xs
xsm
sm
md
lg

ไม่สนตายรายวันประจานเหลว ปูดื้อยกระดับBRN ต่อจิ๊กซอว์พลังงาน"แม้ว"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"ยิ่งลักษณ์"ลงใต้เยี่ยมเหยื่อบึ้มคนขับรถรองผู้ว่าฯยะลา และเจ้าหน้าที่ที่บาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมแวะคารวะ 2 ศพ "รองผู้ว่าฯ-ปลัดฯยะลา" ที่เมืองคอน ยันไม่ล้มแผนเจรจากลุ่ม "บีอาร์เอ็น" ปัดไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ป่วนรายวัน ขณะที่หลายฝ่ายจี้ให้ทบทวนการเจรจา ชี้เป็นการต่อจิ๊กซอว์ ด้านพลังงานเพื่อ"แม้ว" ด้าน "ผบ.ทบ." สั่งสอบหาไส้ศึกบอกข่าวโจรใต้ ฮึ่มใส่รัฐบาล "คุยกันที่ไหนก็คุยไปแต่อย่ามาคุยในดินแดนไทย" ด้านโจรใต้ไม่ไว้หน้า "ปู" บึ้มกลางเมืองยะลา 4 จุดทั้ง จยย.บอมบ์ในที่จอดรถโรงแรมโคล่า และปาระเบิดบาดเจ็บ 2 ราย พร้อมฆ่าตัดคอชาวจีนฮ่อลูกจ้างกรีตยางในยะลาอีก 1 ศพ ส่วนนราฯมีป่วน 3 บาดยิงซ้ำทหารพรานพลีชีพอีก 2 นาย ก่อนฉกปืนไปด้วย 2 กระบอก เจ็บ 2 ขณะที่ชุดกู้ระเบิดเจ็บ 4

เมื่อเวลา 08.10 น. วานนี้ (7เม.ย.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ประกอบด้วย นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย พล.ต.อ.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.มหาดไทย พล.ท.ภารดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) นพ.ประดิษฐ์ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.ศึกษาธิการ พล.ต.อ.อดุลย์ เเสงสิงแก้ว ผบ.ตร. และพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร เสนาธิการทหารบก ได้ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 ฝูงบิน 602 ลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเมื่อนายกฯ และคณะ เดินทางถึงสนามบินหาดใหญ่ ได้ขึ้นเฮลิคอร์ปเตอร์ต่อไปยังโรงพยาบาลศูนย์ยะลาเพื่อเยี่ยมเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติงานแล้วถูกกลุ่มก่อการร้ายโจมตีเมื่อวันที่ 5 เม.ย.56 ที่ผ่านมา โดยมีนายเดชรัฐ สิมศิริ ผวจ.ยะลา ให้การต้อนรับ

จากนั้นนายกฯ และคณะ เดินทางไปยังโรงพยาบาลศูนย์ยะลา เพื่อรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์จากผู้ว่าราชการ 5 จังหวัดชายแดนใต้ ประกอบด้วยนายกฤษฎา บุญราช ผวจ.สงขลา นายเหนือชาย จิระอภิรักษ์ ผวจ.สตูล นายเดชรัฐ สิมศิริ ผวจ.ยะลา นายประมุข ลมุล ผวจ.ปัตตานี และนายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผวจ.นราธิวาส จากนั้นได้เยี่ยมให้กำลังใจ นายสตอปา เจ๊ะเลาะ อายุ 48 ปี คนขับรถของนายอิสรา ทองธวัช รอง ผวจ.ยะลา ที่เสียชีวิต ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิด โดยยังพักรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู เนื่องจากยังไม่รู้สึกตัว และต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา

