เมื่อวานนี้ ( 20 มี.ค.) คณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายชนินทร์ รุ่งแสง เป็นประธาน ได้เชิญ นายชัชชาติ สุทธิพันธ์ รมว.คมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าชี้แจงถึงการออก พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งได้มีการท้วงติง ร่าง พ.ร.บ.การกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทว่า ไม่มีรายละเอียดของโครงการต่างๆ อยู่ในบัญชีแนบท้าย ซึ่งหากผ่านการอนุมัติ และกรอบของกฎหมายเปิดกว้าง อาจทำให้มีการโยกงบประมาณ กลายเป็นเช็คตีเปล่าได้ โดยร้องขอให้ทางรัฐมนตรีรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใส่ข้อมูลรายละเอียดโครงการต่างๆให้ชัดเจน อาทิ โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง ระบบรถไฟรางคู่ ซึ่งทางรมว.คมนาคม ยอมรับว่า มีหลายคนเป็นห่วงเรื่องการบริหารจัดการโครงการต่างๆ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ระยะ ประกอบด้วย ระยะที่ 1 คือ การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และ ระยะที่ 2 การบริหารจัดการ แต่ยอมรับว่า เรื่องรถไฟความเร็วสูง ประเทศไทยยังไม่มีผู้ที่เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีด้านนี้เพียงพอ ดังนั้นต้องหาเทคโนโลยีที่ดีและเหมาะสม ซึ่งมีการพูดคุยกับประเทศจีน ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส และเกาหลีใต้
แต่ในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทยเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด พร้อมทั้งยืนยันว่า การจัดซื้อจัดจ้างในทุกโครงการ จะทำอย่างโปร่งใส และเป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ ตามวิธีปกติ โดยไม่ใช้วิธีพิเศษ
ทั้งนี้ ทางคณะกรรมาธิการฯ ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ได้แสดงความกังวลถึงความคุ้มค่าของงบประมาณ 2 ล้านล้านบาทที่กู้ไป โดยเฉพาะโครงการการสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูง ที่เกรงว่าจะซ้ำรอยแอร์พอร์ตลิงค์ ที่ใช้งบประมาณการบริหารจัดการ ที่สูงถึงเดือนละ 4 ล้านบาท แต่มีประชาชนที่ใช้บริการน้อยมาก รวมถึงไม่มีหลักประกันว่าโครงการต่างๆ จะทำสำเร็จภายใน 7 ปี
ขณะที่นายชัชชาติ ได้ยืนยันว่าทุกโครงการได้มีการพิจารณาอย่างรอบคอบ และเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศในระยะยาว
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า การจัดนิทรรศการเปิดโปง กรณีที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออก พ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท ของพรรคเพื่อไทย เป็นการเบี่ยงเบนประเด็นการออก พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ว่า ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทย ไม่ได้บิดเบือนข้อเท็จจริง แต่เป็นการนำเสนอข้อเท็จจริงที่พรรคเพื่อไทยในสมัยที่เป็นฝ่ายค้าน ได้ตรวจสอบพบว่า การออก พ.ร.ก.เงินกู้ 4 แสนล้านบาท โดยไม่มีรายละเอียด และไม่ผ่านการตรวจสอบของสภาฯโดยอ้างว่าเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนนั้น สุดท้ายแล้วก็ไม่ใช่เรื่องจำเป็นเร่งด่วน ตรงกันข้าม เป็นการสร้างอนุสาวรีย์แห่งความอัปยศ ของโครงการต่างๆ มากมาย อาทิ โครงการก่อสร้างโรงพักทดแทน งบเกือบ 6 พันล้านบาท แต่ยังสร้างไม่เสร็จแม้แต่โรงพักเดียว รวมถึงคุรุภัณฑ์อาชีวะศึกษา ที่น่าจะจัดซื้อแพงกว่าความเป็นจริง โครงการถนนปลอดฝุ่นที่ถูกร้องเรียนจนถูกองค์กรอิสระตรวจสอบ และครุภัณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งสิ้นที่ส่อความไม่โปร่งใสเกือบ 2 แสนล้านบาท จนถูกตั้งฉายาว่า น่าจะกู้มาโกง นี่คือข้อเท็จจริงที่ไม่มีการบิดเบือน
ส่วนกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ อ้างว่า มีความจำเป็นเร่งด่วน เนื่องจากวิกฤติการเงินแฮมเบอร์เกอร์ ที่อาจลุกลามทำให้เศรษฐกิจของไทยเกิดปัญหานั้น สุดท้ายก็ไม่ได้แก้วิกฤติทางการเงินให้กับประชาชน และประเทศ แต่น่าจะแก้ปัญหาให้กับคนบางกลุ่มบางพวกที่น่าจะได้ประโยชน์จากโครงการต่างๆ
