วานนี้ (4 เม.ย.) พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวถึงความคืบหน้า การดำเนินการป้องกันการสนับสนุนทางการเงินของกลุ่มก่อการร้ายว่า เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ปปง. จะพิจารณาประกาศรายชื่อผู้ก่อการร้ายสากล ตามองค์การสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) ประมาณ กว่า 300 ราย และผู้ก่อการร้ายในประเทศไทย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มก่อความไม่สงบภาคใต้ เพื่อแจ้งอย่างเป็นทางการกับสถาบันการเงินในไทย หากสถาบันการเงินใดฝ่าฝืนทำธุรกรรมการเงินกับผู้ที่มีรายชื่อตามที่ ปปง. ประกาศ สถาบันการเงิน จะมีโทษปรับ 1 ล้านบาท และปรับอีก 1 หมื่นบาท ทุกวัน จนกว่าจะมีการแก้ไข และบุคคลที่ทำธุรกรรมกับผู้ก่อการร้าย ตามประกาศ จะมีโทษจำคุก 3 ปี
ส่วนกรณีที่ เอฟบีไอ แจ้งเตือนไทยว่า เป็น 1 ใน 5 ประเทศ ที่เสี่ยงก่อการร้าย และจะเกิดเหตุรุนแรงนั้น จากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติที่จะเกิดการก่อการร้ายรุนแรงตามที่ระบุ แต่ยอมรับ ข้อมูลที่เอฟบีไอแจ้งเตือน มีเป็นระยะๆ ซึ่ง ปปง. ได้ติดตามวิเคราะห์อยู่ตลอด แต่เชื่อว่า ข้อมูลบางส่วนของเอฟบีไอ เป็นเพราะสถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย ที่ยังมีเหตุรุนแรงต่อเนื่อ
** "ปึ้ง"ยังไม่ได้รับรายงาน
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานสืบสวนกลางแห่งสหรัฐอเมริกา (เอฟบีไอ) ประเมินว่า ไทยมีความสุ่มเสี่ยงในการก่อการร้าย เป็นอันดับ 5 ของโลก ว่า ตนยังไม่ได้รับรายงานเลยว่าประเทศไทยถูกจัดอันดับ 5 แต่หากมีข้อมูลอย่างนั้น เราจะต้องชี้แจงให้เขาเข้าใจว่า มีข้อมูลอย่างไร แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน โดยหน่วยงานด้านความมั่นคง จะต้องพูดคุยกันก่อน สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ต้องดูแลเรื่องนี้
ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ได้เรียนกับนายกรัฐมนตรีไปแล้วว่า ประเทศไทยไม่ได้เป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการก่อการร้ายโลก ซี่งตนได้ติดต่อไปยังสถานที่การประชุม ที่ประเทศบรูไน โดยผู้ช่วยทูตทหารสหรัฐฯ ได้ชี้แจงในที่ประชุม และส่งข้อความมาถึงตนว่า ขอโทษด้วย คิดว่า คงเป็นความเข้าใจผิด และคงมีการพูดคุยกันอีกครั้ง แต่ยืนยันว่า ไม่ใช่ในลักษณะอย่างนั้น เพราะเป็นเรื่องของการทำสถิติ โดยเขาไม่ได้แยกแยะออกจากกันว่า สถิติที่บ้านเราต่างจากที่อื่นอย่างไร ซึ่งประเทศไทยไม่ใช่พื้นที่ที่มีการรบในระยะเวลานานๆ ประเทศเราเป็นการเกิดเหตุเฉพาะที่ อย่างที่ภาคใต้ ก็เกิดเฉพาะใน 3 จังหวัด และก็ไม่ได้เกิดทุกอำเภอ