นอกจากนี้ นายกฯ ยังได้เยี่ยมนายทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดบนถนนสาย 410 ยะลา-เบตง อ.กรงปินัง จ.ยะลา ระหว่างเดินทางกลับมาจากปฏิบัติงานการคัดเลือกเกณฑ์ทหารที่ อ.บันนังสตา เมื่อวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยนายกฯ ได้มอบเงินและกระเช้าของขวัญให้กับญาตินายสตอปา เจ๊ะเลาะ และ ส.ท.ชาตรี พรหมราช นายทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมบอกว่า หากต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมให้แจ้งต่อผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งภาครัฐพร้อมให้ความช่วยเหลือเต็มที่
นายกฯ กล่าวว่า กำลังใจเป็นเรื่องสำคัญ วันนี้จึงเดินทางลงพื้นที่มาเยี่ยม และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ ที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ นอกจากนี้ ยังมาดูเรื่องของเครื่องมือทางการแพทย์และวิธีการช่วยเหลือผู้ป่วยพักฟื้นเพื่อให้หายเร็วขึ้น ส่วนการดูแลเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ตกเป็นเป้าหมายการก่อเหตุนั้นจะมีการปรับระดับความปลอดภัยเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและประชาชนตามความเข้มของพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ที่เกิดเหตุบ่อยจะต้องดูแลอย่างเต็มที่ แม้ที่ผ่านมาจะมีแผนดูแลความปลอดภัยอยู่แล้วก็ตาม ขณะเดียวกัน จะต้องให้รายละเอียดกับพื้นที่ให้มากขึ้น

**"ปู"ยันเดินหน้าเจรจากลุ่มBRNต่อ

นายกฯ กล่าวด้วยว่า เหตุความไม่สงบที่เกิดขึ้นรายวันไม่ส่งผลต่อการพูดคุยเพื่อสร้างสันติภาพ ซึ่งจะต้องแยกเหตุการณ์รายวันออกจากการพูดคุย ซึ่งทุกฝ่ายเห็นตรงกันกับแนวทางการพูดคุย เพราะจะเป็นหนทางทำให้เกิดสันติสุขในพื้นที่ ซึ่งถือเป็นเรื่องดีที่ได้มีการรับฟังความเห็นจากผู้ก่อความไม่สงบ แต่อย่างไรก็ตาม จะต้องให้เวลาให้การพูดคุย และเจรจา

ข่าวแจ้งว่า การเดินทางลงพื้นที่ภาคใต้ของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ ถือเป็นภารกิจปิดลับและได้แจ้งให้คณะผู้เกี่ยวข้องให้รับทราบในช่วงค่ำของวันที่ 6 เม.ย.เท่านั้น โดยไม่บอกสถานที่ และเวลาที่ชัดเจนด้วย

**"ปู"เคารพศพ 2 ขรก.เหยื่อบึ้มยะลา

หลังจากได้เยื่ยมคนเจ็บที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลาแล้ว นายกฯ พร้อมคณะเดินทางมายังศาลา 100 ปี ที่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อเคารพศพนายอิศรา ทองธวัช รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ถูกวางระเบิดรถยนต์ในพื้นที่ จ.ยะลา เมื่อวันที่ 5 เม.ย.โดยได้วางพวงหรีดและจุดธูปเคารพศพ พร้อมกับพูดคุยให้กำลังใจนางอธีนาถ ทองธวัช ภรรยาและญาติผู้เสียชีวิต โดยสั่งให้กระทรวงมหาดไทยดูแลครอบครับของนายอิศรา อย่างเต็มที่ด้วย ทั้งค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพ สวัสดิการต่างๆ รวมถึงการให้บุตรของนายอิศรา ที่กำลังจะจบการศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เข้ารับราชการเป็นปลัดอำเภอด้วย

