“ทรูวิชั่นส์” ดิ้นสู้เปิดแผนใหม่ หวังรักษาลูกค้าเต็มที่หลังหมดบุญกับพรีเมียร์ลีกพ.ค.นี้ เจรจากับซีทีเอชไม่ลงตัว ปรับผังแพกเกจโกลด์และแพลทินัม เพิ่มช่องHD ใหม่ 6 ช่อง และSD ใหม่อีก 11 ช่อง พร้อมเสนอบริการพิเศษและลดค่ารายเดือน หวังดึงฐานลูกค้าพรีเมี่ยมให้อยู่หมัด สิ้นปียังมั่นใจรายได้รวมเติบโตใกล้เคียง 10% จากปีก่อนมีรายได้ร่วม 10,000 ล้านบาท
นายอาณัติ เมฆไพบูลย์วัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรูวิชั่นส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากแผนการเจรจาระหว่างทรูวิชั่นส์กับบริษัท เคเบิลไทยโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือซีทีเอช ผู้ได้รับลิขสิทธิ์ฟุตบอลอังกฤษพรีเมียร์ลีก ในการดึงพรีเมียร์ลีกมาร่วมถ่ายทอดสดนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้รับการตอบรับกลับมาแต่อย่างใด เชื่อว่าทางซีทีเอชยังไม่พร้อม ดังนั้นทางบริษัทฯจึงได้เดินหน้าวางยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจใหม่รองรับพรีเมียร์ลีกที่จะหมดลงในเดือนพ.ค.นี้และบริษัทฯไม่ได้รับสิทธิ์ ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ที่ไม่มีพรีเมียร์ลีกอีกต่อไป แต่ทั้งนี้หากการเจรจากับทางซีทีเอชประสบความสำเร็จหลังจากนี้ ก็จะมีการปรับแพกเกจใหม่อีกครั้ง
โดยแผนให่จะประกอบไปด้วย 1.ด้านรายการ มุ่งมั่นพัฒนา สรรหารายการคุณภาพทั้งจากไทยและต่างประเทศมานำเสนอ 2.ด้านนวัตกรรม คือ การส่งสัญญาณภาพในระบบเอชดีมาให้บริการมากขึ้น 3.ด้านการบริการ มุ่งเน้นการให้บริการที่ประทับใจอย่างครบวงจร กับบริการ Call Center ทรูวิชั่นส์แคร์ตลอด 24 ชม.4.ด้านสิทธิประโยชน์ต่างๆที่มอบให้เป็นพิเศษสำหรับสมาชิก และ 5.ด้านแพ็กเกจ ได้พัฒนาและปรับแพกเกจต่างให้ตรงใจผู้ชมมากที่สุด
“แผนยุทธศาสตร์ครั้งนี้ จะอยู่ภายใต้งบลงทุนกว่า 1,500-2,000 ล้านบาท โดยในเฟสแรกก่อนพรีเมียร์ลีกจะจบลง ได้เตรียมงบลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท สำหรับเพิ่มอุปกรณ์และคอนเทนท์ต่างๆรองรับ และอีก 500-1,000 ล้านบาท จะใช้ในเฟสสองสำหรับการปรับแพกเกจใหม่รองรับกลุ่มลูกค้าระดับกลางลงมา”