"หากพูดว่าประเทศไทยเสี่ยงต่อการก่อการร้าย คงไม่ถูกต้อง ดังนั้นต้องรีบแก้ไขข้อมูล อยากให้สื่อเสนอข้อมูลความจริง เพราะอันตรายกับประเทศไทย ผมได้ไปชี้แจงกับทุกประเทศที่ไปเยือนมา โดยเป็นสถิติตัวเลขที่นับจำนวนครั้งที่มีการระเบิด และมีผู้บาดเจ็บ สูญเสีย ถ้าเทียบกับประเทศอื่น ที่ไม่มีการต่อสู้แบบนี้ เราก็ต้องแรงกว่าเขาเป็นธรรมดา แต่ความแตกต่างของเรา คือ เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ชายแดนใต้ ไม่ได้เกิดขึ้นทุกวัน จนคนไปไหนมาไหนไม่ได้ และไม่ได้มีการแบ่งพื้นที่เป็นการสู้รบ หรือมีการยึดพื้นที่ เหมือนกับที่อื่นที่มีการยกระดับการก่อการ้าย และสาเหตุก็มาจากหลายอย่างด้วยกัน ไม่ใช่เฉพาะการแบ่งแยกดินแดนอย่างเดียว ไม่อยากให้เกิดความเข้าใจผิด ไทยจะเสียชื่อเสียง กระทบต่อการท่องเที่ยว ดังนั้นเวลามีเรื่องเช่นนี้ออกมาต้องรีบแก้ไข อย่าปล่อยให้ผ่านไป และเหตุการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่เหมือนกับประเทศอื่นๆ แต่เหตุการณ์แบบนี้ถือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดครั้งแรกในโลก เพราะทำให้เกิดความสูญเสียทุกฝ่าย ทุกศาสนา ซึ่งไม่เคยมีที่ไหนในโลก ดังนั้นการแก้ไขปัญหาก็ไม่เหมือนกัน และทุกวันนี้ที่เราคิดและทำกันออกมาคือ ป้องกันไม่ให้บานปลาย หรือสร้างความขัดแย้งกับใคร" ผบ.ทบ. ระบุ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ไม่อยากให้ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ เราต้องทำเรื่องใหญ่เป็นเรื่องเล็ก แล้วจะแก้ไขปัญหาได้ อย่ายกทุกปัญหาขึ้นมา ทั้งเรื่องภาคใต้ สถานการณ์บ้านเมือง ชายแดนเขาพระวิหาร ทุกอย่างใหญ่ไปหมด แล้วถามว่าใครจะเป็นคนแก้ไข จะให้ทหารแก้ไข อยากถามว่า ทหารมีอยู่จำนวนเท่าไหร่ มีทั้งไปภาคใต้ ขึ้นสนามชายแดน ช่วยชาวบ้านช่วงฝนตก ฝนแล้ง แล้วจะไปเอาทหารที่ไหนอีก พอจะมีทหารก็ไม่ให้ บอกว่า ไม่รู้จะมีไปทำไม แล้วจะเอาไปรบกับใคร ก็ลองไม่มีทหาร ดูว่าจะมีการสู้รบไหม
**สั่ง"ธาริต"ตั้งศูนย์พิเศษจับตา
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณีนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกมาระบุว่า เอฟบีไอ เตือนว่าประเทศไทยสุ่มเสี่ยงต่อการก่อการร้ายเป็นลำดับ 5 ของโลกว่า "ผมคุยมาตลอด เขามองมาตั้งแต่สมัยที่พวกฮิซบอลเลาะห์เข้ามา ซึ่งสหรัฐอเมริกา ด้านรักษาความปลอดภัยของเขาสูง ผมบอกนางคริสตี เคนนีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยว่า ไม่มีปัญหาหรอก แต่ท่านบอกว่ามี ซึ่งผมก็ไม่กล้าบอกท่าน เพราะทันทีที่มีข่าวผมก็นำตัวพวกฮิซบอลเลาะห์ เข้าไปเก็บในเซฟเฮ้าส์ ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง เมื่อเอาตัวที่จะก่อเหตุไปเก็บแล้วมันจะก่อเหตุอย่างไร แต่ผมพูดก็ไม่ได้ ทั้งนี้ประเทศไทยยังมีปัญหาที่ชายแดนสามารถเข้ามาง่าย แต่ก็ต้องระมัดระวัง เติมเต็มความเข้มข้นการตรวจคนเข้าเมือง"
นอกจากนี้ตนได้คุยกับนายธาริตแล้ว ให้ตั้งศูนย์พิเศษโดยมาขึ้นตรงกับตน ซึ่งศูนย์พิเศษสามารถทำได้ทุกอย่าง เมื่อพบว่ามีการกระทำความผิด และมีคนคอยติดต่อกับต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ไม่กระทบกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ทหาร วันนี้เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงเกรงใจกัน ซึ่งตนก็บอกว่า ถ้าทำงานเพื่อบ้านเมือง ให้ทำไป ไม่ต้องกลัวใครอิจฉา ส่วนการทำหนังสือชี้แจงต่อเอฟบีไอนั้น กระทรวงการต่างประเทศมีหน้าที่อยู่แล้ว