นางธนีนาถ ทองธวัช ภรรยานายอิสรา เปิดเผยว่า นายกฯได้ให้กำลังใจแก่ครอบครัว และรับปากที่จะดูแลการเยียวยาช่วยเหลือครอบครัว พร้อมกันนั้นรับที่จะประสานงานเพื่อย้ายนายอธิศ บุตรชายคนโตที่เป็นพนักงาน กฟผ.อยู่ที่ จ.ลำปาง กลับมาอยู่ใกล้บ้านเพื่อดูแลครอบครัว ขณะเดียวกันรับที่จะดูแลลูกชายคนกลางคือนายวัชรวิชญ์ ที่กำลังศึกษาในคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ให้เข้ารับราชการเป็นนักปกครองแทนพ่อ ส่วนลูกสาวคนเล็กนั้นคือ ด.ญ.ณัฐิกา ยังเรียนอยู่ในชั้น ม.2 โรงเรียนมัธยมประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช

สำหรับการจัดงานศพนายอิศรา จะมีพิธีสวดอภิธรรมจนถึงวันที่ 11 เม.ย.โดยวันที่ 12 เม.ย.จะมีพิธีทำบุญครบ 7 วัน จากนั้นจะปิดสวดศพ ตั้งแต่วันที่ 12 - 25 เม.ย.แล้วจึงเปิดสวดศพอีกครั้ง ในวันที่ 26 เม.ย.ก่อนจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 27 เม.ย.56 ณ เมรุวัดชะเมา ถ.ราชดำเนิน ต.ท่าวัง อ.เมืองฯ จ.นครศรีธรรมราช

จากนั้น ได้เดินทางต่อไปยังวัดรังสีบูรณาราม ต.นากระชะ อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อเคารพศพของนายเชาวลิต ไชยฤกษ์ ปลัดป้องกันจังหวัดยะลา ที่ถูกคนร้ายวางระเบิดรถยนต์ในเหตุการณ์เดียวกัน พร้อมกับให้กำลังใจและมอบเงินช่วยเหลือกับนางบุปผาพันธ์ ไชยฤกษ์ ภรรยา และครอบครัวนายเชาวลิต พร้อมรับปากจะดูแลให้ทุนการศึกษา ด.ญ.ชวัลรัตน์ ไชยฤกษ์ อายุ 11 ปี และ ด.ญ.พัทธ์ธีรา ไชยฤกษ์ อายุ 6 ปี บุตรของผู้เสียชีวิตจนจบปริญญาตรี และจะดูแลค่าใช้จ่ายของครอบครับด้วย และหากมีปัญหาอะไรให้โทร.หานายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย โดย รมว.มหาดไทย ได้ให้นามบัตรแก่ภรรยาผู้เสียชีวิตเพื่อการติดต่อ จากนั้นได้วางพวงหรีดเคารพศพ ก่อนจะร่วมถ่ายภาพกับครอบครัว และญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิต และได้เดินทางกลับในเวลาต่อมา

**พระราชทานเพลิงศพปลัดฯ13เม.ย.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับศพนายเชาวลิต ไชยฤกษ์ ปลัดป้องกันจังหวัดยะลา ถูกเคลื่อนย้ายออกจาก จ.ยะลา ด้วยเฮลิคอปเตอร์กองทัพภาคที่ 4 มาถึงสนามโรงเรียนนาเส หมู่ 6 ต.นากะชะ อ.ฉวาง นครศรีธรรมราช เมื่อเวลา 11.30 น.วานนี้ โดยมีว่าที่ ร.ต.ฐิตวัฒน์ เชาวลิตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วยข้าราชการในพื้นที่ และใกล้เคียงและญาติพี่น้อง ตลอดจนชาวบ้านในพื้นที่ได้มารอรับศพ ขณะที่มีแถวกองเกียรติยศรอรับศพอย่างสมเกียรติ โดยมีนางบุปผาพรรณ ไชยฤกษ์ ภรรยา เดินถือภาพถ่ายนำขบวนศพของนายเชาวลิต และได้เคลื่อนขบวนมาตั้งในบริเวณศาลาวัดรังสีบูรณาราม โดยญาติพี่น้องของนายเชาวลิต ได้พากันร่ำไห้ระงมเป็นที่น่าเวทนา

