เชสเตอร์ลุยฟาสต์ฟู้ดเต็มสูบ ตัด “กริลล์” ทิ้ง ทุ่ม 150 ล้านบาท ขยาย 20 สาขา อัด 5% ลุยการตลาดหวังยอดโต 20% ทะลุ 1,900 ล้านบาท โตมากกว่าตลาดรวม 20,000 ล้านบาท ที่คาดโต 15%
นายสุวัฒน์ ทรงพัฒนะโยธิน รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เชสเตอร์ฟู้ด จำกัด ผู้บริหารร้าน “เชสเตอร์” ในเครือซีพี เปิดเผยว่า ปัจจุบันร้านเชสเตอร์กริลล์ได้ปรับชื่อร้านใหม่ จากเดิมคือ เชสเตอร์กริลล์ เป็น เชสเตอร์ มาตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เพื่อต้องการล้างภาพความเป็นร้านกริลล์หรือไก่ย่างสู่ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดเต็มตัว คาดว่าภายใน 2 ปีจะเปลี่ยนชื่อร้านเป็นชื่อเชสเตอร์ได้ครบทุกสาขา
โดยในปีนี้ถือเป็นปีที่บริษัทลงทุนขยายสาขามากสุดราว 15-20 สาขา จากปกติปีละไม่เกิน 15 สาขา ใช้งบลงทุนกว่า 120 ล้านบาท และรีโนเวตสาขาเดิมราว 30 ล้านบาท ส่วนสาขาใหม่ๆจะเน้นไปยังทำเลใหม่เช่น คอมมูนิตี้มอลล์ และปั้มน้ำมัน โดยในส่วนปั้มนำมันนั้นปัจจุบันมีอยู่ 40 สาขา กับปั้มปตท. ภายใน 3 ปีนี้จะขยายเพิ่มให้ได้อีก 50 สาขา แต่ละสาขาลงทุนราว 4 ล้านบาท พื้นที่ 100-120 ตารางเมตร ส่วนใหญ่เป็นแฟรนไชส์ และดีลเลอร์เจ้าของปั้มที่ลงทุนเปิดบริการเอง
“ส่วนสำคัญของการขยายสาขามากยิ่งขึ้น เนื่องจากรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 หรือ เออีซี ที่มองว่าจะมีประชากรรวมกันในกลุ่มสมาชิกมากกว่า 600 ล้านคน และจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเที่ยวในเมืองไทยมากขึ้นและบริษัทมุ่งสร้างตลาดในไทยให้แข็งแกร่งมากกว่าจะรุกขยายตลาดไปต่างประเทศ ซึ่งการทำตลาดในต่างประเทศนั้นภายใน 1-2 ปีข้างหน้าจึงจะพิจารณาว่าจะมีการทำตลาดหรือไม่”
อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทยังมุ่งเน้นการทำตลาดภายใต้กลยุทธ์ 7P คือ Promotion, Place, Price, Product, Process, People และ Physical Environment โดยปีนี้จะเพิ่มเมนูใหม่ราว 6 เมนูเท่าปีก่อน จากปัจจุบันมีเมนูอาหารรวมกว่า 28 รายการครอบคลุมทั้งหมู ปลา ไก่ และกุ้ง พร้อมโปรโมชั่นส่งเสริมการขายรายการใหญ่อีก 2-3 รายการ เชื่อว่าจะส่งผลให้รายได้รวมสิ้นปีนี้เติบโต 20% คิดเป็นมูลค่าได้ 1,900 ล้านบาท จากปีก่อนปิดรายได้ที่ 1,600 ล้านบาท เติบโต 15%
นายสุวัฒน์ กล่าวต่อว่า ภาพรวมตลาดฟาสต์ฟู้ดมูลค่า 20,000 ล้านบาท เชื่อว่าปีนี้จะเติบโตที่ 10-15% โดยยังคงมีการแข่งขันสูงต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเรื่องของราคา เนื่องจากพบว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคมีน้อยลง ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากผลของนโยบายรถคันแรก ทำให้ผู้บริโภคใช้บริการในร้านฟาสต์ฟู้ดน้อยลงส่งผลให้ราคาและเมนูใหม่ๆที่มีราคาถูกถูกนำมาใช้มากขึ้นในร้านฟาสต์ฟู้ดในปีนี้