**ผบ.ตร. สั่งเช็กข่าวด่วน
พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ได้มีคำสั่งให้กองการต่างประเทศ (ตท.) และ ตำรวจสันติบาล ไปตรวจสอบแหล่งที่มาของข่าว และความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูล เกี่ยวกับการที่ไทยถูกจัดให้เป็นประเทศเสี่ยงต่อการเกิดเหตุก่อการร้าย เป็นอันดับ 1 ในแถบเอเชีย และอันดับ 5 ของโลก โดยจากข้อมูลของตำรวจ ยังไม่มีเหตุบ่งชี้ว่า ไทยจะตกเป็นเป้าหมายของการก่อการร้าย และยังเป็นประเทศที่น่าอยู่ และน่าท่องเที่ยว ไม่มีเรื่องอะไรแบบนั้น
ทั้งนี้ ในช่วงเช้าที่ผ่านมา ทางกองการต่างประเทศ ได้มีการรายงานข่าวนี้ให้ที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบแล้ว ซึ่งที่ประชุมได้สรุปว่า ประเทศไทย ไม่ใช่เป้าหมายของการก่อการร้ายแต่อย่างใด
**"บิ๊กอู๋"ปฏิเสธข่าวจับกุมอัลเคด้า
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีมีรายงานข่าวจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ว่าก่อนหน้านี้ดีเอสไอ ได้จับกุมผู้ก่อการร้ายกลุ่มอัลเคด้า ส่งตัวให้เอฟบีไอ ว่า กรณีนี้ไม่มี ยืนยันว่าไทยไม่มีการจับกุมผู้ก่อการร้ายตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
ด้านพล.ต.ท.สฤษฎ์ชัย เอนกเวียง ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล(ผบช.ส.) กล่าวว่า ตรวจสอบข้อมูลในส่วนของตำรวจไม่มีการจับกุมดังกล่าว การจับกุมกลุ่มอัลเคด้านั้นมีล่าสุดที่จับกุมได้ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อหลายปีก่อน หลังจากนั้นก็ไม่มี ถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่ดีเอสจับแล้วตำรวจไม่ทราบ ผบช.ส.กล่าวว่า หน่วยงานความมั่นคงต้องทราบเรื่องนี้อยู่แล้ว
ส่วนกรณีที่ เอฟบีไอ แจ้งเตือนไทยว่า เป็น 1 ใน 5 ประเทศ ที่เสี่ยงก่อการร้าย และจะเกิดเหตุรุนแรงนั้น จากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติที่จะเกิดการก่อการร้ายรุนแรงตามที่ระบุ แต่ยอมรับ ข้อมูลที่เอฟบีไอแจ้งเตือน มีเป็นระยะๆ ซึ่ง ปปง. ได้ติดตามวิเคราะห์อยู่ตลอด แต่เชื่อว่า ข้อมูลบางส่วนของเอฟบีไอ เป็นเพราะสถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย ที่ยังมีเหตุรุนแรงต่อเนื่อ
** "ปึ้ง"ยังไม่ได้รับรายงาน
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานสืบสวนกลางแห่งสหรัฐอเมริกา (เอฟบีไอ) ประเมินว่า ไทยมีความสุ่มเสี่ยงในการก่อการร้าย เป็นอันดับ 5 ของโลก ว่า ตนยังไม่ได้รับรายงานเลยว่าประเทศไทยถูกจัดอันดับ 5 แต่หากมีข้อมูลอย่างนั้น เราจะต้องชี้แจงให้เขาเข้าใจว่า มีข้อมูลอย่างไร แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน โดยหน่วยงานด้านความมั่นคง จะต้องพูดคุยกันก่อน สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ต้องดูแลเรื่องนี้
ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ได้เรียนกับนายกรัฐมนตรีไปแล้วว่า ประเทศไทยไม่ได้เป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการก่อการร้ายโลก ซี่งตนได้ติดต่อไปยังสถานที่การประชุม ที่ประเทศบรูไน โดยผู้ช่วยทูตทหารสหรัฐฯ ได้ชี้แจงในที่ประชุม และส่งข้อความมาถึงตนว่า ขอโทษด้วย คิดว่า คงเป็นความเข้าใจผิด และคงมีการพูดคุยกันอีกครั้ง แต่ยืนยันว่า ไม่ใช่ในลักษณะอย่างนั้น เพราะเป็นเรื่องของการทำสถิติ โดยเขาไม่ได้แยกแยะออกจากกันว่า สถิติที่บ้านเราต่างจากที่อื่นอย่างไร ซึ่งประเทศไทยไม่ใช่พื้นที่ที่มีการรบในระยะเวลานานๆ ประเทศเราเป็นการเกิดเหตุเฉพาะที่ อย่างที่ภาคใต้ ก็เกิดเฉพาะใน 3 จังหวัด และก็ไม่ได้เกิดทุกอำเภอ
"หากพูดว่าประเทศไทยเสี่ยงต่อการก่อการร้าย คงไม่ถูกต้อง ดังนั้นต้องรีบแก้ไขข้อมูล อยากให้สื่อเสนอข้อมูลความจริง เพราะอันตรายกับประเทศไทย ผมได้ไปชี้แจงกับทุกประเทศที่ไปเยือนมา โดยเป็นสถิติตัวเลขที่นับจำนวนครั้งที่มีการระเบิด และมีผู้บาดเจ็บ สูญเสีย ถ้าเทียบกับประเทศอื่น ที่ไม่มีการต่อสู้แบบนี้ เราก็ต้องแรงกว่าเขาเป็นธรรมดา แต่ความแตกต่างของเรา คือ เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ชายแดนใต้ ไม่ได้เกิดขึ้นทุกวัน จนคนไปไหนมาไหนไม่ได้ และไม่ได้มีการแบ่งพื้นที่เป็นการสู้รบ หรือมีการยึดพื้นที่ เหมือนกับที่อื่นที่มีการยกระดับการก่อการ้าย และสาเหตุก็มาจากหลายอย่างด้วยกัน ไม่ใช่เฉพาะการแบ่งแยกดินแดนอย่างเดียว ไม่อยากให้เกิดความเข้าใจผิด ไทยจะเสียชื่อเสียง กระทบต่อการท่องเที่ยว ดังนั้นเวลามีเรื่องเช่นนี้ออกมาต้องรีบแก้ไข อย่าปล่อยให้ผ่านไป และเหตุการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่เหมือนกับประเทศอื่นๆ แต่เหตุการณ์แบบนี้ถือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดครั้งแรกในโลก เพราะทำให้เกิดความสูญเสียทุกฝ่าย ทุกศาสนา ซึ่งไม่เคยมีที่ไหนในโลก ดังนั้นการแก้ไขปัญหาก็ไม่เหมือนกัน และทุกวันนี้ที่เราคิดและทำกันออกมาคือ ป้องกันไม่ให้บานปลาย หรือสร้างความขัดแย้งกับใคร" ผบ.ทบ. ระบุ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ไม่อยากให้ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ เราต้องทำเรื่องใหญ่เป็นเรื่องเล็ก แล้วจะแก้ไขปัญหาได้ อย่ายกทุกปัญหาขึ้นมา ทั้งเรื่องภาคใต้ สถานการณ์บ้านเมือง ชายแดนเขาพระวิหาร ทุกอย่างใหญ่ไปหมด แล้วถามว่าใครจะเป็นคนแก้ไข จะให้ทหารแก้ไข อยากถามว่า ทหารมีอยู่จำนวนเท่าไหร่ มีทั้งไปภาคใต้ ขึ้นสนามชายแดน ช่วยชาวบ้านช่วงฝนตก ฝนแล้ง แล้วจะไปเอาทหารที่ไหนอีก พอจะมีทหารก็ไม่ให้ บอกว่า ไม่รู้จะมีไปทำไม แล้วจะเอาไปรบกับใคร ก็ลองไม่มีทหาร ดูว่าจะมีการสู้รบไหม
