ASTVผู้จัดการรายวัน-แก๊งค์โจรเสื้อสูทรีดเงินใต้โต๊ะลูกหนี้เอ็นพีแอลถูกจับผิดทุจริตได้แล้วแบงก์ยังตบรางวัลเลื่อนขั้นเป็นตำแหน่งใหญ่แต่โดนแบงก์ชาติค้าน ลูกหนี้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม ระบุพ่อถูกเจ้าหน้าที่ประนอมหนี้หักหลังทั้งๆที่ตกลงกันเรียบร้อยกับแบงก์ใหม่เตรียมรีไฟแนนซ์จนเครียดปลิดชีพตัวเอง
จากกรณีASTVผู้จัดการรายวันได้เปิดโปงพฤติกรรมของพนักงาน-เจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่แห่งหนึ่งฉ้อฉลต่อลูกค้าโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้ หรือ ลูกหนี้เอ็นพีแอล ซึ่งถูกเรียกรับเงินใต้โต๊ะแลกกับการลดหนี้ให้จำนวนมากตามที่เสนอไปก่อนนี้นั้น (ติดตามอ่านย้อนหลังได้ในwww.manager.co.th “เปิดโปงแก๊งโจรเสื้อสูทรีดเงินลูกหนี้ NPL แลกแฮร์คัตฮวบฮาบ”)
ตามเอกสารระบุว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยได้พบหลักฐานการทุจริตที่ชัดเจนในการเรียกเงินตอบแทนจากการอนุมัติลดหนี้ให้บริษัทแห่งหนึ่ง โดยบริษัทนั้นได้ออกเช็ค 15 ใบๆละ 1 ล้านบาทซึ่งผ่านเข้าบัญชีของนาย...เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารระดับผู้อำนวยการอาวุโสของสายงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องปรับโครงสร้างหนี้ ส่วนที่เหลืออีก 7 ล้านบาทมีการเบิกถอนเป็นเงินสด ซึ่งคาดว่าผู้ร่วมขบวนการบางรายขอรับเป็นเงินสด
ปัจจุบันนี้ ธนาคารแห่งนี้ได้มีคำสั่งเลิกจ้างผู้อำนวยการอาวุโสคนนี้ไปแล้ว ทว่า ยังมีกลุ่มผู้ร่วมขบวนการยังทำงานอยู่ที่ธนาคารเหมือนเดิม มิหนำซ้ำบางคนได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น นาง ณ เลื่อนตำแหน่งจากผอ.อาวุโสเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ทั้งๆที่ยังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวน ซึ่งตำแหน่งนี้ต้องได้รับความเห็นชอบจากธปท.ซึ่งธปท.ได้ขอให้สรุปผลการสอบสวนเสร็จก่อนค่อยแต่งตั้ง แต่ปรากฎว่า ธนาคารก็ยังยืนยันที่จะแต่งตั้งก่อนทราบผลการสอบสวน ต่อมาภายหลังพบว่า นาง ณ มีภาระหนี้ที่มีปัญหากับธนาคาร ธปท.ได้ทักท้วงว่า ขาดคุณสมบัติในการเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการมใหญ่ และ อาจจะถูกปรับจากธปท.เนื่องจากไม่ปฎิบัติตามมาตรา 24
ปัจจุบันธนาคารได้ปรับลดตำแหน่งผู้บริหารคนนี้ลงเป็นผอ.อาวุโสตามข้อทักท้วงของธปท.
