**ในรอบสัปดาห์นี้ ข่าวคราวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีหนาหูขึ้นมาอีกครั้ง เพราะอยู่ในช่วงเวลาที่คนตระกูล “ชินวัตร” ขีดเส้นเอาไว้ให้เป็นธรรมเนียมปฏิบัติว่า จะมีการสลับเก้าอี้ทุกๆ 6 เดือน
จึงมีทั้งข่าวจริง-ข่าวปล่อย-ข่าวลวง ปรากฏตามหน้าสื่อเกือบทุกแขนง ซึ่งทุกข่าวที่ถูกนำเสนอออกมา ถูกเซ็ตมาอย่างดี เพื่อหวังผลทางการเมืองทั้งสิ้น
บางก๊ก “ปล่อยข่าว” เพื่อสร้างเครดิตให้กับกลุ่มของตัวเอง ปั่นราคาให้สูงเข้าไว้ เพราะในใจลึกๆหวังจะเข้าร่วม “รัฐบาล” แม้รู้อยู่เต็มอกว่าจะถูก ส.ส.พรรคเพื่อไทย เตะสกัด ขัดขวางทุกวิถีทาง แต่ก็ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม
เป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากความเคลื่อนไหวของ “กลุ่มมัชฌิมา” จากพรรคภูมิใจไทย ที่มี"สมศักดิ์ เทพสุทิน" เป็นแกนนำ มีการเชื่อมโยงสายสัมพันธ์กับ “เจ๊แดง - เยาวภา วงศ์สวัสดิ์” พี่สาวสุดที่รักของ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ทำให้ความเป็นไปได้ที่ “กลุ่มมัชฌิมา” จะนำ ส.ส. 7 เสียง สวามิภักดิ์ต่อ “นายเก่า” เพิ่มเปอร์เซ็นต์สูงขึ้น
จึงไม่แปลกที่ได้เห็น “แกนนำมัชฌิมา” อาทิ “อนุชา นาคาศัย - พรทิวา นาคาศัย - อนงค์วรรณ เทพสุทิน” และ “สมศักดิ์” ออกมาเทกแอ๊คชั่น จัดฉากรับประทานอาหารเที่ยงพร้อมกัน แถวย่านสนามบินน้ำ
รู้กันมานานว่า “สมศักดิ์” คิดจะตีจากทิ้งทุ่น เพราะประเมินแล้วว่า หากยังอยู่ร่วมหัวจมท้ายกับ “เนวิน ชิดชอบ” แกนนำภูมิใจไทย คงต้องอดอยากปากแห้งไปอีกนาน สู้ทรยศ “เพื่อน” ไปลืมตาอ้าปากกับ “นายเก่า”ไม่ได้
อ่านเกมล่วงหน้าว่าโอกาสพลิกขั้วตั้ง “รัฐบาล” แบบเทพประทาน คงมีน้อย และหากมองไปไกลถึงเลือกตั้งครั้งหน้า โอกาสที่พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย ผนึกกำลังกัน ก็ยังเอาชนะพรรคเพื่อไทยได้ยาก
**ดีดลูกคิดบวก-ลบ-คูณ-หาร กันแล้ว “หนี” ดีกว่า
บางคนสร้าง “ข่าวลวง” เพื่อโจมตีคนในพรรครัฐบาลกันเอง หวังกระชากให้ร่วงจากเก้าอี้รัฐมนตรี เผื่อจับพลัดจับผลูคนในก๊ก-ในกลุ่ม-ในสังกัด จะได้เสียบแทน
มีชื่อของ “ปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข” รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อยู่ในแคนดิเดต ถูกปลดออกจากตำแหน่งก่อนใครเพื่อน เพราะว่ายืนอยู่ปากเหว ส่อแววจะไม่ได้ไปต่อมาหลายรอบ โดยมี “วิสาร เตชะธีราวัฒน์” อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ใต้ร่มเงาของ “ยุทธ ตู้เย็น - ยงยุทธ ติยะไพรัช” ที่ผลักดันเต็มตัว เป็นเต็งหามที่จะเข้ามารับช่วงแทน
ทำให้ “ปรีชา” อดรนทนไม่ไหว ต้องออกมาปฏิเสธ “ข่าวปล่อย” เพื่อสยบ กลบกระแสทันควัน พร้อมการันตีกับ “สื่อ” ว่าตัวเองของจริง ไม่ถูกปลด 100 เปอร์เซ็นต์