ดังนั้น การที่พรรคประชาธิปัตย์อ้างว่ายังไม่มีโครงการใดเสียหายนั้น อมพระหรืออมโบสถ์มาพูดก็ไม่มีใครเชื่อ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เคยแสดงความรับผิดชอบต่อการ ออก พ.ร.ก.กู้เงินแล้วเกิดความเสียหายจนถูกกล่าวหาว่าน่าจะกู้มาโกงอย่างไรบ้าง
ด้านร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท อาจจะขัดรัฐธรรมนูญ ว่า ไม่ขัด มีตัวอย่างของคณะกรรมการกฤษฎีกาได้วินิจฉัยไว้แล้ว บางคนออกมาพูดว่า เป็นการสร้างหนี้ ซึ่งเขากู้มาลงทุน
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการวิเคราะห์ว่า อาจจะมีการลากเข้าสู่การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนไม่ห่วง เพราะได้พิจารณารอบคอบแล้ว อย่าไปกวนใจศาลรัฐธรรมนูญมาก ท่านก็ปรารภปรับทุกข์ผูกมิตรอยู่ อะไรก็ไปให้ท่านหมด
แต่ในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทยเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด พร้อมทั้งยืนยันว่า การจัดซื้อจัดจ้างในทุกโครงการ จะทำอย่างโปร่งใส และเป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ ตามวิธีปกติ โดยไม่ใช้วิธีพิเศษ
ทั้งนี้ ทางคณะกรรมาธิการฯ ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ได้แสดงความกังวลถึงความคุ้มค่าของงบประมาณ 2 ล้านล้านบาทที่กู้ไป โดยเฉพาะโครงการการสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูง ที่เกรงว่าจะซ้ำรอยแอร์พอร์ตลิงค์ ที่ใช้งบประมาณการบริหารจัดการ ที่สูงถึงเดือนละ 4 ล้านบาท แต่มีประชาชนที่ใช้บริการน้อยมาก รวมถึงไม่มีหลักประกันว่าโครงการต่างๆ จะทำสำเร็จภายใน 7 ปี
ขณะที่นายชัชชาติ ได้ยืนยันว่าทุกโครงการได้มีการพิจารณาอย่างรอบคอบ และเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศในระยะยาว
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า การจัดนิทรรศการเปิดโปง กรณีที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออก พ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท ของพรรคเพื่อไทย เป็นการเบี่ยงเบนประเด็นการออก พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ว่า ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทย ไม่ได้บิดเบือนข้อเท็จจริง แต่เป็นการนำเสนอข้อเท็จจริงที่พรรคเพื่อไทยในสมัยที่เป็นฝ่ายค้าน ได้ตรวจสอบพบว่า การออก พ.ร.ก.เงินกู้ 4 แสนล้านบาท โดยไม่มีรายละเอียด และไม่ผ่านการตรวจสอบของสภาฯโดยอ้างว่าเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนนั้น สุดท้ายแล้วก็ไม่ใช่เรื่องจำเป็นเร่งด่วน ตรงกันข้าม เป็นการสร้างอนุสาวรีย์แห่งความอัปยศ ของโครงการต่างๆ มากมาย อาทิ โครงการก่อสร้างโรงพักทดแทน งบเกือบ 6 พันล้านบาท แต่ยังสร้างไม่เสร็จแม้แต่โรงพักเดียว รวมถึงคุรุภัณฑ์อาชีวะศึกษา ที่น่าจะจัดซื้อแพงกว่าความเป็นจริง โครงการถนนปลอดฝุ่นที่ถูกร้องเรียนจนถูกองค์กรอิสระตรวจสอบ และครุภัณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งสิ้นที่ส่อความไม่โปร่งใสเกือบ 2 แสนล้านบาท จนถูกตั้งฉายาว่า น่าจะกู้มาโกง นี่คือข้อเท็จจริงที่ไม่มีการบิดเบือน
ส่วนกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ อ้างว่า มีความจำเป็นเร่งด่วน เนื่องจากวิกฤติการเงินแฮมเบอร์เกอร์ ที่อาจลุกลามทำให้เศรษฐกิจของไทยเกิดปัญหานั้น สุดท้ายก็ไม่ได้แก้วิกฤติทางการเงินให้กับประชาชน และประเทศ แต่น่าจะแก้ปัญหาให้กับคนบางกลุ่มบางพวกที่น่าจะได้ประโยชน์จากโครงการต่างๆ
ดังนั้น การที่พรรคประชาธิปัตย์อ้างว่ายังไม่มีโครงการใดเสียหายนั้น อมพระหรืออมโบสถ์มาพูดก็ไม่มีใครเชื่อ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เคยแสดงความรับผิดชอบต่อการ ออก พ.ร.ก.กู้เงินแล้วเกิดความเสียหายจนถูกกล่าวหาว่าน่าจะกู้มาโกงอย่างไรบ้าง
ด้านร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท อาจจะขัดรัฐธรรมนูญ ว่า ไม่ขัด มีตัวอย่างของคณะกรรมการกฤษฎีกาได้วินิจฉัยไว้แล้ว บางคนออกมาพูดว่า เป็นการสร้างหนี้ ซึ่งเขากู้มาลงทุน
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการวิเคราะห์ว่า อาจจะมีการลากเข้าสู่การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนไม่ห่วง เพราะได้พิจารณารอบคอบแล้ว อย่าไปกวนใจศาลรัฐธรรมนูญมาก ท่านก็ปรารภปรับทุกข์ผูกมิตรอยู่ อะไรก็ไปให้ท่านหมด