ขณะที่บนศาลาวัดรังสีบูรณาราม ได้มีนายชื่น ไชยกฤษ์ อายุ 81 ปี และนางเหิม ไชยกฤษ์ อายุ 78 ปี พ่อและแม่นายเชาวลิต มานั่งคอยรับศพบุตรชายด้วยใบหน้าที่หมองเศร้า เมื่อเห็นศพของบุตรชาย นายชื่น ซึ่งป่วยเป็นอัมพกฤษ์ได้ร่ำไห้ออกมาเป็นที่หดหู่ จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้มีการประกอบพิธีเคารพศพขมาศพตามลำดับต่อไป

สำหรับศพของนายเชาวลิตร ไชยกฤษ์ ปลัดป้องกันจังหวัดยะลา จะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันเสาร์ที่ 13 เมษายน 2556 ที่วัดรังษีบูรณราม อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช

**ผบ.ทบ.เร่งสอบหนอนบ่อนไส้บึ้ม

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุลอบวางระเบิดรถรองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลาว่า กำลังตรวจสอบว่ามีคนในศาลากลางจังหวัดเป็นไส้ศึกแจ้งข่าวให้กับกลุ่มก่อความไม่สงบหรือไม่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการพิสูจน์ว่า การบรรจุคนเข้ารับราชการ ต้องตรวจสอบประวัติให้ละเอียด แต่สื่อมวลชนอย่าเพิ่งฟันธงว่ามีไส้ศึก

"เจ้าหน้าที่และกำลังพลที่ต้องใช้เส้นทางเดิมๆ สัญจรไป-มารวมถึงมีบ้านพักในพื้นที่เสี่ยงต้องระมัดระวังตัวให้มากขึ้น เหตุการณ์นี้ถือเป็นบทเรียนที่ต้องไม่เกิดขึ้นอีก สิ่งที่ต้องระมัดระวังอีกอย่างหนึ่ง คือมาตรการรักษาความลับ การกำหนดเวลาที่เหมาะสม ในการเคลื่อนย้ายไปยังจุดใดๆ แต่เป็นเรื่องยากที่จะตรวจสอบบุคคลที่ไม่เปิดเผยตัว”

**ฮึ่มใส่ รบ.อย่าคุยโจรใต้ในแดนไทย

ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลได้พูดคุยกับแกนนำก่อความไม่สงบตัวจริงหรือไม่ เพราะยังมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นต่อเนื่อง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การพูดคุยดำเนินการคู่ขนานกับการปฏิบัติงานด้านความมั่น ไม่ทราบว่าการพูดคุยดังกล่าวจะได้ผลหรือไม่อย่างไร การพูดคุยควรเห็นการเปลี่ยนแปลงใน 1-2 ปี หากไม่ได้ผลคงต้องหยุดและได้ชี้แจงหลายครั้งแล้วว่า เหตุรุนแรงคงไม่ยุติทันทีที่มีการพูดคุย เพราะยังมีหลายกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับกระบวนการดังกล่าว แต่การพูดคุยถือเป็นการเปิดช่องทางให้การแก้ไขปัญหาภาคใต้ ซึ่งไม่ได้ให้ความสำคัญ หรือให้เครดิตว่า ผู้ที่มาคุยกับตัวแทนฝ่ายไทยเป็นตัวจริงหรือไม่ สื่อก็ไม่ควรให้เครคิด หรือให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน

"อย่ากดดันเจ้าหน้าที่ ตอนนี้พวกเขาลำบากใจจะคุยกันที่ไหนก็คุยไป แต่อย่ามาคุยในดินแดนไทยก็พอ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว เมื่อถามว่าจะเพิ่มมาตรการแก้ปัญหาภาคใต้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีอยู่นับ 100 มาตรการได้ทำหมดแล้ว หากสื่อรู้ว่าควรทำอะไรเพิ่มก็ให้บอกมา