“ข่าว” ที่ออกมาว่า ใครเด็กใคร-ใครมุ้งไหน-ใครสายไหน จึงมีออกมาให้เห็นมากมาย แต่จะมีการปรับ ครม.เกิดขึ้นหรือไม่ ก็ต้องวัดกำลังกันหน่อย
** ฝั่งอยากให้ปรับมีทั้ง “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” รวมถึงตัวของ “เยาวภา” ผู้ที่ว่ากันว่าจะมาเป็น “นายกฯสำรอง” แต่ฝั่งที่ไม่อยากให้ปรับคือ “นายกฯตัวจริง” อย่าง “ยิ่งลักษณ์”
แม้ที่ผ่านมาจะทำงานแบบไม่ค่อยเป็น “นายกฯตัวจริง” เท่าไร แต่งานนี้ “ปู” ขอเป็น “ตัวจริง” สักเรื่อง
หลังยื้อปรับ ครม.กันมากว่า 1 สัปดาห์ ล่าสุดทักษิณไฟเขียวให้ยิ่งลักษณ์ เลื่อนการปรับครม. ออกไปก่อน เนื่องจากยิ่งลักษณ์ใช้เหตุผลความจำเป็นที่ต้องเดินหน้า “พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน” ใช้ต่อรองกับทักษิณ ฟังขึ้น
หากคำนวณดูแล้วราคาของ พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน มีค่ากว่าการปรับครม. เพราะนี่คือขุมทรัพย์ก้อนโตของรัฐบาล ที่จะสามารถเก็บกินไปได้ในระยะยาว
ดังนั้นจึงต้องเดินหน้าลุย ใส่เกียร์ห้า ด้วยการเร่งบรรจุวาระการประชุม พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน เข้าสู่ที่ประชุมสภาอย่างเร่งด่วน เพื่อให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว
ว่ากันว่าหากการพิจารณาพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน เสร็จสิ้น ภายในการประชุมสภาสมัยนี้ ซึ่งจะปิดการประชุมสภาในวันที่ 19 เมษายน จะส่งผลดีต่อรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยอย่างมาก
เพราะบรรดาห้างร้าน-บริษัท ที่ “ดีล” กันล่วงหน้าไว้แล้ว จะได้ไม่ผิดหวัง ไม่ต้องรอคอยลุ้นกันตัวโก่งนานเกินไป ที่สำคัญ “เมกะโปรเจกต์” ที่ รัฐบาลไทยไปดีลกับต่างประเทศ เช่น ประเทศจีน ซึ่งน่าจะมีเอี่ยวในโครงการก่อสร้างหลายโครงการ โดยเฉพาะโครงการรถไฟความเร็วสูง
**เรียกได้ว่ายิ่งร่นเวลาลงมาได้เท่าไร ยิ่งได้ผลตอบแทนเร็ว และสูงขึ้นเท่านั้น
อีกทั้งในมุมมองของยิ่งลักษณ์ หากปรับ ครม.ในเวลานี้ จะสร้างแรงกระเพื่อมในพรรคอย่างมาก บรรดากลุ่ม-ก๊กต่างๆ ก็จะออกมาต่อรองขอตำแหน่ง อาจจะทำให้การพิจารณาพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน สะดุดได้ จึงจำเป็นที่ต้องทอดเวลาออกไปก่อน
เมื่อเหตุผลของยิ่งลักษณ์ ได้รับการสนับสนุนจาก ทักษิณ บรรดานักวิ่ง-นักต่อรอง-นักฉวยโอกาส จึงแต่งตัวรอเก้อไปก่อน อย่างน้อยก็จนกว่าจะปิดสมัยประชุมสภา แล้วค่อยมาต่อรองกันยกใหม่
มีการประเมินกันในวงยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยว่า น่าจะมีการปรับ ครม.ภายในช่วงเดือนเมษายน ประจวบเหมาะที่จะมีการปิดสมัยประชุมสภา ในวันที่ 19 เมษายนนี้
