xs
xsm
sm
md
lg

อัด77ล้าน จัดเวทีปรองดอง “อำมาตย์เต้น”รับลูกสมช.ชะลอนิรโทษฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้(19 มี.ค.56) ร้อยโทหญิงสุนิสา เลิศภควัฒน์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ครม.อนุมัติงบประมาณ กว่า77ล้านบาทตามที่ ปคอป.เสนอในการจัดเวทีการเดินหน้าสร้างความปรองดอง หลังหยุดชะงักในช่วงการกาเสียงเลือกตั้งผู้ว่า กทม. ซึ่งในสัปดาห์หน้า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจะเชิญผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกว่า20คนจากสถาบันการศึกษามาหารือเพื่อกำหนดแนวทางการเดินหน้าโครงการดังกล่าว พร้อมกันนี้ ครม.ยังรับทราบการเปลี่ยนชื่อโครงการ จากเดิม ประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทย มาเป็น เวที การพูดจาหาทางออกประเทศไทย ทั่งนี้จะมีการจัดเวทีทั้งหมด180จุด โดยจะยึดเขตเลือกตั้งเป็นหลัก โดยตั้งเป้าจะเก็บข้อมูลจากประชาชนให้ได้ 75,000ตัวอย่าง
นายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขานุการ ปคอป. แถลงข่าว ถึงความคืบหน้า การจัดเวทีประชาเสวนา 108 เวที ใช้งบประมาณ 168.2 ล้านบาท ว่า ในช่วงวันที่ 21-22 เมษายนนี้ จะเริ่มการอบรมวิทยาประจำเวทีเสวนา ที่ถูกคัดเลือกจากสถาบันการศึกษา จำนวน 440 คน แบ่งการอบรมเป็น 2 รุ่น รุ่นละ 220 คน โดยจะมีอาจารย์ อัษฎางค์ ปาณิกบุตร นักวิชาการ เป็นประธานการอบรม พร้อมนักวิชาการในทีม อีก 5 เข้าร่วม อบรมวิทยากร เพื่อกำหนดประเด็นพูดคุยในการทำประชาเสวนา ทั้งนี้เวทีประชาเสวนาจะเริ่มดำเนินการ ในเดือนพฤษภาคม ถึงมิถุนายน จากนั้น เดือนกรกฏาคม จะรวบรวม และสรุปประเด็นการทำประชาเสวนา ก่อนจะนำเสนอต่อ ปคอป.เพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป
การทำประชาเสวนา จะมีผู้เข้าร่วม 7 หมื่นคน โดยมีสัดส่วนผู้เจ้าร่วมทั้งเสื้อแดง เสื้อเหลือง และเชื่อว่า เวทีนี้ จะมีบรรยากาศที่สร้างสรรค์ เพื่อร่วมกันหาทางออก ให้กับประเทศ โดย จะไม่มีข้อสรุปโหวตเอาหรือไม่เอา แต่จะเป็นการแสดงออกทางความคิด เท่านั้น พร้อมเชื่อว่า เวทีนี้จะไม่เกิดความรุนแรง และล่มระหว่างการจัดเสวนา พร้อมเห็นว่า การจัดเวทีเสวนา ไม่เกี่ยวกับการ เสนอ ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง และ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของฝ่ายการเมือง เพราะเวทีนี้เป็นความคิดเห็นทางวิชาการ

