ASTV ผู้จัดการรายวัน – บล.ไทยพาณิชย์ มองหุ้นไทยระยะยาว วอลุ่มเทรดเฉลี่ย 4หมื่นล./วัน พร้อมปรับเพิ่มเป้าหมายดัชนีเป้าหมายเป็น 1,500 จุด เชื่อครึ่งปีหลังการลงทุนในประเทศ , 3G และทีวีดิจิตอล ช่วยผลักดัน ล่าสุดเตรียมปรับเป้ากำไรเพิ่ม หลังแค่ไม่กี่เดือนโกยกว่า60%แล้ว ล่าสุดหุ้นไทยร่วง 11 จุด โบรกฯคาดพักฐาน
ม.ล.ทองมกุฎ ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ไทยพาณิชย์ (SCBS) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทย สะท้อนไปในทิศทางที่ดีขึ้น แม้ว่าจะมีผลกระทบจากเศรษกิจโลกมากดดันบ้าง แต่ยังคงอยู่ในที่ทิศทางบวก นักวิเคราะห์คาดว่ายอดซื้อขายเฉลี่ยของตลาดหุ้นไทย น่าจะอยู่ที่ระดับ 40,000 ล้านบาทต่อวัน แม้ที่ผ่านมามูลค่าการซื้อขายต่อวันจะอยู่ในระดับสูงถึง 60,000 – 80,000 ล้านบาท ขณะที่ เป้าหมายดัชนี(SET Index)ปีนี้น่าจะถึงที่ 1,500 จุด จากเดิมที่ 1,450 จุด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาปรับเป้าขึ้น เพราะ ณ ปัจจุบันดัชนีขึ้นมาเกินเป้าไปมากแล้ว
สำหรับ ทิศทางแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในไตรมาสที่ 2 มองว่าจะยังคงเป็นบวกอยู่ แต่อาจมีขยับลงบ้างเล็กน้อย แต่ไม่ถึงกับลงแรงมากนัก ซึ่งสิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือนักลงทุนรายย่อย ที่มักลงทุนระยะสั้นกับหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงและขึ้นเร็ว แต่หุ้นกลุ่มนี้ก็มีความเสี่ยงสูงด้วยเช่นกัน จึงอยากให้นักลงทุนเลือกลงทุนหุ้นในระยะยาว ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี หรือหุ้นปันผล จะดีกว่า
ส่วนในไตรมาสที่ 3และ4 นั้น คาดว่าตลาดหุ้นไทย จะมีแนวโน้มที่ปรับเป็นบวกมากขึ้น จากหลายๆปัจจัย เช่น ด้านโทรคมนาคมที่มีการเปิดใช้ 3G อย่างเต็มรูปแบบ – และการทดสอบสัญญาณ 4G การออกใบอนุญาติเช่าสัญญาณทีวีดิจิตอล ตลอดถึงโครงการโครงสร้างพื้นฐานพื้นฐานขนาดใหญ่ ที่กำลังอยู่ในช่วงของการพัฒนา และนโยบายการพัฒนาในส่วนของภาครัฐและเอกชนที่เตรียมจะเข้าสู่เสรีประชาคมอาเซียน 2558
ขณะที่เป้าหมายทางธุรกิจในปีนี้ บริษัทเตรียมปรับเพิ่มเป้าหมายกำไรสุทธิใหม่ จากเดิม 330 ล้านบาท เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา สามารถทำไปได้ถึง 60%ของเป้าหมายทั้งงปีแล้ว นอกจากนี้ บริษัทตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็น 3.2% จากปีก่อนอยู่ที่ 2.76% ขณะเดียวกันยังเชื่อมั่นว่าเพดานวงเงินบัญชีมาร์จิ้นในปี 2566 ยังอยู่ที่ระดับ 1,200 ล้านบาท แม้ปัจจุบันบริษัทสามารถปล่อยมาร์จิ้นให้กับลูกค้าไปแล้ว 900 ล้านบาทก็ตาม