**สงสัยเดือนเมษายน จะมีคิวร้อนๆให้คนกันเอง-เพื่อนเก่า-มิตรใหม่ ออกมาเดินเกมปล่อยข่าวจริง-ข่าวลวง ประลองกำลังภายใน หักเหลี่ยมกันยกใหญ่อีกครั้ง เพื่อหวังซิวเก้าอี้ “รัฐมนตรี” ไว้ในครอบครอง
จึงมีทั้งข่าวจริง-ข่าวปล่อย-ข่าวลวง ปรากฏตามหน้าสื่อเกือบทุกแขนง ซึ่งทุกข่าวที่ถูกนำเสนอออกมา ถูกเซ็ตมาอย่างดี เพื่อหวังผลทางการเมืองทั้งสิ้น
บางก๊ก “ปล่อยข่าว” เพื่อสร้างเครดิตให้กับกลุ่มของตัวเอง ปั่นราคาให้สูงเข้าไว้ เพราะในใจลึกๆหวังจะเข้าร่วม “รัฐบาล” แม้รู้อยู่เต็มอกว่าจะถูก ส.ส.พรรคเพื่อไทย เตะสกัด ขัดขวางทุกวิถีทาง แต่ก็ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม
เป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากความเคลื่อนไหวของ “กลุ่มมัชฌิมา” จากพรรคภูมิใจไทย ที่มี"สมศักดิ์ เทพสุทิน" เป็นแกนนำ มีการเชื่อมโยงสายสัมพันธ์กับ “เจ๊แดง - เยาวภา วงศ์สวัสดิ์” พี่สาวสุดที่รักของ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ทำให้ความเป็นไปได้ที่ “กลุ่มมัชฌิมา” จะนำ ส.ส. 7 เสียง สวามิภักดิ์ต่อ “นายเก่า” เพิ่มเปอร์เซ็นต์สูงขึ้น
จึงไม่แปลกที่ได้เห็น “แกนนำมัชฌิมา” อาทิ “อนุชา นาคาศัย - พรทิวา นาคาศัย - อนงค์วรรณ เทพสุทิน” และ “สมศักดิ์” ออกมาเทกแอ๊คชั่น จัดฉากรับประทานอาหารเที่ยงพร้อมกัน แถวย่านสนามบินน้ำ
รู้กันมานานว่า “สมศักดิ์” คิดจะตีจากทิ้งทุ่น เพราะประเมินแล้วว่า หากยังอยู่ร่วมหัวจมท้ายกับ “เนวิน ชิดชอบ” แกนนำภูมิใจไทย คงต้องอดอยากปากแห้งไปอีกนาน สู้ทรยศ “เพื่อน” ไปลืมตาอ้าปากกับ “นายเก่า”ไม่ได้
อ่านเกมล่วงหน้าว่าโอกาสพลิกขั้วตั้ง “รัฐบาล” แบบเทพประทาน คงมีน้อย และหากมองไปไกลถึงเลือกตั้งครั้งหน้า โอกาสที่พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย ผนึกกำลังกัน ก็ยังเอาชนะพรรคเพื่อไทยได้ยาก
**ดีดลูกคิดบวก-ลบ-คูณ-หาร กันแล้ว “หนี” ดีกว่า
บางคนสร้าง “ข่าวลวง” เพื่อโจมตีคนในพรรครัฐบาลกันเอง หวังกระชากให้ร่วงจากเก้าอี้รัฐมนตรี เผื่อจับพลัดจับผลูคนในก๊ก-ในกลุ่ม-ในสังกัด จะได้เสียบแทน
มีชื่อของ “ปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข” รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อยู่ในแคนดิเดต ถูกปลดออกจากตำแหน่งก่อนใครเพื่อน เพราะว่ายืนอยู่ปากเหว ส่อแววจะไม่ได้ไปต่อมาหลายรอบ โดยมี “วิสาร เตชะธีราวัฒน์” อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ใต้ร่มเงาของ “ยุทธ ตู้เย็น - ยงยุทธ ติยะไพรัช” ที่ผลักดันเต็มตัว เป็นเต็งหามที่จะเข้ามารับช่วงแทน
ทำให้ “ปรีชา” อดรนทนไม่ไหว ต้องออกมาปฏิเสธ “ข่าวปล่อย” เพื่อสยบ กลบกระแสทันควัน พร้อมการันตีกับ “สื่อ” ว่าตัวเองของจริง ไม่ถูกปลด 100 เปอร์เซ็นต์
“ข่าว” ที่ออกมาว่า ใครเด็กใคร-ใครมุ้งไหน-ใครสายไหน จึงมีออกมาให้เห็นมากมาย แต่จะมีการปรับ ครม.เกิดขึ้นหรือไม่ ก็ต้องวัดกำลังกันหน่อย