เมื่อธปท.ตรวจสอบลึกลงไปในบางบริษัทที่คนกลุ่มนี้ดูแลอยู่ เช่น บริษัท ส.ซึ่งดำเนินธุรกิจจัดสรรที่ดินในรสนามกอล์ฟ พบว่า มีการลดหนี้ให้ลูกหนี้เป็นจำนวนสูงทั้งๆที่หลักประกันคุ้มหนี้มาก โดยผู้บริหารคนเดิมที่ถูกเลื่อนชั้นมาอยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้นนี้ให้เหตุผลว่า หลักประกันไม่มีทางเข้าออก ดังนั้นราคาประเมินจึงสูงเกินจริง แต่จากการตรวจสอบของฝ่ายประเมินพบว่า ที่ดินหลักประกันอยู่ภายใต้พรบ.จัดสรร ดังนั้นจึงมีทางเข้าออกแน่นอน และ ยืนยันว่าราคาประเมินดังกล่าวถูกต้องและสมเหตุสมผลแล้ว ซึงตามข้อมูลนี้ธนาคารได้รับความเสียหายจากการลดหนี้ดังกล่าวเป็นจำนวนสูงไปแล้ว
นอกจากนี้ธปท.ยังมีข้อสังเกตุเพิ่มในการตรวจสอบครั้งนี้ว่ามีการแก้ไขหนี้ลูกหนี้อีกหลายรายที่มีความผิดปกติ
การทุจริตในกรณีนี้ยังถูกประจานออกไปภายนอกเมื่อผู้บริหารของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งขอพึ่งกระบวนการยุติธรรมต่อสู้ไม่ยอมจำนนต่อคนกลุ่มนี้ โดยปรากฎเป็นหลักฐานแจ้งความลงในบันทึกประจำวันของตำรวจเมื่อเดือนกันยายน 2555
ทั้งนี้ผู้บริหารบริษัทรายนี้เข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีอาญาต่อพนักงานธนาคารแห่งนี้ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจในข้อหายักยอกเงิน 30 ล้านบาทที่ทางFA ขอเบิกเงินจากบริษัทฯโดยแจ้งว่าจะนำไปจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่ธนาคารเป็นค่าปูทางที่จะลดหนี้ให้ในจำนวนมากๆ
ปัจจุบันคดีนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการสอบสวนของตำรวจเศรษฐกิจ
** ลูกหนี้เครียดฆ่าตัวตาย
การทุจริตของพนักงานธนาคารขนาดใหญ่แห่งนี้ส่งผลอย่างมากต่อธนาคารและลูกค้า ลูกค้าบางรายที่รับไม่ได้กับพฤติกรรมที่อาศัยช่องทางและอำนาจที่ตัวเองมีบีบบังคับลูกหนี้ซึ่งไม่แตกต่างจากโจรจนเครียดนำไปสู่การฆ่าตัวตาย
เมื่อ 18 ตุลาคม 2554 ได้มีทายาทลูกหนี้ของธนาคารรายหนึ่งทำหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมที่บิดาของเธอได้ฆ่าตัวตาย โดยในจดหมายลาตายที่เขียนด้วยรายมือของบิดาระบุว่า ได้เจรจาชำระหนี้กับธนาคารและสรุปยอดชำระแน่นอนแล้ว และ เขาได้ขอกู้เงินจากธนาคารSME มาชำระหนี้ตามตกลงพร้อมมีจ่ายเงินใต้โต๊ะเจ้าหน้าที่แก้หนี้แล้วบางส่วน แต่ต่อมาเจ้าหน้าที่ธนาคารแจ้งว่า ต้องชำระเพิ่มจากที่ตกลง บิดาของเธอจึงเกิดความเครียดและยิงตัวตายในที่สุด