**ชี้ การเมืองร้อน ชะลอนิรโทษฯ
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวก่อนเข้าประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึงสถานการณ์การเมืองในประเทศที่ได้มีการเสนอว่าต้องมีการเลื่อนการพิจารณา พ.ร.บ.นิรโทษกรรมออกไปว่า ขณะนี้ได้มีการเสนอกฎหมายเข้าสภา ซึ่งอาจก่อให้เกิดการเห็นต่าง และอาจทำให้เกิดการยกระดับความขัดแย้งได้ แต่ในชั้นนี้ยังเชื่อว่าเป็นเรื่องของความเห็นต่างอยู่ ส่วนเรื่อง พ.ร.บ.ปรองดองและกฎหมายต่างๆยังไม่ได้ข้อยุติ และแนวโน้มเชื่อว่าจะยังหยุดนิ่งอยู่ กฎหมายฉบับนี้จะยังไม่เดินหน้าต่อไป
สาเหตุที่ทำให้คิดว่าจะทำให้การเมืองร้อนแรงขึ้นมาว่า เป็นเพราะกฎหมายที่มีการเสนอเข้าสู่สภาฯ 3-4ฉบับ ที่ยังไม่ตกผลึกร่วมกัน ประกอบกับสถานการณ์เดือนเม.ย.ที่จะต้องไปแถลงด้วยว่าจาต่อศาลโลก เกี่ยวกับเรื่องเขาพระวิหาร ก็อาจเป็นประเด็นที่ทำให้เกิดการชักจูงที่ไม่เข้าใจกันได้
ส่วนมีความกังวลว่าจะมีผู้ออกมาชุมนุมหรือไม่นั้น พล.ท.ภราดร กล่าวว่า เชื่อว่าเขาพระวิหารน่าจะมีในระดับหนึ่ง เนื่องจากที่ผ่านมาเขามีกลุ่มที่เคลื่อนไหวอยู่แล้ว ซึ่งอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ แต่เชื่อมั่นว่าในขณะนี้หน่วยงานด้านความมั่นคงได้ดูแลติดตามอย่างใกล้ชิด ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศก็เร่งชี้แจงอย่างเต็มที่
เมื่อถามว่า จากการประเมินสถานการณ์เช่นนี้ ได้มีการเสนอแนะอะไรไปยังรัฐบาลแล้วหรือไม่ เลขา สมช. กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้เสนอแนะอะไรไปยังรัฐบาล แต่เชื่อว่ารัฐบาลมีผู้ดูแลเรื่องกฎหมาย และ ประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา คงเข้าใจบรรยากาศและจังหวะในการนำเสนอ แต่ทางสมช.ก็ได้ประเมินในแง่ของข่าวสารไปให้รัฐบาลแล้ว
เมื่อถามย้ำว่า หากมีการผลักดันพ.ร.บ.นิรโทษกรรมจริง จะมีการให้คำแนะนำอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ต้องดูบรรยากาศทางการเมืองของทั้งสองซีก ยังให้คำตอบที่ชัดเจนไม่ได้ แต่ในตอนนี้ บรรยากาศทั่วๆไปยังไม่ตกผลึกร่วมกันหมด ส่วนตัวมองว่าบรรยากาศขณะนี้ต้องชะลอไปก่อน

**“เต้น” ยินดีรับฟังความเห็นสมช.
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ และแกนนำ นปช. กล่าวว่า ความเห็นของเลขาฯสมช.ตนจะรับฟัง เพราะความคิดเห็นของส่วนต่างๆที่มีความห่วงใยสถานการณ์บ้านเมืองเป็นเรื่องที่เราต้องรับฟัง และต้องเอามาคิดพิจารณา และฝ่ายสภาคงต้องมีการปรึกษาหารือกัน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ฝ่ายที่ทำก็มีความเชื่อมั่นว่าทำแล้วจะคลี่คลายความขัดแย้งของบ้านเมืองได้ ส่วนฝ่ายที่ทักท้วงหากตั้งเป็นประเด็นเงื่อนไขความขัดแย้งก็ต้องมาชั่งน้ำหนักกัน ตราบใดที่สังคมยังเปิดกว้างความคิดเห็นของทุกฝ่ายเราก็ต้องมารับฟังกัน
ส่วนเรื่องร่างพ.ร.บ.ปรองดองที่มีของตนเป็น 1 ใน 4 ที่อยู่ในสภา แม้ว่าจะยังไม่มีการเดินหน้าแต่ก็ยังไม่มีเหตุผลที่จะไปถอนออกมา เพราะถ้าหากสภาจะมีการหยิบยกเรื่องนี้ออกมาพิจารณาจะทำแบบปิดลับลักไก่ไม่ได้อยู่แล้ว ทุกอย่างต้องเปิดเผยสมาชิกต้องมีส่วนร่วมจึงไม่มีเหตุผลที่จะตั้งแง่ให้ถอดถอนร่างทุกฉบับออกมา ตนคิดว่าถ้าอยู่เฉยๆขณะนี้ก็ยังไม่เป็นประเด็นอะไร ทั้งนี้เป็นเรื่องของเสียงข้างมากในสภา แต่ส่วนตัวเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่จะเดินหน้าเรื่องนี้ แต่หากเสียงส่วนใหญ่ในสภาบอกยังไม่ถึงเวลาก็เป็นเรื่องที่เราเคารพ
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 เปิดเผยว่า กฎหมายนิรโทษกรรมในสัปดาห์นี้ยังไม่มีการเลื่อนขึ้นมาพิจารณา เพราะขณะนี้ยังมีกฎหมายสำคัญค้างอยู่หลายเรื่องที่สภาต้องเร่งดำเนินการ ซึ่งคงไม่ทันสมัยนี้แน่นอน และเท่าที่ทราบจากประธานวิป ก็บอกว่ายังไม่เลื่อนขึ้นมา ทั้งนี้เท่าที่คุยกับ ส.ส. พรรคเพื่อไทย ก็อยากให้มีการเลื่อนขึ้นมาพิจารณา แต่เสียงส่วนใหญ่ก็ยังปฏิบัติตามมติวิปที่ยังไม่ต้องการให้เลื่อน อย่างไรก็ตาม การที่ต่างความคิดกัน ไม่ใช่ความแตกแยก ต้องมาคุยกันด้วยเหตุด้วยผล อยากให้ทุกคนมีความสุขมากกว่า ไม่อยากให้เอาประเด็นร้อน ๆ มาเป็นข้อกังวลให้คนไทยขาดความสุข อะไรที่เป็นความทุกข์ใจของสภา อยากให้ ส.ว. และ ส.ว. เป็นผู้รับผิดชอบแทนประชาชน เพราะรัฐบาลและรัฐสภา ไม่อยากทำให้ประชาชนมาทุกข์ใจในเรื่องราวต่าง ๆ