**สั่ง"ธาริต"ตั้งศูนย์พิเศษจับตา
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณีนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกมาระบุว่า เอฟบีไอ เตือนว่าประเทศไทยสุ่มเสี่ยงต่อการก่อการร้ายเป็นลำดับ 5 ของโลกว่า "ผมคุยมาตลอด เขามองมาตั้งแต่สมัยที่พวกฮิซบอลเลาะห์เข้ามา ซึ่งสหรัฐอเมริกา ด้านรักษาความปลอดภัยของเขาสูง ผมบอกนางคริสตี เคนนีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยว่า ไม่มีปัญหาหรอก แต่ท่านบอกว่ามี ซึ่งผมก็ไม่กล้าบอกท่าน เพราะทันทีที่มีข่าวผมก็นำตัวพวกฮิซบอลเลาะห์ เข้าไปเก็บในเซฟเฮ้าส์ ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง เมื่อเอาตัวที่จะก่อเหตุไปเก็บแล้วมันจะก่อเหตุอย่างไร แต่ผมพูดก็ไม่ได้ ทั้งนี้ประเทศไทยยังมีปัญหาที่ชายแดนสามารถเข้ามาง่าย แต่ก็ต้องระมัดระวัง เติมเต็มความเข้มข้นการตรวจคนเข้าเมือง"
นอกจากนี้ตนได้คุยกับนายธาริตแล้ว ให้ตั้งศูนย์พิเศษโดยมาขึ้นตรงกับตน ซึ่งศูนย์พิเศษสามารถทำได้ทุกอย่าง เมื่อพบว่ามีการกระทำความผิด และมีคนคอยติดต่อกับต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ไม่กระทบกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ทหาร วันนี้เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงเกรงใจกัน ซึ่งตนก็บอกว่า ถ้าทำงานเพื่อบ้านเมือง ให้ทำไป ไม่ต้องกลัวใครอิจฉา ส่วนการทำหนังสือชี้แจงต่อเอฟบีไอนั้น กระทรวงการต่างประเทศมีหน้าที่อยู่แล้ว
**ผบ.ตร. สั่งเช็กข่าวด่วน
พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ได้มีคำสั่งให้กองการต่างประเทศ (ตท.) และ ตำรวจสันติบาล ไปตรวจสอบแหล่งที่มาของข่าว และความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูล เกี่ยวกับการที่ไทยถูกจัดให้เป็นประเทศเสี่ยงต่อการเกิดเหตุก่อการร้าย เป็นอันดับ 1 ในแถบเอเชีย และอันดับ 5 ของโลก โดยจากข้อมูลของตำรวจ ยังไม่มีเหตุบ่งชี้ว่า ไทยจะตกเป็นเป้าหมายของการก่อการร้าย และยังเป็นประเทศที่น่าอยู่ และน่าท่องเที่ยว ไม่มีเรื่องอะไรแบบนั้น
ทั้งนี้ ในช่วงเช้าที่ผ่านมา ทางกองการต่างประเทศ ได้มีการรายงานข่าวนี้ให้ที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบแล้ว ซึ่งที่ประชุมได้สรุปว่า ประเทศไทย ไม่ใช่เป้าหมายของการก่อการร้ายแต่อย่างใด
**"บิ๊กอู๋"ปฏิเสธข่าวจับกุมอัลเคด้า
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีมีรายงานข่าวจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ว่าก่อนหน้านี้ดีเอสไอ ได้จับกุมผู้ก่อการร้ายกลุ่มอัลเคด้า ส่งตัวให้เอฟบีไอ ว่า กรณีนี้ไม่มี ยืนยันว่าไทยไม่มีการจับกุมผู้ก่อการร้ายตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
ด้านพล.ต.ท.สฤษฎ์ชัย เอนกเวียง ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล(ผบช.ส.) กล่าวว่า ตรวจสอบข้อมูลในส่วนของตำรวจไม่มีการจับกุมดังกล่าว การจับกุมกลุ่มอัลเคด้านั้นมีล่าสุดที่จับกุมได้ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อหลายปีก่อน หลังจากนั้นก็ไม่มี ถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่ดีเอสจับแล้วตำรวจไม่ทราบ ผบช.ส.กล่าวว่า หน่วยงานความมั่นคงต้องทราบเรื่องนี้อยู่แล้ว