**หลายฝ่ายจี้ทบทวนแผนเจรจา BRN

ด้านนายอนุศาสน์ สุวรรณมงคล ประธานอนุกรรมาธิการติดตามและประเมินผลการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ วุฒิสภา กล่าวว่า เหตุรุนแรงในพื้นที่ในช่วงนี้รัฐบาลจะอ้างว่าไม่เกี่ยวข้องกับการเจรจากับบีอาร์เอ็น ไม่ได้ เพราะสถิติพุ่งขึ้นอย่างชัดเจน และเป้าหมายการก่อเหตุแตกต่างจากที่เคยเกิดขึ้น เช่น การลอบสังหาร รองผู้ว่าฯ หรือการอุ้มทหารนาวิกโยธิน เห็นได้ชัดว่าเป็นการยกระดับปฎิบัติการให้เข้มข้นขึ้น เหตุการณ์เหล่านี้เป็นผลข้างเคียงมาจากการเจรจาของรัฐบาลที่ทำอย่างผลีผลาม ไม่รัดกุม ฝ่ายขบวนการฯไม่สามารถแสดงความจริงใจให้รัฐได้เห็นว่า พยายามจะลดความรุนแรงลง จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนแผนการเจรจาใหม่ โดยควรจะปรับรูปแบบให้สามารถมีหลักประกันว่าจะลดความเสี่ยงของคนในพื้นที่ได้อย่างเป็นรูปธรรม
"ผมรู้สึกเสียใจที่ พล.ท.ภราดร บอกว่าเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องปกติระหว่างการเจรจา ท่านพูดโดยไม่คำนึงถึงชีวิตของคนในพื้นที่เลย" นายอนุศาสน์ กล่าว

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนท่าทีการพูดคุยสันติภาพกับตัวแทนกลุ่มบีอาร์เอ็น เพราะแม้ว่าการพูดคุยจะเป็นวิธีการหนึ่งในการสร้างสันติภาพ แต่หนึ่งเดือนกว่าที่ผ่านมา นับตั้งแต่รัฐบาลไปดำเนินการพูดคุย การแสดงออกถึงความรุนแรงเพิ่มขึ้นตามลำดับ ด้วยวิธีการและรูปแบบที่รุนแรงมากขึ้น และ มีเป้าหมายสร้างความรุนแรงกับข้าราชการระดับสูงเพิ่มมากขึ้น

ดังนั้น รัฐบาลควรทบทวนการพูดคุย และมีความชัดเจนมากกว่านี้ว่า กลุ่มบีอาร์เอ็น คือกลุ่มเดียวกับที่ก่อการร้ายในขณะนี้หรือไม่ เพราะการที่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่อยากให้โยงเรื่องความรุนแรงกับการเจรจากลุ่มบีอาร์เอ็นนั้น เป็นการเข้าใจผิด หรือไม่เข้าใจต่อสถานการณ์ความรุนแรงในภาคใต้ เพราะในความเป็นจริงไม่สามารถแยกจากกันได้อย่างชัดเจน แต่ความรุนแรงที่เกิดขึ้นระหว่างการเจรจา มีนัยยะสำคัญโดยพฤตินัยอยู่แล้ว จึงอยากให้นายกรัฐมนตรีทำความเข้าใจเรื่องนี้ให้ชัดแจ้ง แม้นายกฯจะแสดงออกถึงความตั้งใจในการแก้ปัญหา แต่การดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ ต้องปรับปรุงแก้ไข และคิดว่านายกฯ ควรทบทวนว่า การบังคับบัญชาที่ทำอยู่ในปัจจุบันจะสัมฤทธิ์ผลหรือไม่ ถ้าไม่สำเร็จต้องปรับปรุงวิธีการใหม่