เดิมนั้นบริษัทแห่งนี้ซึ่งประกอบธุรกิจอยูในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ ธุรกิจดำเนินไปด้วยดีโดยต้องการกู้เงินมาเพื่อขยายกิจการและเพื่อเกาะกุมโอกาสที่เศรษฐกิจขยายตัว แต่เมื่อปี 2540 เกิดวิกฤติเศรษฐกิจธุรกิจได้รับผลกระทบจึงมีปัญหาเรื่องการเงิน
ที่ผ่านมาบริษัทฯนี้ได้เจรจาประนอมหนี้กับธนาคารโดยสามารถผ่อนชำระได้ในอัตราเดือนละ 450,000 บาท ในเวลาที่กำหนด โดยเขาสามารถผ่อนชำระมาได้ทุกงวดโดยไม่ได้ผิดนัด เพื่อหวังว่าจะได้ชำระหนี้ให้แก่ธนาคารครบถ้วนตามเงื่อนไขที่ประนอมหนี้ไว้เช่นลูกหนี้ที่ดี พยายามขวนขวายดิ้นรนทุกวิถีทางแม้กระทั่งกู้เงินนอกระบบมาเพื่อจะปลดหนี้กับธนาคารและได้มีการเจรจากับธนาคารครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2553 โดยธนาคารตกลงให้ทางบริษัทตัดชำระหนึ้เงินต้นจำนวน 27 ล้านบาทเศษ
นอกจากนี้ไม่เพียงธนาคารSME บริษัทได้ติดต่อขอกู้เงินจากธนาคารอีกแห่งหนึ่ง เพื่อนำมาตัดชำระหนี้ให้แก่ธนาคารอีกทางหนึ่งให้เป็นไปตามข้อตกลง โดยในการพิจารณาอนุมัติวงเงินสินเชื่อให้บริษัท ธนาคารทั้งสองแห่งได้ติดต่อประสานงานกับธนาคารแห่งนี้เพื่อขอทราบยอดหนี้ ซึ่งธนาคารก็ได้แจ้งยืนยันยอดหนี้ที่ต้องชำระให้ธนาคารทั้งสองแห่งที่เป็นแหล่งเงินใหม่ของบริษัทจึงอนุมัติวงเงินเพื่อมาชำระหนี้ให้แก่ธนาคารเดิมเรียบร้อย
ทว่า กลุ่มบุคคลที่ไม่ต่างจากโจรใส่เสื้อสูทของธนาคารแห่งนี้ก็บ่ายเบี่ยงเรื่อยมา เป็นผลให้ความหวังที่จะนำเงินมาชำระหนี้ล่าช้าออกไป และยังได้รับแจ้งจากธนาคารว่าจะขอเพิ่มเงินต้นอีก 2 ล้านบาท จาก 27 ล้านบาทเศษเป็น 29 ล้านบาทเศษ
ผู้บริหารบริษัทรายนี้ก็ได้ดิ้นรนหาเงินมาเพิ่มยินยอมตามที่เจ้าหน้าที่กลุ่มนี้แจ้งมา และ รอคอยที่เจ้าหน้าที่กลุ่มนี้รับปากว่าจะนำเรื่องเสนอต่อที่ประชุมกรรมการของธนาคาร เพียงหวังว่าจะปลดหนี้ได้เสียทีและสามารถที่จจะประคับประคองธุรกิจให้สามารถเดินต่อไปได้
จนวันที่ 21 กันยายน 2554 เขาได้พบกับทีมประนอมหนี้ดังกล่าว และ ได้รับแจ้งว่าไม่สามารถอนุมัติให้รีไฟแนนซ์ หรือ ตัดชำระหนี้ได้ โดยยืนยันว่าธนาคารจะฟ้องร้องต่อศาลเพื่อให้บริษัทและผู้ค้ำประกันชำระหนี้เท่านั้น
จากพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้ ผู้บริหารบริษัทที่แบกรับภาระไว้มาหลายปีรู้สึกถึงความหลอกลวง การรีดไถ ทั้งๆที่ตลอดเวลาที่ดำเนินการแก้หนี้ได้มีการพูดคุยเจรจาประนอมหนี้หลายต่อหลายครั้งจนจะเรียบร้อยด้วยกระบวนการหมดแล้วกลับมาพังครืนลงอีก
ในที่สุดหลังจากพบเจ้าหน้าที่ประนอมหนี้แจ้งข่าว เขาก็กลับมาปิดชีพตนเอง ซึ่งก่อนตายได้เขียนหนังสือลาตาย กล่าวถึงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกี่ยวกับหนี้สินและการประนอมหนี้กับทีมประนอมหนี้ของธนาคารแห่งนี้ไว้อย่างชัดเจน
