xs
xsm
sm
md
lg

ปรับวิกฤตเงินกู้สองล้านล้านมาเป็นโอกาสชาติไทย

เผยแพร่:   โดย: ทวิช จิตรสมบูรณ์

เงินกว่าสองล้านล้านบาทที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะกู้มานั้น ถ้าใช้อย่างฉลาดชาติคงเจริญ แต่ถ้าไม่ฉลาดชาติจะฉิบหายแน่นอน ซึ่งการเอาไปทำ “การขนส่งระบบราง” ฟังดูดีอยู่ นั้นขอฟันธงว่าจะฉิบหายมากกว่าเจริญ เนื่องเพราะมันไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไรนัก ค่อยทำไปใช้เวลาสัก ๕๐ ปียังได้

สร้างระบบรางมาเต็มประเทศ แต่ชาติล้มละลายด้วยหนี้เงินกู้ จนถูกขายทอดตลาดให้ต่างชาติ มันจะกลายเป็น “มหาสาวรีย์” ประจานคนสร้างไปชั่วลูกหลานเหลนนะ...เราเตือนคุณแล้ว โปรดคิดทวนหลายๆ ครั้ง

ปัญหาใหญ่ของชาติที่ต้องทำด่วนที่สุดก่อนระบบรางในวันนี้มีสี่เรื่องคือ ..การสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าเกษตร ..การพัฒนาธุรกิจคนสัญชาติไทย ..การกระจายความเจริญสู่ชนบท ..และการลดการใช้ปุ๋ยเคมีในการเกษตร... ซึ่งทั้งสี่เรื่องนี้ทำดีๆ บูรณาการให้เป็นเรื่องเดียวกันได้อีกด้วย

ปัญหาหนักสุดของชาติไทยตอนนี้คือ รายได้ประชาชาติมีสัดส่วนเป็นของคนต่างชาติสูงที่สุดในโลก (ประมาณถึง ๗๐ ปซ.) ซึ่งมันอันตรายมาก แต่ไม่เห็นมีนักเศรษฐศาสตร์คนใดออกโรงมาเตือนรัฐบาลสักคน ปล่อยให้ผมซึ่งเป็นวิศวกรเครื่องกลเตือนอยู่คนเดียว และเตือนมานานเป็นสิบปีแล้วด้วย (ที่ไม่เตือนส่วนใหญ่เป็นเพราะไม่รู้ข้อมูล ที่ไม่รู้เพราะฝรั่งไม่สอน ไม่มีในตำราเศรษฐศาสตร์)

ที่สัดส่วนมันเป็นเช่นนี้เพราะรัฐบาลทุกยุคมีแต่นโยบายส่งเสริมการลงทุนของต่างชาติ โดยมีองค์การบ๋อย (BOI) คอยรับใช้เป็นอย่างดี แต่อีกเหตุผลหนึ่งคือคนสัญชาติไทยเองมีรายได้น้อยมาก ซึ่งเป็นผลพวงแห่งความโง่ของนักการเมืองแห่งรัฐบาลทุกยุคสมัย

ถ้ายังมองไม่เห็นอันตราย ยังอยากเอาใจนายทุนต่างชาติอยู่ร่ำไป ก็ทำไป เบื่อจะเตือนแล้ว แต่ก็ยังควรเพิ่มรายได้ของคนไทยเราอยู่นะ แบบคู่ขนาน เพิ่มอย่างยั่งยืน ไม่ใช่เพิ่มแบบทุนนิยมกระจอกๆ ที่สวกๆ ลวกๆ

ตัวอย่างเช่น สินค้าเกษตรสองตัว คือ ยางพาราและมันสำปะหลัง ที่ขณะนี้ผลผลิตส่วนใหญ่ส่งออกขาย ตปท.แบบดิบๆ ด้วยราคาแสนถูก ทำไมไม่เอาเงิน ๒.๒ ล้านล้านนี้มาตั้งโรงงานรัฐวิสาหกิจ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้สินค้าสองตัวนี้ ก่อนส่งขายต่างประเทศ

วันนี้ แม้ปลูกยางมา ๕๐ ปี ก็ไม่รู้จักคิดต่อยอด ทำให้ยางพาราถูกส่งออกดิบๆ ประมาณ ๘๐ เปอร์เซ็นต์ เป็นเงินประมาณ ๓ แสนล้านบาทต่อปี (ภูมิใจกันหนักหนาว่าเป็นรายได้หลักหนึ่งของชาติ) ส่วนผลิตภัณฑ์ยางสุก ๒๐ เปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่ใช้ในประเทศ (เช่นยางรถยนต์ ถุงมือแพทย์ ถุงจู๋) ส่งออกด้วยราคาพอๆ กัน ๓ แสนล้าน.....รวมทั้งหมดได้ ๖ แสนล้านบาท ลองคำนวณกลับและประมาณการดู จะพบว่าถ้าแปรรูปทั้งหมด สินค้าจะมีมูลค่าเพิ่มเป็นประมาณ ๖ ล้านล้านบาท มากกว่าเดิม ๕.๔ ล้านล้านบาท

ถ้าเก็บภาษีจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นนี้ได้เพียง ๑๕ เปอร์เซ็นต์ รัฐจะมีรายได้เพิ่มปีละ ๘ แสนล้านบาท ภายใน ๓ ปีก็จะใช้หนี้ ๒ ล้านล้านที่ไปกู้เขามาได้แล้ว ปีต่อไปก็เอาเงินนี้ไปสร้างระบบรางให้ทั่วประเทศสิ ไม่เห็นต้องไปกู้ใครให้ยุ่งยากและเสียศักดิ์ศรีอีกต่อไป