เบื้องต้นของแผนการเพิ่มช่องรายการสำหรับสมาชิกในโกลด์แพกเกจ และแพลทินัมแพกเกจ ที่จะได้รับผลกระทบจากพรีเมียร์ที่ไม่ได้รับชมโดยตรงนั้น เบื้องต้นสำหรับ แพลทินัมแพกเกจ จะเพิ่มช่องไฮเดฟฟิเนชั่นหรือเอชดีเป็น 23 ช่อง จากเดิมมีอยู่ 17 ช่อง และเพิ่มช่องสแตนดาร์ดหรือเอสดีอีก 11 ช่อง รวมแล้วจะสามารถรับชมได้ทั้งหมด 144 ช่อง ส่วนโกลด์แพกเกจนั้น จะเพิ่มช่องเอชดีเป็น 17 ช่อง จากเดิม 14 ช่อง และเพิ่มช่องเอสดีอีก 11 ช่อง รวมแล้วจะได้รับชมช่องรายการทั้งหมดกว่า 144 ช่อง เช่นกัน
อย่างไรก็ตามทั้งสองแพกเกจนี้ยังจะได้รับบริการพิเศษเพิ่มอีก 1 รายการ คือ ทรูวิชั่นส์ เอนิแวร์ คือ ทางเลือกในการรับชมทรูวิชั่นส์ผ่านช่องทางต่างๆ ซึ่งหากสมาชิกไม่ต้องการบริการเสริมนี้ ทางบริษัทจะลดค่าบริการลงอีกเดือนละ 100 บาท เป็นระยะเวลา 1ปี
นายอาณัติ กล่าวต่อว่า ตามแผนการเพิ่มช่องรายการนั้น ถึงสิ้นปีน่าจะมีช่องรายการรวมกว่า 140-150 ช่อง โดยช่องเอชดีปีนี้จะมีทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่า 30 ช่อง ล่าสุดได้เปิดตัว 3 ช่องกีฬาใหม่ในระบบเอชดีมาให้ได้รับชมกันคือ เอ็นบีเอ ทีวี, มอเตอร์ วิชั่น และเอ้าท์ดอร์ แชนแนล เชื่อว่าจะส่งผลให้กลุ่มสมาชิกระดับพรีเมี่ยมในแพกเกจโกลด์ และแพลทินัม จะยังคงมีฐานสมาชิกที่ 3 แสนราย และอาจจะได้สมาชิกใหม่เพิ่มอีก 10% ทั้งนี้มองว่าทั้งปีจะมีฐานสมาชิกรวมเติบโตขึ้น 30% โดยกว่า 20% จะมาจากกลุ่มสมาชิกระดับกลางลงมา ซึ่งทางบริษัทจะมีการปรับแพกเกจใหม่รองรับในช่วงเฟสสองต่อไปกลางนี้ปีนี้ มั่นใจว่าทั้งปีบริษัทจะมีรายได้เติบโตใกล้เคียง 10% จาก 10,000 กว่าล้านบาทในปีก่อน
นายอาณัติ เมฆไพบูลย์วัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรูวิชั่นส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากแผนการเจรจาระหว่างทรูวิชั่นส์กับบริษัท เคเบิลไทยโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือซีทีเอช ผู้ได้รับลิขสิทธิ์ฟุตบอลอังกฤษพรีเมียร์ลีก ในการดึงพรีเมียร์ลีกมาร่วมถ่ายทอดสดนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้รับการตอบรับกลับมาแต่อย่างใด เชื่อว่าทางซีทีเอชยังไม่พร้อม ดังนั้นทางบริษัทฯจึงได้เดินหน้าวางยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจใหม่รองรับพรีเมียร์ลีกที่จะหมดลงในเดือนพ.ค.นี้และบริษัทฯไม่ได้รับสิทธิ์ ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ที่ไม่มีพรีเมียร์ลีกอีกต่อไป แต่ทั้งนี้หากการเจรจากับทางซีทีเอชประสบความสำเร็จหลังจากนี้ ก็จะมีการปรับแพกเกจใหม่อีกครั้ง