"หากนายกฯ ไม่สามารถสั่งการให้รัฐมนตรีในรัฐบาลทำตามได้ ต้องมีการปรับเปลี่ยนผู้รับผิดชอบให้คนที่สนใจมาทำงานแทน แต่ถ้าไม่สามารถหาคนมาทำงานได้ นายกฯ ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ บัญชาการในการแก้ปัญหาในภาคใต้ เพื่อให้ปัญหาบรรเทาลง ไม่ใช่ปล่อยให้สถานการณ์รุนแรงดำรงอยู่ต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่เห็นทิศทางว่าสถานการณ์จะดีขึ้นได้อย่างไร" นายองอาจ ระบุ

** เจรจาบีอาร์เอ็นต่อจิ๊กซอว์"แม้ว"

ทั้งนี้ มีการตั้งข้อสังเกตว่า การที่รัฐบาลยังคงยึดแนวทางการเจรจากับกลุ่มบีอาร์เอ็น แม้เหตุการณ์ความรุนแรงจะไม่ลดลง เนื่องจากเป็นไปตามแผนเดิมที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เริ่มไว้ กับทางการมาเลเซีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาผลประโยชน์ด้านพลังงานในอ่าวไทย

**วางบึ้ม 4 จุดกลางยะลาไล่หลัง"ปู"

ด้านสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ยังคงรุนแรงต่อเนื่อง โดย เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น.วานนี้ พ.ต.อ.พชรพล ณ นคร ผกก.สภ.เมืองยะลา ได้รับแจ้งเกิดเหตุระเบิดในพื้นที่เขตเทศบาลนครยะลา 4 จุด โดยจุดที่ 1 บริเวณที่จอดรถใต้โรงแรมโคล่า ถนนรวมมิตร ซึ่งคนร้ายได้นำรถจักรยานยนต์ซุกระเบิดแสวงเครื่องเข้าไปจอดปะปนไว้กับรถจักรยานยนต์ของลูกค้าและพนักงาน ก่อนที่จะเกิดเหตุระเบิดขึ้น ซึ่งจุดนี้มีผู้บาดเจ็บจำนวน 1 ราย ทราบชื่อคือ นายอาเก๋า แซ่ตั้ง อายุ 55 ปี จุดที่ 2 หน้าหอพักเซเว่นอิน ถนนพุทธภูมิ คนร้ายขับขี่จักรยานยนต์ผ่านมาก่อนจะปาระเบิดเข้าไปที่ม้านั่งหินอ่อนหน้าหอพัก ทำให้ได้รับความเสียหายไม่มีผู้บาดเจ็บ

จุดที่ 3 ตู้โทรศัพท์สาธารณะหน้าโรงแรมแกรนด์ พาเลซ จุดนี้คนร้ายนำระเบิดวางไว้ใกล้ตู้โทรศัพท์ก่อนจะเกิดเหตุระเบิดขึ้น ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 1 ราย ทราบชื่อคือนายวินัน สินกิจเจริญชัย อายุ 65 ปี ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และจุดที่ 4 หน้าโรงแรมเทพวิมาน ถนนศรีบำรุง คนร้ายนำถุงดำมาทิ้งไว้ริมถนน หน้าโรงแรมก่อนจะเกิดเหตุระเบิดขึ้นจุดนี้ไม่มีผู้บาดเจ็บ

หลังเกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ได้ประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านอยู่แต่ในบ้าน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าคนร้ายมุ่งก่อกวนสร้างสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ พล.ต.ต.พีระ บุญเลี้ยง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ได้สั่งการให้ด่านตรวจทุกจุดเพิ่มมาตรการเข้ม และตรวจสอบบุคคล รถยนต์ รถจักรยานยนต์ต้องสงสัย โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น ที่ต้องสงสัยให้มีการตรวจสอบอย่างละเอียด ขณะที่หลังเกิดเหตุบรรยากาศในเขตเทศบาลนครยะลาเงียบลงทันที ประชาชนที่ทราบเหตุการณ์ต่างรีบกลับเข้าบ้านเพื่อความปลอดภัย