นี่ยังไม่รวมรายได้จากมันสำปะหลัง ปาล์ม และอื่นๆ เช่น มันสำปะหลัง เอามาทำพลาสติกชีวภาพ มูลค่าเพิ่ม ๒๐ เท่าได้ ซึ่งนักวิจัยไทยก็ทำได้หมดแล้วในห้องปฏิบัติการ (เช่นที่ ม.เทคโนโลยีสุรนารี เป็นต้น) แต่นี่รัฐปล่อยให้บริษัทต่างชาติบุกมาสร้างโรงงานยักษ์ผลิตสารตั้งต้นพลาสติกชีวภาพในไทยได้ฉลุย (ไอ้บ๋อยก็คอยรับใช้ตามเคย) ปล่อยให้คนไทยขายมันสำปะหลัง ให้พวกนี้โลละ ๒ บาท (จนกรอบเหมือนเดิม) ....ส่วนเขาเอาไปสร้างมูลค่าเพิ่มได้โลละ ๔๐ บาท

ถาม..โหย..เงินกำไรส่วนต่างผลผลิตมากมายขนาดนี้จะขนกลับประเทศแม่ที่เนเธอร์แลนด์ได้อย่างไร... ตอบ...ก็ขนด้วยระบบราง ๒ ล้านล้าน ที่รัฐบาลไทยสร้างถวายไงล่ะจ๊ะ

หรือว่ารัฐจงใจต้องการให้คนไทยจนกรอบต่อไป จะได้จูงจมูกได้ง่าย เพราะหากรวยกันหมดแล้ว ก็หายโง่ ก็คงไม่เลือกพวกเขาเข้าสภากระมัง

ที่ว่ามานั้นคือส่วนที่จะต้องเพิ่มรายได้ ส่วนการลดรายจ่ายก็ต้องทำ โดยเฉพาะพวกปุ๋ยเคมี และสารเคมีดิบที่นำเข้า แล้วเอามาทำสุกให้เป็นปุ๋ยเคมี ยาปราบศัตรูพืช ซึ่งเรื่องนี้คนไทยเราโดนสองเด้ง คือ เสียเงินนำเข้าปีละหลายแสนล้าน และยังเสียสุขภาพ จนคนไทยตายด้วยมะเร็งสูงมากที่สุดในโลก (ร้อยละ) และจนสมองเด็กไทยฝ่อ ไอคิวต่ำมาก ดังที่ทราบกันดีอยู่แล้ว ทั้งในเชิงสำรวจและเชิงประจักษ์

รัฐบาลจึงควรฉลาดได้แล้ว (อะไรกันมีคนชักใยระดับเทพเพียงนี้ ทำอะไรได้กระจอกแค่ระบบรางเองหรือ) ควรเร่งลงทุนส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ ตั้งโรงงานผลิตปุ๋ยชีวภาพกระจายทั่วประเทศอย่างเร่งด่วน โรงงานยาฆ่าแมลงชีวภาพด้วย

โรงงานต่างๆ ที่กล่าวมานั้น สามารถทำเป็นโรงงานใหญ่ๆ แต่ถ้าทำเป็นโรงงานขนาดกลางถึงเล็กๆ กระจายไปในท้องถิ่นจะดีมาก ท้องถิ่นจะได้พัฒนา คนมีงานทำ ไม่ทิ้งท้องถิ่น ลูกเต้าไปหากินไกลๆ ซึ่งก่อปัญหาสังคมตามมามากดังเช่นทุกวันนี้

ถ้านายกฯ ปูอยากเป็นวีรสตรี ตายแล้วมีอนุสาวรีย์ก็ไม่ยากเลย เงินสองล้านล้านนี้ซื้อความเป็นวีรสตรีได้เลย ด้วยการลงทุนเพื่อชาติอย่างที่เสนอมา อีกทั้งจัดให้คนงานมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของด้วย โดยลงทุนถือหุ้นด้วยแรงงานตามสัดส่วนที่ยุติธรรม ถึงปีมีกำไรก็มีโบนัสให้ตามสัดส่วนแรงงาน (แต่ถ้าขาดทุนก็ต้องโดนตัดเงินเดือนด้วยนะ ก็เป็นเจ้าของก็ต้องรับผิดชอบสิ) .... แบบนี้คนจะรักโรงงาน จะทำงานกันด้วยความรัก ขยันขันแข็ง พอทำไปนานๆ มีกำไรใช้หนี้เงินกู้ที่มาจากสองล้านล้านหมดแล้ว ก็ยกโรงงานให้ท้องถิ่นไปเลย แบบนี้ได้อนุสาวรีย์แน่ๆ

เงินกู้สองล้านล้านคงห้ามได้ยาก (ตามหลักเสียงข้างมากลากไปได้เสมอแบบไทยๆ) แต่ขอกราบเท้าท่านนายกฯ ปูผ่านบทความนี้ วิงวอนขอให้ปรับวิกฤตเป็นโอกาส ขอให้ชะลอระบบรางไว้ก่อน แล้วเอาเงิน (ภาษีของพวกเรา) มาสร้างชาติที่ฐานรากอย่างเร่งด่วนก่อน ดังที่วิงวอนมาในบทความนี้ ก่อนที่ชาติจะล่มสลาย
กำลังโหลดความคิดเห็น