หลังจากที่ผู้บริหารรายนี้ฆ่าตัวตาย เจ้าหน้าที่ของบริษัทได้แจ้งกับทีมประนอมหนี้ดังกล่าวว่า ผู้บริหารของตนได้เสียชีวิตลงแล้ว แต่ทีมประนอมหนี้นอกจากจะไม่แยแส หรือรู้สึกถึงความสูญเสียของลูกหนี้ และ ผลกระทบต่อบุคลากรในบริษัทฯอีกจำนวนมากแล้ว กลุ่มคนดังกล่าวกลับแจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่บริษัทเพียงว่า ถึงอย่างไรก็ต้องฟ้องต่อศาลเพื่อให้ชำระหนี้เพียงอย่างเดียว
จากกรณีASTVผู้จัดการรายวันได้เปิดโปงพฤติกรรมของพนักงาน-เจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่แห่งหนึ่งฉ้อฉลต่อลูกค้าโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้ หรือ ลูกหนี้เอ็นพีแอล ซึ่งถูกเรียกรับเงินใต้โต๊ะแลกกับการลดหนี้ให้จำนวนมากตามที่เสนอไปก่อนนี้นั้น (ติดตามอ่านย้อนหลังได้ในwww.manager.co.th “เปิดโปงแก๊งโจรเสื้อสูทรีดเงินลูกหนี้ NPL แลกแฮร์คัตฮวบฮาบ”)
ตามเอกสารระบุว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยได้พบหลักฐานการทุจริตที่ชัดเจนในการเรียกเงินตอบแทนจากการอนุมัติลดหนี้ให้บริษัทแห่งหนึ่ง โดยบริษัทนั้นได้ออกเช็ค 15 ใบๆละ 1 ล้านบาทซึ่งผ่านเข้าบัญชีของนาย...เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารระดับผู้อำนวยการอาวุโสของสายงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องปรับโครงสร้างหนี้ ส่วนที่เหลืออีก 7 ล้านบาทมีการเบิกถอนเป็นเงินสด ซึ่งคาดว่าผู้ร่วมขบวนการบางรายขอรับเป็นเงินสด
ปัจจุบันนี้ ธนาคารแห่งนี้ได้มีคำสั่งเลิกจ้างผู้อำนวยการอาวุโสคนนี้ไปแล้ว ทว่า ยังมีกลุ่มผู้ร่วมขบวนการยังทำงานอยู่ที่ธนาคารเหมือนเดิม มิหนำซ้ำบางคนได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น นาง ณ เลื่อนตำแหน่งจากผอ.อาวุโสเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ทั้งๆที่ยังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวน ซึ่งตำแหน่งนี้ต้องได้รับความเห็นชอบจากธปท.ซึ่งธปท.ได้ขอให้สรุปผลการสอบสวนเสร็จก่อนค่อยแต่งตั้ง แต่ปรากฎว่า ธนาคารก็ยังยืนยันที่จะแต่งตั้งก่อนทราบผลการสอบสวน ต่อมาภายหลังพบว่า นาง ณ มีภาระหนี้ที่มีปัญหากับธนาคาร ธปท.ได้ทักท้วงว่า ขาดคุณสมบัติในการเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการมใหญ่ และ อาจจะถูกปรับจากธปท.เนื่องจากไม่ปฎิบัติตามมาตรา 24
ปัจจุบันธนาคารได้ปรับลดตำแหน่งผู้บริหารคนนี้ลงเป็นผอ.อาวุโสตามข้อทักท้วงของธปท.