**ฆ่าตัดคอลูกจ้างกรีดยางยะลา

นอกจากเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว วันเดียวกันเวลา 10.30 น.พ.ต.อ.จรัส ชิณนะพงศ์ ผกก.สภ.ธารโต จ.ยะลา ได้รับแจ้งเหตุพบศพถูกฆ่าตัดคอทิ้งอยู่ด้านหลังป่าเชิงเขาหมู่บ้านบ้านบัวทอง หมู่ 2 ต.บ้านแหร จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุอยู่บนเนินเขาเป็นป่าสวนยางพารา พบศพนายนิคม กะ อายุ 25 ปีลูกจ้างกรีดยางพาราพักอยู่บ้านบ่อหิน หมู่ 5 ต.บ้านแหร สภาพศพเหลือแต่ลำตัว มือทั้งสองถูกมัดไพล่หลังกับเสื้อผ้า ส่วนศีรษะถูกของมีคมเชือดขาด มีเสื้อผ้าของผู้ตายปิดปาก พบห่างจากลำตัวราว 2 เมตร ไม่พบร่องรอยการต่อสู้แต่อย่างใด

สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ผู้ตายเป็นชาวจีนฮ่อ ภูมิลำเนาอยู่ จ.เชียงใหม่ มารับจ้างกรีดยางในพื้นที่ และเมื่อตอนบ่ายวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา นายนิคม กับเพื่อนรวม 4 คนไปดูแร้วที่ทำดักหมูป่าไว้ โดยได้แยกย้ายกันออกไป เมื่อถึงเวลานัดหมายเดินทางกลับ ปรากฏว่านายนิคม ได้หายไป เพื่อนๆ เข้าใจว่านายนิคม เดินทางล่วงหน้าไปก่อนแล้ว จึงได้เดินทางกลับ จนกระทั่งมีผู้ไปพบศพนายนิคม จึงได้รีบแจ้งให้ทางการทราบ

**บึ้มชุดเก็บกู้นราฯเจ็บ4นาย

ส่วนในพื้นที่ จ.นราธิวาส เวลา 10.00 น. พ.ต.อ.กฤษฎา แก้วจันดี รอง ผบก.ภ.จ.นราธิวาส ได้รับแจ้งเหตุระเบิดริมถนนจารุเสถียร สายบ้านยานิง-มะรือโบ หมู่ 1 ต.มะรือโบออก จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรถกระบะตราโล่ ทะเบียน 93172 ซึ่งเป็นรถตัดสัญญาณของชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.ภ.จ.นราธิวาส ถูกสะเก็ดระเบิดเสียหายเป็นรูพรุน จอดอยู่กลางถนน ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 คน ซึ่งมีอาการหูอื้อและแน่นหน้าอก ประกอบด้วย ด.ต.สมพร เรืองน้อย ส.ต.อ.ธนาพิทักษ์ สมใจ ส.ต.อ.ธีรศักดิ์ กองคำ และ ส.ต.ท.มนตรี แก้วประสิทธิ์ ถูกนำตัวส่งรักษาที่ รพ.เจาะไอร้อง
สอบสวน ร.ต.อ.ประจวบ นิ่มเรือง หัวหน้าชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.ภ.จ.นราธิวาส ระบุว่า ก่อนเกิดเหตุนำลูกน้องรวม 7 นาย นั่งรถยนต์กระบะ 2 คัน เดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดในเขตเทศบาลตำบลปะลุรู อ.สุไหงปาดี เมื่อคืนที่ผ่านมา เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งขณะเดินทางกลับรถของตนขับนำหน้า เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุคนร้ายที่ซุ่มอยู่ข้างทางได้ใช้วิทยุสื่อสารจุดชนวนระเบิดที่ฝังไว้ใต้โคนต้นไม้ริมถนนจนเกิดระเบิดขึ้นดังกล่าว