ล่าสุด บล.ไทยพาณิย์ ได้?เปิดตัวธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล(ไพรเวท พอร์ตฟอลิโอ) ซึ่งเน้นกลุ่มลูกค้า?ที่ยึดหลักความเสี่ยงน้อย และเน้นเก็งกำไรยะยะยาว โดยเน้นหุ้นขนาดกลาง-?เล็กที่มีพื้นฐานดี(Small / Mid Cap) อัตรา?การ?เติบ?โตสูง ตั้ง?เป้าอัตราผลตอบ?แทนจาก?การลงทุน?ให้ได้ถึง100% ?ภายใน 3 ปี โดยมีหุ้น?ให้ลูกค้า?เลือก 10 ตัว ?แต่หากตลาดผันผวน?ก็จะ?เพิ่ม?เป็น 20 ตัว โดยตั้ง?เป้าปีนี้พอร์ต?การลงทุนของกองทุนดังกล่าวในปีนี้ไว้ที่ 1,000 ล้านบาท ซึ่งตอนนี้มีลูกค้าที่เข้าร่วมกองทุนแล้ว 150-200 ล้านบาท ?และ?คาดว่าจะเพิ่ม?เป็น 2,000 ล้านบาท ภายในปี 2557
**หุ้นไทยร่วง11จุด ปัจจัยลบตปท.กดดัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (1เม.ย.) ปิดที่ระดับ 1,549.55 จุด ลดลง 11.51 จุด หรือ -0.74% มูลค่าการซื้อขาย 43,856.87 ล้านบาท
นายณาศิส ประเสริฐกุล นักกลยุทธ์การลงทุน บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า ภาวะตลาดเป็นการพักตัวในระยะเวลาสั้นๆ หลังจากที่ปลายสัปดาห์ก่อนดัชนีปรับตัวขึ้นไปแรง ปัจจัยหลักมาจากความกังวลปัญหาในคาบสมุทรเกาหลี ประกอบกับ ญี่ปุ่นเปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ ออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้เล็กน้อย
สำหรับ แนวโน้มวันนี้(1 เม.ย) มองว่าดัชนีอาจจะเหวี่ยงตัวในกรอบแคบต่อไป เพื่อรอผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ในวันที่ 3 เม.ย. และความชัดเจนของการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ)ที่จะมีขึ้นในวันพุธและวันพฤหัสบดีนี้ พร้อมให้กรอบแกว่งตัวของดัชนีไว้ที่ แนวรับ 1,545 จุด แนวต้าน 1,565 จุด
ม.ล.ทองมกุฎ ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ไทยพาณิชย์ (SCBS) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทย สะท้อนไปในทิศทางที่ดีขึ้น แม้ว่าจะมีผลกระทบจากเศรษกิจโลกมากดดันบ้าง แต่ยังคงอยู่ในที่ทิศทางบวก นักวิเคราะห์คาดว่ายอดซื้อขายเฉลี่ยของตลาดหุ้นไทย น่าจะอยู่ที่ระดับ 40,000 ล้านบาทต่อวัน แม้ที่ผ่านมามูลค่าการซื้อขายต่อวันจะอยู่ในระดับสูงถึง 60,000 – 80,000 ล้านบาท ขณะที่ เป้าหมายดัชนี(SET Index)ปีนี้น่าจะถึงที่ 1,500 จุด จากเดิมที่ 1,450 จุด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาปรับเป้าขึ้น เพราะ ณ ปัจจุบันดัชนีขึ้นมาเกินเป้าไปมากแล้ว
สำหรับ ทิศทางแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในไตรมาสที่ 2 มองว่าจะยังคงเป็นบวกอยู่ แต่อาจมีขยับลงบ้างเล็กน้อย แต่ไม่ถึงกับลงแรงมากนัก ซึ่งสิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือนักลงทุนรายย่อย ที่มักลงทุนระยะสั้นกับหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงและขึ้นเร็ว แต่หุ้นกลุ่มนี้ก็มีความเสี่ยงสูงด้วยเช่นกัน จึงอยากให้นักลงทุนเลือกลงทุนหุ้นในระยะยาว ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี หรือหุ้นปันผล จะดีกว่า
