เอเอฟพี/เอเจนซีส์/ASTVผู้จัดการรายวัน - มาร์กาเรต ฮิลดา แธตเชอร์ อดีตนายกฯ เจ้าของฉายา “หญิงเหล็ก” แห่งสหราชอาณาจักรได้ถึงแก่อสัญกรรมแล้วในวัย 87 ปี จากอาการป่วยด้วยโรคเส้นโลหิตหล่อเลี้ยงสมองอุดตัน ทั้งนี้ เป็นการยืนยันจากสมาชิกในครอบครัวของอดีตผู้นำอังกฤษ
รายงานข่าวซึ่งอ้างเซอร์ มาร์ค แธตเชอร์ บุตรชาย รวมถึง แครอล แธตเชอร์ บุตรสาว ระบุว่า นางมาร์กาเรต แธตเชอร์ ได้ถึงแก่อสัญกรรมแล้วในช่วงเช้าของวันจันทร์ (8) ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่ลอร์ด เบลล์ โฆษกประจำตัวของนางแธตเชอร์ออกมาแถลงโดยระบุ ว่า อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงของอังกฤษ ที่ครองอำนาจระหว่างปี 1979 - 1990 ผู้นี้ได้จากไปอย่างสงบ ถือเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของครอบครัวแธตเชอร์
นางมาร์กาเรต แธตเชอร์ได้รับการยกย่อง ไม่เพียงแต่ในฐานะของนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของสหราชอาณาจักร แต่ยังถูกชื่นชมในฐานะของผู้ที่พลิกฟื้นเศรษฐกิจของอังกฤษให้พ้นจากภาวะซบเซา รวมถึงยังได้รับการเชิดชูร่วมกับโรนัลด์ เรแกน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯให้เป็น “2 สถาปนิกผู้ยิ่งใหญ่” ที่อยู่เบื้องหลังชัยชนะของโลกตะวันตกเหนือค่ายคอมมิวนิสต์ในสงครามเย็น
ทั้งนี้ นางแธตเชอร์ประสบปัญหาด้านสุขภาพที่ย่ำแย่ลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หลังเคยล้มป่วยด้วยอาการเลือดไปหล่อเลี้ยงสมองไม่เพียงพอมาแล้วถึง 2 ครั้งในปี 2001 และ 2002 ขณะที่แครอล บุตรสาวของเธอเคยเปิดเผยเมื่อปี 2008 ว่า อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงของอังกฤษผู้นี้มีอาการสมองเสื่อม
นอกจากนั้น ปัญหาด้านสุขภาพยังส่งผลให้นางแธตเชอร์ มิได้เดินทางไปร่วมงานเลี้ยงฉลองวันเกิดปีที่ 85 ของเธอที่นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอนจัดให้ ณ บ้านเลขที่ 10 ถนนดาวนิง หรือบ้านพักนายกรัฐมนตรีอังกฤษเมื่อ 2 ปีก่อน รวมถึง พระราชพิธีเสกสมรสระหว่างดยุคและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์เมื่อเดือนเมษายนปี 2011
ล่าสุดทางสำนักพระราชวังบัคกิงแฮมออกคำแถลงที่ระบุว่า สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบ็ธที่ 2 องค์พระประมุขแห่งสหราชอาณาจักรได้ส่งพระราชสาส์นแสดงความเสียพระทัยต่อการจากไปของนางแธตเชอร์ ไปยังสมาชิกในครอบครัวแล้ว ขณะที่นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ออกมากล่าวว่า อังกฤษได้สูญเสียผู้นำที่ยิ่งใหญ่ นายกรัฐมนตรีที่ยิ่งใหญ่ และพลเมืองที่ยิ่งใหญ่ในคราวเดียวกัน
รายงานข่าวซึ่งอ้างเซอร์ มาร์ค แธตเชอร์ บุตรชาย รวมถึง แครอล แธตเชอร์ บุตรสาว ระบุว่า นางมาร์กาเรต แธตเชอร์ ได้ถึงแก่อสัญกรรมแล้วในช่วงเช้าของวันจันทร์ (8) ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่ลอร์ด เบลล์ โฆษกประจำตัวของนางแธตเชอร์ออกมาแถลงโดยระบุ ว่า อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงของอังกฤษ ที่ครองอำนาจระหว่างปี 1979 - 1990 ผู้นี้ได้จากไปอย่างสงบ ถือเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของครอบครัวแธตเชอร์
นางมาร์กาเรต แธตเชอร์ได้รับการยกย่อง ไม่เพียงแต่ในฐานะของนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของสหราชอาณาจักร แต่ยังถูกชื่นชมในฐานะของผู้ที่พลิกฟื้นเศรษฐกิจของอังกฤษให้พ้นจากภาวะซบเซา รวมถึงยังได้รับการเชิดชูร่วมกับโรนัลด์ เรแกน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯให้เป็น “2 สถาปนิกผู้ยิ่งใหญ่” ที่อยู่เบื้องหลังชัยชนะของโลกตะวันตกเหนือค่ายคอมมิวนิสต์ในสงครามเย็น
ทั้งนี้ นางแธตเชอร์ประสบปัญหาด้านสุขภาพที่ย่ำแย่ลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หลังเคยล้มป่วยด้วยอาการเลือดไปหล่อเลี้ยงสมองไม่เพียงพอมาแล้วถึง 2 ครั้งในปี 2001 และ 2002 ขณะที่แครอล บุตรสาวของเธอเคยเปิดเผยเมื่อปี 2008 ว่า อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงของอังกฤษผู้นี้มีอาการสมองเสื่อม
นอกจากนั้น ปัญหาด้านสุขภาพยังส่งผลให้นางแธตเชอร์ มิได้เดินทางไปร่วมงานเลี้ยงฉลองวันเกิดปีที่ 85 ของเธอที่นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอนจัดให้ ณ บ้านเลขที่ 10 ถนนดาวนิง หรือบ้านพักนายกรัฐมนตรีอังกฤษเมื่อ 2 ปีก่อน รวมถึง พระราชพิธีเสกสมรสระหว่างดยุคและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์เมื่อเดือนเมษายนปี 2011
ล่าสุดทางสำนักพระราชวังบัคกิงแฮมออกคำแถลงที่ระบุว่า สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบ็ธที่ 2 องค์พระประมุขแห่งสหราชอาณาจักรได้ส่งพระราชสาส์นแสดงความเสียพระทัยต่อการจากไปของนางแธตเชอร์ ไปยังสมาชิกในครอบครัวแล้ว ขณะที่นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ออกมากล่าวว่า อังกฤษได้สูญเสียผู้นำที่ยิ่งใหญ่ นายกรัฐมนตรีที่ยิ่งใหญ่ และพลเมืองที่ยิ่งใหญ่ในคราวเดียวกัน