ASTVผู้จัดการรายวัน - ศาลฎีกาพิพากษาให้โรงพยาบาลขอนแก่นรามและแพทย์ ชดใช้ค่ารักษา 7 แสน ค่าปลงศพ 8 หมื่น คดีมารดา "น้องบูบู๊" ยื่นฟ้องประมาทในการรักษา เป็นเหตุลูกสมองพิการและเสียชีวิต เผยใช้เวลา 15 ปีรอคอยวันนี้ ยันไม่เคยคิดฟ้อง แต่รู้สึกไม่ดีที่แพทย์และโรงพยาบาลไม่มีแม้แต่คำขอโทษ ไม่นึกถึงความรู้สึกของคนเป็นแม่
วันนี้ (26 มี.ค.) ที่ศาลจังหวัดขอนแก่น ผู้พิพากษาศาลฎีกาได้นั่งบังลังก์พิจารณาคดีแพ่ง ที่นางจาฎุพัจน์ พงษ์ธีรมิตร ฟ้องร้องโรงพยาบาลขอนแก่นราม และแพทย์กุมารเวชศาสตร์ ฐานละเมิดทำให้ด.ญ.นัทธมนต์ หรือน้องบูบู๊ พงษ์ธีรมิตร พิการทางสมอง และเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยศาลฎีกาวินิจฉัยยืนตามชั้นอุทธรณ์ ให้จำเลยรับผิดชอบค่าเสียหายช่วงเวลาที่รักษาด.ญ.นัทธมนต์เป็นเงิน 700,000 บาท และค่าปลงศพอีก 80,000 บาท
ทั้งนี้ คดีดังกล่าวนางจาฎุพัจน์ ได้ยื่นฟ้องโรงพยาบาลขอนแก่นราม และแพทย์ที่รักษาน้องบูบู๊มาตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2541 ฐานนำแพทย์มารักษาบุตรสาวไม่ได้มาตรฐานทางการแพทย์ เป็นเหตุให้น้องบูบู๊เสียชีวิต โดยประมาณ 2547 ศาลชั้นต้นได้พิพากษาคดี ระบุว่าจำเลยทั้งสองได้กระทำความผิดจริงตามฟ้อง กระทำการประมาทเลินเล่อ หรือเป็นการละเมิดต่อโจทก์ พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิดชอบ ชดใช้สินไหมทดแทนให้โจทก์เป็นเงิน 1,580,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 นับตั้งแต่วันฟ้องวันที่ 29 ธันวาคม 2541 ต่อมาทางโรงพยาบาลขอนแก่นราม ยื่นอุทธรณ์ ซึ่งศาลตัดสินให้จำเลยรับผิดชอบค่าเสียหายช่วงเวลาที่รักษาด.ญ.นัทธมนต์ เป็นเงิน 700,000 บาท และค่าปลงศพ 80,000 บาท
ซึ่งคำพิพากษาของศาลฎีกาถือเป็นการสิ้นสุดคดีสะเทือนใจของชาวขอนแก่น ที่นางจาฏุพัจน์ได้ใช้เวลาต่อสู้นานกว่า 15 ปี แม้ว่าน้องบูบู๊จะเสียชีวิตไปตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2545 แต่ก็ยังสู้ต่อ กระทั่งศาลฎีกาพิพากษาให้โรงพยาบาลและแพทย์รับผิดชอบ ทำให้นางจาฏุพัจน์ถึงกับหลั่งน้ำตาออกมา พร้อมกับสามีและพี่สาวของน้องบูบู๊ที่มาฟังคำตัดสินด้วยกัน
นางจาฎุพัจน์ กล่าวว่า ที่จริงไม่อยากฟ้องร้องโรงพยาบาลและแพทย์ แต่ที่ผ่านมาแพทย์และโรงพยาบาลไม่แสดงความรับผิดชอบต่อการรักษาผิดพลาด เคยสอบถามแพทย์ที่รักษา กลับได้รับคำตอบว่ารักษาดีที่สุดแล้ว อยากได้ค่ารักษาให้ฟ้องร้องเอา ทำให้รู้สึกไม่ดีกับคำตอบที่ไร้ความรับผิดชอบ ไม่มีแม้คำขอโทษ ไม่นึกถึงความรู้สึกของคนเป็นแม่ จึงได้ฟ้องร้องเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง ว่ากุมารแพทย์และโรงพยาบาลขอนแก่นราม มีความผิดพลาดในการรักษา จนทำให้น้องบูบู๊ ต้องพิการทางสมองและเสียชีวิต
"เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2541 ได้ไปคลอดน้องบูบู๊ที่โรงพยาบาลขอนแก่นราม พักฟื้นอยู่ 3 วัน น้องบูบู๊มีอาการตัวเหลือง จึงได้เข้ารับการรักษาตัวด้วยการฉายไฟ 2 วัน จากนั้นแพทย์ไอนุญาตให้กลับได้ในวันที่ 10 มกราคม ต่อมาวันที่ 12 มกราคม สังเกตเห็นว่าน้องบูบู๊มีอาการตัวเหลือง จึงนำเข้ารักษาตัวที่เข้าโรงพยาบาลขอนแก่นรามอีกครั้ง โดยแพทย์นำตัวเข้าตู้อบ ไม่อนุญาตให้ญาติอยู่กับคนไข้ และให้สอบถามอาการทางโทรศัพท์ จนเวลา 07.00 น. วันที่ 13 มกราคม ทางโรงพยาบาลโทรศัพท์มาบอกว่าน้องบูบู๊มีอาการตัวเหลืองมาก จะต้องเปลี่ยนเลือด จึงเดินทางไปโรงพยาบาล และแพทย์ได้เปลี่ยนเลือดให้เวลา 10.00 น. และเพิ่มเลือดอีกครั้งในเย็นวันเดียวกัน"