**วิปค้านซัด เป็นพรบ.ระเบิดเวลา
ที่รัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปค้าน) แถลงว่า กรณีจะการเลื่อนระเบียบเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณาก่อนนั้น ส.ส.พรรคเพื่อไทยก็ยังไม่มีความชัดเจน อาจพิจารณาได้ 3ประเด็นคือ 1.หากยังไม่มีการขอเลื่อนวาระ ก็ต้องยอมรับว่าการบรรจุเป็นวาระเข้าสู่สภาก็เป็นการเพิ่มระเบิดเข้าสู่สภา และเป็นความเสี่ยงสร้างเงื่อนไข และหากเลื่อนขึ้นมาเมื่อไหร่ก็จะระเบิดเมื่อนั้น 2.หากขอเลื่อนแล้วแต่ส.ส.ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย ก็จะเป็นการเล่นละครสวมบทหลอกพวกเดียวกันว่ามีความพยายามแล้ว แต่เสียงส่วนใหญ่ในสภา ไม่เห็นด้วย และ3.หากขอเลื่อนแล้ว ที่ประชุมสภาฯ เห็นชอบ ประเทศก็จะเดินเข้าสู่ความวุ่นวายอีกครั้ง แม้ว่าวิปรัฐบาลจะระบุว่าการเลื่อนต้องใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิก แต่การเลื่อนระเบียบวาระทำได้ง่าย แค่ใช้เสียงข้างมากในที่ประชุมก็ทำได้แล้ว อย่างไรก็ตามฝ่ายค้านจะเตรียมมาตรการรับมือทั้ง 3 เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นด้วย

**“หน.ชพท.” เปิดใจเดินหน้าปรองดอง
ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ ถ.วิภาวดี นายธีระ วงศ์สมุทร หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.)กล่าวต่อที่ประชุมใหญ่พรรคชาติไทยพัฒนาหลังจากที่ได้รับการเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ ว่า ภายใต้สถานการณ์การเมืองขณะนี้ตนจะทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด โดยจะชูนโยบายของพรรคและยึดตามระเบียบข้อบังคับพรรค อย่างไรก็ตามพรรคชาติไทยพัฒนา หรือพรรคชาติไทยเดิม ตลอดระยะเวลาไม่เคยเป็นศัตรูกับใคร ไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกับใคร เดินสายกลางและตนจะนำพาพรรคโดยยึดนโยบายความปรองดองสมานฉันท์ ซึ่งนายบรรหารประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาได้กล่าวเอาไว้ชัดเรื่องการปรองดอง โดยนายบรรหารระบุว่าหลังวันที่ 3 ธ.ค.56 จะเดินหน้าเรื่องการปรองดองหลังจากที่พ้นโทษแล้ว ดังนั้นสิ่งนี้คือนโยบายหลักของพรรคชาติไทยพัฒนา

**ภท.ค้านนิรโทษไม่ต่างปรองดอง
ที่พรรคภูมิใจไทย นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส. นครราชสีมา และ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยผลการประชุมว่า พรรคภูมิใจไทย ไม่เห็นด้วยหากจะมีการเลื่อนการพิจารณาพ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่นายวรชัยเป็นผู้ยื่น เพราะมีเนื้อหาเช่นเดียวกับพ.ร.บ.ปรองดองที่อยู่ในวาระสภา 4 ฉบับ เพียงแค่เปลี่ยนชื่อ และและระยะเวลาการครอบคลุมผู้ที่ได้รับการนิรโทษกรรมเท่านั้น และเชื่อว่าหากกฎหมายดังกล่าวเข้ามาจริงก็จะทำให้บ้านเมืองวุ่นวายทั้งในและนอกสภาฯไม่ต่างจากเหตุการณ์พิจารณากฎหมายปรองดอง ปีที่แล้ว ทั้งนี้หากรัฐบาลไม่อยากอายุสั้นและมีความจริงใจก็ควรไปบอกนายวรชัยให้ถอนร่างกฎหมายดังกล่าวออกไป
กำลังโหลดความคิดเห็น