นายสุวัฒน์ ทรงพัฒนะโยธิน รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เชสเตอร์ฟู้ด จำกัด ผู้บริหารร้าน “เชสเตอร์” ในเครือซีพี เปิดเผยว่า ปัจจุบันร้านเชสเตอร์กริลล์ได้ปรับชื่อร้านใหม่ จากเดิมคือ เชสเตอร์กริลล์ เป็น เชสเตอร์ มาตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เพื่อต้องการล้างภาพความเป็นร้านกริลล์หรือไก่ย่างสู่ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดเต็มตัว คาดว่าภายใน 2 ปีจะเปลี่ยนชื่อร้านเป็นชื่อเชสเตอร์ได้ครบทุกสาขา
โดยในปีนี้ถือเป็นปีที่บริษัทลงทุนขยายสาขามากสุดราว 15-20 สาขา จากปกติปีละไม่เกิน 15 สาขา ใช้งบลงทุนกว่า 120 ล้านบาท และรีโนเวตสาขาเดิมราว 30 ล้านบาท ส่วนสาขาใหม่ๆจะเน้นไปยังทำเลใหม่เช่น คอมมูนิตี้มอลล์ และปั้มน้ำมัน โดยในส่วนปั้มนำมันนั้นปัจจุบันมีอยู่ 40 สาขา กับปั้มปตท. ภายใน 3 ปีนี้จะขยายเพิ่มให้ได้อีก 50 สาขา แต่ละสาขาลงทุนราว 4 ล้านบาท พื้นที่ 100-120 ตารางเมตร ส่วนใหญ่เป็นแฟรนไชส์ และดีลเลอร์เจ้าของปั้มที่ลงทุนเปิดบริการเอง
“ส่วนสำคัญของการขยายสาขามากยิ่งขึ้น เนื่องจากรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 หรือ เออีซี ที่มองว่าจะมีประชากรรวมกันในกลุ่มสมาชิกมากกว่า 600 ล้านคน และจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเที่ยวในเมืองไทยมากขึ้นและบริษัทมุ่งสร้างตลาดในไทยให้แข็งแกร่งมากกว่าจะรุกขยายตลาดไปต่างประเทศ ซึ่งการทำตลาดในต่างประเทศนั้นภายใน 1-2 ปีข้างหน้าจึงจะพิจารณาว่าจะมีการทำตลาดหรือไม่”
อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทยังมุ่งเน้นการทำตลาดภายใต้กลยุทธ์ 7P คือ Promotion, Place, Price, Product, Process, People และ Physical Environment โดยปีนี้จะเพิ่มเมนูใหม่ราว 6 เมนูเท่าปีก่อน จากปัจจุบันมีเมนูอาหารรวมกว่า 28 รายการครอบคลุมทั้งหมู ปลา ไก่ และกุ้ง พร้อมโปรโมชั่นส่งเสริมการขายรายการใหญ่อีก 2-3 รายการ เชื่อว่าจะส่งผลให้รายได้รวมสิ้นปีนี้เติบโต 20% คิดเป็นมูลค่าได้ 1,900 ล้านบาท จากปีก่อนปิดรายได้ที่ 1,600 ล้านบาท เติบโต 15%
นายสุวัฒน์ กล่าวต่อว่า ภาพรวมตลาดฟาสต์ฟู้ดมูลค่า 20,000 ล้านบาท เชื่อว่าปีนี้จะเติบโตที่ 10-15% โดยยังคงมีการแข่งขันสูงต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเรื่องของราคา เนื่องจากพบว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคมีน้อยลง ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากผลของนโยบายรถคันแรก ทำให้ผู้บริโภคใช้บริการในร้านฟาสต์ฟู้ดน้อยลงส่งผลให้ราคาและเมนูใหม่ๆที่มีราคาถูกถูกนำมาใช้มากขึ้นในร้านฟาสต์ฟู้ดในปีนี้