นางจาฎุพัจน์ กล่าวว่า วันนั้นน้องบูบู๊เกิดอาการเลือดออกในปอด แพทย์เวรช่วยได้ทัน และรักษาตัวที่โรงพยาบาลต่ออีก 16 วัน แพทย์บอกว่าอาการเป็นปกติแล้ว จึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ เวลาผ่านไป 2-3 เดือนเห็นว่าลูกสาวคอไม่ตั้ง ไม่มีพัฒนาการเหมือนเด็กทั่วไป จึงนำไปพบแพทย์อีกครั้ง แต่ไม่สามารถรักษาได้ จึงได้พาไปรักษาที่โรงพยาบาลอื่นอีกหลายแห่ง
"สุดท้ายได้ไปรักษาที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ที่กรุงเทพฯ แพทย์ระบุว่าเด็กสมองพิการ เพราะเกิดจากอาการตัวเหลือง เด็กต้องได้รับการเปลี่ยนเลือดทันที แต่กลับปล่อยให้ตัวเหลืองมากเกินไป แล้วจึงเปลี่ยนเลือด ทำให้สมองเด็กพิการ เด็กต้องอยู่อย่างลำบาก ต้องควบคุมอุณหภูมิ และมักแพ้แมลงง่าย ถึงที่สุดน้องบูบู๊ได้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2545"
นางจาฎุพัจน์ กล่าวว่า คดีนี้ได้นำประวัติเวชระเบียนคนไข้จากโรงพยาบาลขอนแก่นราม ไปเป็นหลักฐานยื่นฟ้อง ซึ่งศาลได้พิจารณาจากผลเลือดของเด็กที่เข้ารับการรักษาเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2541 ที่มีอาการตัวเหลือง โดยผลเลือดชี้ชัดว่าเลือดน้องบูบู๊มีสารเหลืองเกินปกติ จำเป็นต้องเปลี่ยนเลือดทันที แต่แพทย์กลับให้เข้าตู้อบก่อน จนเป็นเหตุให้สมองถูกทำลายค่อนข้างมาก จนเป็นเหตุให้พิการทางสมองในที่สุด.
วันนี้ (26 มี.ค.) ที่ศาลจังหวัดขอนแก่น ผู้พิพากษาศาลฎีกาได้นั่งบังลังก์พิจารณาคดีแพ่ง ที่นางจาฎุพัจน์ พงษ์ธีรมิตร ฟ้องร้องโรงพยาบาลขอนแก่นราม และแพทย์กุมารเวชศาสตร์ ฐานละเมิดทำให้ด.ญ.นัทธมนต์ หรือน้องบูบู๊ พงษ์ธีรมิตร พิการทางสมอง และเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยศาลฎีกาวินิจฉัยยืนตามชั้นอุทธรณ์ ให้จำเลยรับผิดชอบค่าเสียหายช่วงเวลาที่รักษาด.ญ.นัทธมนต์เป็นเงิน 700,000 บาท และค่าปลงศพอีก 80,000 บาท
ทั้งนี้ คดีดังกล่าวนางจาฎุพัจน์ ได้ยื่นฟ้องโรงพยาบาลขอนแก่นราม และแพทย์ที่รักษาน้องบูบู๊มาตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2541 ฐานนำแพทย์มารักษาบุตรสาวไม่ได้มาตรฐานทางการแพทย์ เป็นเหตุให้น้องบูบู๊เสียชีวิต โดยประมาณ 2547 ศาลชั้นต้นได้พิพากษาคดี ระบุว่าจำเลยทั้งสองได้กระทำความผิดจริงตามฟ้อง กระทำการประมาทเลินเล่อ หรือเป็นการละเมิดต่อโจทก์ พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิดชอบ ชดใช้สินไหมทดแทนให้โจทก์เป็นเงิน 1,580,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 นับตั้งแต่วันฟ้องวันที่ 29 ธันวาคม 2541 ต่อมาทางโรงพยาบาลขอนแก่นราม ยื่นอุทธรณ์ ซึ่งศาลตัดสินให้จำเลยรับผิดชอบค่าเสียหายช่วงเวลาที่รักษาด.ญ.นัทธมนต์ เป็นเงิน 700,000 บาท และค่าปลงศพ 80,000 บาท