** ฝั่งอยากให้ปรับมีทั้ง “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” รวมถึงตัวของ “เยาวภา” ผู้ที่ว่ากันว่าจะมาเป็น “นายกฯสำรอง” แต่ฝั่งที่ไม่อยากให้ปรับคือ “นายกฯตัวจริง” อย่าง “ยิ่งลักษณ์”
แม้ที่ผ่านมาจะทำงานแบบไม่ค่อยเป็น “นายกฯตัวจริง” เท่าไร แต่งานนี้ “ปู” ขอเป็น “ตัวจริง” สักเรื่อง
หลังยื้อปรับ ครม.กันมากว่า 1 สัปดาห์ ล่าสุดทักษิณไฟเขียวให้ยิ่งลักษณ์ เลื่อนการปรับครม. ออกไปก่อน เนื่องจากยิ่งลักษณ์ใช้เหตุผลความจำเป็นที่ต้องเดินหน้า “พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน” ใช้ต่อรองกับทักษิณ ฟังขึ้น
หากคำนวณดูแล้วราคาของ พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน มีค่ากว่าการปรับครม. เพราะนี่คือขุมทรัพย์ก้อนโตของรัฐบาล ที่จะสามารถเก็บกินไปได้ในระยะยาว
ดังนั้นจึงต้องเดินหน้าลุย ใส่เกียร์ห้า ด้วยการเร่งบรรจุวาระการประชุม พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน เข้าสู่ที่ประชุมสภาอย่างเร่งด่วน เพื่อให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว
ว่ากันว่าหากการพิจารณาพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน เสร็จสิ้น ภายในการประชุมสภาสมัยนี้ ซึ่งจะปิดการประชุมสภาในวันที่ 19 เมษายน จะส่งผลดีต่อรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยอย่างมาก
เพราะบรรดาห้างร้าน-บริษัท ที่ “ดีล” กันล่วงหน้าไว้แล้ว จะได้ไม่ผิดหวัง ไม่ต้องรอคอยลุ้นกันตัวโก่งนานเกินไป ที่สำคัญ “เมกะโปรเจกต์” ที่ รัฐบาลไทยไปดีลกับต่างประเทศ เช่น ประเทศจีน ซึ่งน่าจะมีเอี่ยวในโครงการก่อสร้างหลายโครงการ โดยเฉพาะโครงการรถไฟความเร็วสูง
**เรียกได้ว่ายิ่งร่นเวลาลงมาได้เท่าไร ยิ่งได้ผลตอบแทนเร็ว และสูงขึ้นเท่านั้น
อีกทั้งในมุมมองของยิ่งลักษณ์ หากปรับ ครม.ในเวลานี้ จะสร้างแรงกระเพื่อมในพรรคอย่างมาก บรรดากลุ่ม-ก๊กต่างๆ ก็จะออกมาต่อรองขอตำแหน่ง อาจจะทำให้การพิจารณาพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน สะดุดได้ จึงจำเป็นที่ต้องทอดเวลาออกไปก่อน
เมื่อเหตุผลของยิ่งลักษณ์ ได้รับการสนับสนุนจาก ทักษิณ บรรดานักวิ่ง-นักต่อรอง-นักฉวยโอกาส จึงแต่งตัวรอเก้อไปก่อน อย่างน้อยก็จนกว่าจะปิดสมัยประชุมสภา แล้วค่อยมาต่อรองกันยกใหม่
มีการประเมินกันในวงยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยว่า น่าจะมีการปรับ ครม.ภายในช่วงเดือนเมษายน ประจวบเหมาะที่จะมีการปิดสมัยประชุมสภา ในวันที่ 19 เมษายนนี้
**สงสัยเดือนเมษายน จะมีคิวร้อนๆให้คนกันเอง-เพื่อนเก่า-มิตรใหม่ ออกมาเดินเกมปล่อยข่าวจริง-ข่าวลวง ประลองกำลังภายใน หักเหลี่ยมกันยกใหญ่อีกครั้ง เพื่อหวังซิวเก้าอี้ “รัฐมนตรี” ไว้ในครอบครอง
