเทศ น่าเสียดายที่ นายอภิสิทธิ์ มีมุมมองที่คับแคบ จึงเป็นได้แค่ฝ่ายค้านอยู่อย่างนี้ ก็น่าเห็นใจเหมือนกันที่วันนี้ไม่ค่อยมีอะไรทำ เลยต้องออกมาแกว่งปากไปเรื่อย ตนก็อยากย้อนถามว่า เช็คช่วยชาติ 2,000 บาท ที่แจกกันไปตอนนั้น มันได้มรรคผลอะไรบ้าง ประชาชนหายจนไหม หายตกงานหรือไม่ กินทางปากออกทางก้นไปหมดแล้ว อันนั้นก่อรายได้แค่เวลาสั้นๆ แต่การลงทุนตรงนี้ จะสร้างรายได้ในระยะยาว
** อัดปชป.มั่วตัวเลข ยัน"แม้ว"คนใช้หนี้ IMF
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาแนะพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ควรเลิกเล่นเฟซบุ๊ก เพราะให้ข้อมูลผิดๆกับประชาชน ว่า เป็นหลักฐานที่ยืนยันชัดเจนว่า แม้โลกจะหมุนไว แต่พรรคประชาธิปัตย์ ไม่เคยก้าวทันพ.ต.ท.ทักษิณ ขนาดโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ยังดิ้นเร่าๆราวกับปูนขาวโดนหอยหลอดกันทั้งพรรค
การที่บอกว่างบลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในสมัยรัฐบาล นายชวน หลีกภัย ใช้เม็ดเงินมากกว่า สมัยรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ เด็กอมมือที่ไหนก็คิดออกว่า ระหว่างรัฐบาลอายุ 2 ปี 8 เดือน กับรัฐบาล 5 ปี ใครจะมีงบประมาณเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานมากกว่ากัน ที่พอจะจริงอยู่บ้างคือ บอกว่าโครงการถนน 4 เลนชะงักไป ในสมัยรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ นั้น ต้องชะงักแน่นอน เพราะขณะนั้นรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ สร้างถนน 6 เลน 8 เลนไปแล้ว
ส่วน เรื่องใช้หนี้ IMF ที่บอกว่า รัฐบาลนายชวน ใช้หนี้มากกว่า ก็ขอบอกว่า เมื่อเทียบกับระยะการทำงาน เปอร์เซ็นต์ต่อเปอร์เซ็นต์ การใช้หนี้ รัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ใช้หนี้ได้สูงกว่า ข้อมูลจากกระทรวงการคลังระบุชัด รัฐบาลชวนมีหนังสือขอกู้ยืมเงิน IMF เมื่อวันที่ 20 ส.ค. 40 และมีการทะยอยกู้ยืมจนถึงปี 42
ส่วนรัฐบาลที่มาชำระหนี้ IMF หมดสิ้น ในปี 46 คือ รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ และการชำระหนี้คืนก่อนกำหนด ทำให้รัฐบาลไทยสามารถประหยัดดอกเบี้ยได้ ถึง 116 ล้าน USD หรือราว 3,000 ล้านบาท โดยไม่มีค่าธรรมเนียมคืนก่อนกำหนด ร้อยละ 2 ที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด จึงอยากบอกพรรคประชาธิปัตย์ว่า ควรหัดจะสำนึกบ้างว่า เศรษฐกิจ ฟองสบู่ มันเริ่มก่อฟองฟอดในสมัยรัฐบาลนายชวน จนนำไปสู่วิกฤติการเงินในประเทศ หรือ วิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540 ส่วนหนึ่งมาจากการเปิดเสรีทางการเงินหรือ BIBF ปล่อยให้สถาบัน และนิติบุคคลไทย ออกไปลงทุน และกู้เงินในต่างประเทศ เงินไหลทะลักเข้าโดยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีมาตรการรองรับ ทำให้กลายเป็นหนี้ต่างประเทศจำนวนมหาศาล กว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ และพอฟองสบู่แตก ก็เหมือนหนองแตก ที่โชคร้ายมาแตกในสมัยรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ แล้วยังตามมาปิด 56 ไฟแนนซ์ อีกรอบ สร้างความเสียหายมโหฬารต่อประเทศ เอาสินทรัพย์ 850,000 ล้านบาท ประเคนขายให้ฝรั่ง ได้ตังค์มาแค่ 190,000 ล้านบาท ขาดทุนกว่า 600,000 ล้านบาท คนที่เกี่ยวข้องอย่าง นายอมเรศ ศิลาอ่อน ก็ถูกตัดสินจำคุก เพราะมีพฤติการณ์ฉ้อฉล ส่อไปในทางทุจริต แล้วรัฐบาลชุดไหนล่ะ ที่ไปออกกฎหมายเอื้อปรส. ให้ปรส. ไปเอื้อฝรั่ง ถึงแม้จะมีนักการเมืองใหญ่ที่อาจยังไม่ติดคุก ก็ต้องชดใช้กรรมในปั้นปลาย เจ็บป่วยอย่างหนัก หลบลี้หนีหายทางการเมืองไปหลบพักรักษาตัว เฉพาะเรื่องนี้ ปชป. ก็สร้างความเสียหายให้กับประชาชน และประเทศไทย อย่างไม่น่าให้อภัย