**บึ้มที่ระแงะทหารพรานดาย 2

เวลา 11.30 น. พ.ต.อ.จิรเดช พระสว่าง ผกก.สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายวางระเบิดและยิงซ้ำทำให้อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) เสียชีวิต 2 นาย บนถนนในหมู่บ้านบองอ หมู่ 4 ต.บองอ จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบศพ อส.ทพ.โสภณ เหมาะสม สังกัดร้อย ทพ.4513 กรมทหารพรานที่ 45 และอส.ทพ.ก้องเกียรติ แก่นดี สังกัด ร้อย ทพ.1108 กรมทหารพรานที่ 11 นอนจมกองเลือดเสียชีวิตในสภาพถูกสะเก็ดระเบิดและกระสุนปืนพรุนไปทั้งร่าง อยู่ข้างรถจักรยานยนต์ ทะเบียน ขจย 817 นราธิวาส

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายทั้งสองพากันขี่จักรยานยนต์ออกไปซื้อเสบียงที่ตลาด เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุคนร้ายที่ดักซุ่มอยู่ใช้วิทยุสื่อสารจุดชนวนระเบิดแบบเคโม หนัก 10 กิโลกรัมที่ซุกไว้ข้างจอมปลวกริมถนน จนทั้ง 2 นายถูกสะเก็ดระเบิดล้มคว่ำลง จากนั้นคนร้ายได้วิ่งออกมาจากป่าข้างทางใช้อาวุธปืนสงครามอาก้า และเอ็ม 16 กราดยิงซ้ำใส่ อส.ทพ.ทั้ง 2 นายจนมั่นใจว่าเสียชีวิต ก่อนขโมยอาวุธปืนเอ็ม.16 และอาก้าของเจ้าหน้าที่ทั้งสองหลบหนีไป

**บึ่มจุดในรือเสาะ ทพ.เจ็บอีก 2

เวลา 12.00 น. คนร้ายได้ลอบวางระเบิดดักสังหารทหารพรานชุดลาดตระเวนสังกัด กองร้อยทหารพรานที่ 4607 กรมทหารพรานที่ 46 ที่ริมถนนในเขตรอยต่อบ้านบาโงมือบา-บ้านมือและ หมู่ 1 ต.สาวอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย ถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณขา ลำตัว คือ อส.ทพ.รัตนา สวากัน อายุ 30 ปี และ อส.ทพ.ศักดา สุวรรณศรี อายุ 22 ปี เพื่อนทหารได้นำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลรือเสาะ แต่เนื่องจากอาการสาหัสแพทย์ได้ส่งตัวรักษาต่อที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์

**ปัตตานีเตือนตัวคุมเข้มทุกพื้นที่

ข่าวแจ้งว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบต่อเนื่องหลายจุดในพื้นที่ จ.ยะลา และ จ.นราธิวาส ส่งผลให้กำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง รวมทั้งอาสาสมัครของ จ.ปัตตานี ทุกนาย พร้อมประจำการเข้าปฏิบัติภารกิจรักษาความสงบเรียบร้อยภายในจังหวัดอย่างเข้มงวดและเป็นพิเศษ โดยทุกหน่วยได้เน้นหนักในการลาดตระเวนเส้นทาง ตรวจค้นรถ และบุคคลต้องสงสัยที่เข้าออกเมืองตามเส้นทางต่างๆ จุดเสี่ยงภัย และย่านชุมชน เพื่อเฝ้าระวังเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ช่วงนี้ ขณะที่หน่วยข่าวกรองด้านความมั่นคง แจ้งเตือนมาว่า กลุ่มก่อเหตุรุนแรง โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน มีการรวมตัวเข้ามาในพื้นที่เพื่อสร้างสถานการณ์ในช่วงนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น