ซึ่งคำพิพากษาของศาลฎีกาถือเป็นการสิ้นสุดคดีสะเทือนใจของชาวขอนแก่น ที่นางจาฏุพัจน์ได้ใช้เวลาต่อสู้นานกว่า 15 ปี แม้ว่าน้องบูบู๊จะเสียชีวิตไปตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2545 แต่ก็ยังสู้ต่อ กระทั่งศาลฎีกาพิพากษาให้โรงพยาบาลและแพทย์รับผิดชอบ ทำให้นางจาฏุพัจน์ถึงกับหลั่งน้ำตาออกมา พร้อมกับสามีและพี่สาวของน้องบูบู๊ที่มาฟังคำตัดสินด้วยกัน
นางจาฎุพัจน์ กล่าวว่า ที่จริงไม่อยากฟ้องร้องโรงพยาบาลและแพทย์ แต่ที่ผ่านมาแพทย์และโรงพยาบาลไม่แสดงความรับผิดชอบต่อการรักษาผิดพลาด เคยสอบถามแพทย์ที่รักษา กลับได้รับคำตอบว่ารักษาดีที่สุดแล้ว อยากได้ค่ารักษาให้ฟ้องร้องเอา ทำให้รู้สึกไม่ดีกับคำตอบที่ไร้ความรับผิดชอบ ไม่มีแม้คำขอโทษ ไม่นึกถึงความรู้สึกของคนเป็นแม่ จึงได้ฟ้องร้องเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง ว่ากุมารแพทย์และโรงพยาบาลขอนแก่นราม มีความผิดพลาดในการรักษา จนทำให้น้องบูบู๊ ต้องพิการทางสมองและเสียชีวิต
"เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2541 ได้ไปคลอดน้องบูบู๊ที่โรงพยาบาลขอนแก่นราม พักฟื้นอยู่ 3 วัน น้องบูบู๊มีอาการตัวเหลือง จึงได้เข้ารับการรักษาตัวด้วยการฉายไฟ 2 วัน จากนั้นแพทย์ไอนุญาตให้กลับได้ในวันที่ 10 มกราคม ต่อมาวันที่ 12 มกราคม สังเกตเห็นว่าน้องบูบู๊มีอาการตัวเหลือง จึงนำเข้ารักษาตัวที่เข้าโรงพยาบาลขอนแก่นรามอีกครั้ง โดยแพทย์นำตัวเข้าตู้อบ ไม่อนุญาตให้ญาติอยู่กับคนไข้ และให้สอบถามอาการทางโทรศัพท์ จนเวลา 07.00 น. วันที่ 13 มกราคม ทางโรงพยาบาลโทรศัพท์มาบอกว่าน้องบูบู๊มีอาการตัวเหลืองมาก จะต้องเปลี่ยนเลือด จึงเดินทางไปโรงพยาบาล และแพทย์ได้เปลี่ยนเลือดให้เวลา 10.00 น. และเพิ่มเลือดอีกครั้งในเย็นวันเดียวกัน"
นางจาฎุพัจน์ กล่าวว่า วันนั้นน้องบูบู๊เกิดอาการเลือดออกในปอด แพทย์เวรช่วยได้ทัน และรักษาตัวที่โรงพยาบาลต่ออีก 16 วัน แพทย์บอกว่าอาการเป็นปกติแล้ว จึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ เวลาผ่านไป 2-3 เดือนเห็นว่าลูกสาวคอไม่ตั้ง ไม่มีพัฒนาการเหมือนเด็กทั่วไป จึงนำไปพบแพทย์อีกครั้ง แต่ไม่สามารถรักษาได้ จึงได้พาไปรักษาที่โรงพยาบาลอื่นอีกหลายแห่ง
"สุดท้ายได้ไปรักษาที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ที่กรุงเทพฯ แพทย์ระบุว่าเด็กสมองพิการ เพราะเกิดจากอาการตัวเหลือง เด็กต้องได้รับการเปลี่ยนเลือดทันที แต่กลับปล่อยให้ตัวเหลืองมากเกินไป แล้วจึงเปลี่ยนเลือด ทำให้สมองเด็กพิการ เด็กต้องอยู่อย่างลำบาก ต้องควบคุมอุณหภูมิ และมักแพ้แมลงง่าย ถึงที่สุดน้องบูบู๊ได้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2545"
นางจาฎุพัจน์ กล่าวว่า คดีนี้ได้นำประวัติเวชระเบียนคนไข้จากโรงพยาบาลขอนแก่นราม ไปเป็นหลักฐานยื่นฟ้อง ซึ่งศาลได้พิจารณาจากผลเลือดของเด็กที่เข้ารับการรักษาเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2541 ที่มีอาการตัวเหลือง โดยผลเลือดชี้ชัดว่าเลือดน้องบูบู๊มีสารเหลืองเกินปกติ จำเป็นต้องเปลี่ยนเลือดทันที แต่แพทย์กลับให้เข้าตู้อบก่อน จนเป็นเหตุให้สมองถูกทำลายค่อนข้างมาก จนเป็นเหตุให้พิการทางสมองในที่สุด.