โดยแผนให่จะประกอบไปด้วย 1.ด้านรายการ มุ่งมั่นพัฒนา สรรหารายการคุณภาพทั้งจากไทยและต่างประเทศมานำเสนอ 2.ด้านนวัตกรรม คือ การส่งสัญญาณภาพในระบบเอชดีมาให้บริการมากขึ้น 3.ด้านการบริการ มุ่งเน้นการให้บริการที่ประทับใจอย่างครบวงจร กับบริการ Call Center ทรูวิชั่นส์แคร์ตลอด 24 ชม.4.ด้านสิทธิประโยชน์ต่างๆที่มอบให้เป็นพิเศษสำหรับสมาชิก และ 5.ด้านแพ็กเกจ ได้พัฒนาและปรับแพกเกจต่างให้ตรงใจผู้ชมมากที่สุด
“แผนยุทธศาสตร์ครั้งนี้ จะอยู่ภายใต้งบลงทุนกว่า 1,500-2,000 ล้านบาท โดยในเฟสแรกก่อนพรีเมียร์ลีกจะจบลง ได้เตรียมงบลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท สำหรับเพิ่มอุปกรณ์และคอนเทนท์ต่างๆรองรับ และอีก 500-1,000 ล้านบาท จะใช้ในเฟสสองสำหรับการปรับแพกเกจใหม่รองรับกลุ่มลูกค้าระดับกลางลงมา”
เบื้องต้นของแผนการเพิ่มช่องรายการสำหรับสมาชิกในโกลด์แพกเกจ และแพลทินัมแพกเกจ ที่จะได้รับผลกระทบจากพรีเมียร์ที่ไม่ได้รับชมโดยตรงนั้น เบื้องต้นสำหรับ แพลทินัมแพกเกจ จะเพิ่มช่องไฮเดฟฟิเนชั่นหรือเอชดีเป็น 23 ช่อง จากเดิมมีอยู่ 17 ช่อง และเพิ่มช่องสแตนดาร์ดหรือเอสดีอีก 11 ช่อง รวมแล้วจะสามารถรับชมได้ทั้งหมด 144 ช่อง ส่วนโกลด์แพกเกจนั้น จะเพิ่มช่องเอชดีเป็น 17 ช่อง จากเดิม 14 ช่อง และเพิ่มช่องเอสดีอีก 11 ช่อง รวมแล้วจะได้รับชมช่องรายการทั้งหมดกว่า 144 ช่อง เช่นกัน
อย่างไรก็ตามทั้งสองแพกเกจนี้ยังจะได้รับบริการพิเศษเพิ่มอีก 1 รายการ คือ ทรูวิชั่นส์ เอนิแวร์ คือ ทางเลือกในการรับชมทรูวิชั่นส์ผ่านช่องทางต่างๆ ซึ่งหากสมาชิกไม่ต้องการบริการเสริมนี้ ทางบริษัทจะลดค่าบริการลงอีกเดือนละ 100 บาท เป็นระยะเวลา 1ปี
นายอาณัติ กล่าวต่อว่า ตามแผนการเพิ่มช่องรายการนั้น ถึงสิ้นปีน่าจะมีช่องรายการรวมกว่า 140-150 ช่อง โดยช่องเอชดีปีนี้จะมีทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่า 30 ช่อง ล่าสุดได้เปิดตัว 3 ช่องกีฬาใหม่ในระบบเอชดีมาให้ได้รับชมกันคือ เอ็นบีเอ ทีวี, มอเตอร์ วิชั่น และเอ้าท์ดอร์ แชนแนล เชื่อว่าจะส่งผลให้กลุ่มสมาชิกระดับพรีเมี่ยมในแพกเกจโกลด์ และแพลทินัม จะยังคงมีฐานสมาชิกที่ 3 แสนราย และอาจจะได้สมาชิกใหม่เพิ่มอีก 10% ทั้งนี้มองว่าทั้งปีจะมีฐานสมาชิกรวมเติบโตขึ้น 30% โดยกว่า 20% จะมาจากกลุ่มสมาชิกระดับกลางลงมา ซึ่งทางบริษัทจะมีการปรับแพกเกจใหม่รองรับในช่วงเฟสสองต่อไปกลางนี้ปีนี้ มั่นใจว่าทั้งปีบริษัทจะมีรายได้เติบโตใกล้เคียง 10% จาก 10,000 กว่าล้านบาทในปีก่อน