ส่วนในไตรมาสที่ 3และ4 นั้น คาดว่าตลาดหุ้นไทย จะมีแนวโน้มที่ปรับเป็นบวกมากขึ้น จากหลายๆปัจจัย เช่น ด้านโทรคมนาคมที่มีการเปิดใช้ 3G อย่างเต็มรูปแบบ – และการทดสอบสัญญาณ 4G การออกใบอนุญาติเช่าสัญญาณทีวีดิจิตอล ตลอดถึงโครงการโครงสร้างพื้นฐานพื้นฐานขนาดใหญ่ ที่กำลังอยู่ในช่วงของการพัฒนา และนโยบายการพัฒนาในส่วนของภาครัฐและเอกชนที่เตรียมจะเข้าสู่เสรีประชาคมอาเซียน 2558
ขณะที่เป้าหมายทางธุรกิจในปีนี้ บริษัทเตรียมปรับเพิ่มเป้าหมายกำไรสุทธิใหม่ จากเดิม 330 ล้านบาท เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา สามารถทำไปได้ถึง 60%ของเป้าหมายทั้งงปีแล้ว นอกจากนี้ บริษัทตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็น 3.2% จากปีก่อนอยู่ที่ 2.76% ขณะเดียวกันยังเชื่อมั่นว่าเพดานวงเงินบัญชีมาร์จิ้นในปี 2566 ยังอยู่ที่ระดับ 1,200 ล้านบาท แม้ปัจจุบันบริษัทสามารถปล่อยมาร์จิ้นให้กับลูกค้าไปแล้ว 900 ล้านบาทก็ตาม
ล่าสุด บล.ไทยพาณิย์ ได้?เปิดตัวธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล(ไพรเวท พอร์ตฟอลิโอ) ซึ่งเน้นกลุ่มลูกค้า?ที่ยึดหลักความเสี่ยงน้อย และเน้นเก็งกำไรยะยะยาว โดยเน้นหุ้นขนาดกลาง-?เล็กที่มีพื้นฐานดี(Small / Mid Cap) อัตรา?การ?เติบ?โตสูง ตั้ง?เป้าอัตราผลตอบ?แทนจาก?การลงทุน?ให้ได้ถึง100% ?ภายใน 3 ปี โดยมีหุ้น?ให้ลูกค้า?เลือก 10 ตัว ?แต่หากตลาดผันผวน?ก็จะ?เพิ่ม?เป็น 20 ตัว โดยตั้ง?เป้าปีนี้พอร์ต?การลงทุนของกองทุนดังกล่าวในปีนี้ไว้ที่ 1,000 ล้านบาท ซึ่งตอนนี้มีลูกค้าที่เข้าร่วมกองทุนแล้ว 150-200 ล้านบาท ?และ?คาดว่าจะเพิ่ม?เป็น 2,000 ล้านบาท ภายในปี 2557
**หุ้นไทยร่วง11จุด ปัจจัยลบตปท.กดดัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (1เม.ย.) ปิดที่ระดับ 1,549.55 จุด ลดลง 11.51 จุด หรือ -0.74% มูลค่าการซื้อขาย 43,856.87 ล้านบาท
นายณาศิส ประเสริฐกุล นักกลยุทธ์การลงทุน บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า ภาวะตลาดเป็นการพักตัวในระยะเวลาสั้นๆ หลังจากที่ปลายสัปดาห์ก่อนดัชนีปรับตัวขึ้นไปแรง ปัจจัยหลักมาจากความกังวลปัญหาในคาบสมุทรเกาหลี ประกอบกับ ญี่ปุ่นเปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ ออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้เล็กน้อย
สำหรับ แนวโน้มวันนี้(1 เม.ย) มองว่าดัชนีอาจจะเหวี่ยงตัวในกรอบแคบต่อไป เพื่อรอผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ในวันที่ 3 เม.ย. และความชัดเจนของการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ)ที่จะมีขึ้นในวันพุธและวันพฤหัสบดีนี้ พร้อมให้กรอบแกว่งตัวของดัชนีไว้ที่ แนวรับ 1,545 จุด แนวต้าน 1,565 จุด