เมื่อธปท.ตรวจสอบลึกลงไปในบางบริษัทที่คนกลุ่มนี้ดูแลอยู่ เช่น บริษัท ส.ซึ่งดำเนินธุรกิจจัดสรรที่ดินในรสนามกอล์ฟ พบว่า มีการลดหนี้ให้ลูกหนี้เป็นจำนวนสูงทั้งๆที่หลักประกันคุ้มหนี้มาก โดยผู้บริหารคนเดิมที่ถูกเลื่อนชั้นมาอยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้นนี้ให้เหตุผลว่า หลักประกันไม่มีทางเข้าออก ดังนั้นราคาประเมินจึงสูงเกินจริง แต่จากการตรวจสอบของฝ่ายประเมินพบว่า ที่ดินหลักประกันอยู่ภายใต้พรบ.จัดสรร ดังนั้นจึงมีทางเข้าออกแน่นอน และ ยืนยันว่าราคาประเมินดังกล่าวถูกต้องและสมเหตุสมผลแล้ว ซึงตามข้อมูลนี้ธนาคารได้รับความเสียหายจากการลดหนี้ดังกล่าวเป็นจำนวนสูงไปแล้ว
นอกจากนี้ธปท.ยังมีข้อสังเกตุเพิ่มในการตรวจสอบครั้งนี้ว่ามีการแก้ไขหนี้ลูกหนี้อีกหลายรายที่มีความผิดปกติ
การทุจริตในกรณีนี้ยังถูกประจานออกไปภายนอกเมื่อผู้บริหารของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งขอพึ่งกระบวนการยุติธรรมต่อสู้ไม่ยอมจำนนต่อคนกลุ่มนี้ โดยปรากฎเป็นหลักฐานแจ้งความลงในบันทึกประจำวันของตำรวจเมื่อเดือนกันยายน 2555
ทั้งนี้ผู้บริหารบริษัทรายนี้เข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีอาญาต่อพนักงานธนาคารแห่งนี้ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจในข้อหายักยอกเงิน 30 ล้านบาทที่ทางFA ขอเบิกเงินจากบริษัทฯโดยแจ้งว่าจะนำไปจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่ธนาคารเป็นค่าปูทางที่จะลดหนี้ให้ในจำนวนมากๆ
ปัจจุบันคดีนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการสอบสวนของตำรวจเศรษฐกิจ
** ลูกหนี้เครียดฆ่าตัวตาย
การทุจริตของพนักงานธนาคารขนาดใหญ่แห่งนี้ส่งผลอย่างมากต่อธนาคารและลูกค้า ลูกค้าบางรายที่รับไม่ได้กับพฤติกรรมที่อาศัยช่องทางและอำนาจที่ตัวเองมีบีบบังคับลูกหนี้ซึ่งไม่แตกต่างจากโจรจนเครียดนำไปสู่การฆ่าตัวตาย
เมื่อ 18 ตุลาคม 2554 ได้มีทายาทลูกหนี้ของธนาคารรายหนึ่งทำหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมที่บิดาของเธอได้ฆ่าตัวตาย โดยในจดหมายลาตายที่เขียนด้วยรายมือของบิดาระบุว่า ได้เจรจาชำระหนี้กับธนาคารและสรุปยอดชำระแน่นอนแล้ว และ เขาได้ขอกู้เงินจากธนาคารSME มาชำระหนี้ตามตกลงพร้อมมีจ่ายเงินใต้โต๊ะเจ้าหน้าที่แก้หนี้แล้วบางส่วน แต่ต่อมาเจ้าหน้าที่ธนาคารแจ้งว่า ต้องชำระเพิ่มจากที่ตกลง บิดาของเธอจึงเกิดความเครียดและยิงตัวตายในที่สุด
เดิมนั้นบริษัทแห่งนี้ซึ่งประกอบธุรกิจอยูในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ ธุรกิจดำเนินไปด้วยดีโดยต้องการกู้เงินมาเพื่อขยายกิจการและเพื่อเกาะกุมโอกาสที่เศรษฐกิจขยายตัว แต่เมื่อปี 2540 เกิดวิกฤติเศรษฐกิจธุรกิจได้รับผลกระทบจึงมีปัญหาเรื่องการเงิน
ที่ผ่านมาบริษัทฯนี้ได้เจรจาประนอมหนี้กับธนาคารโดยสามารถผ่อนชำระได้ในอัตราเดือนละ 450,000 บาท ในเวลาที่กำหนด โดยเขาสามารถผ่อนชำระมาได้ทุกงวดโดยไม่ได้ผิดนัด เพื่อหวังว่าจะได้ชำระหนี้ให้แก่ธนาคารครบถ้วนตามเงื่อนไขที่ประนอมหนี้ไว้เช่นลูกหนี้ที่ดี พยายามขวนขวายดิ้นรนทุกวิถีทางแม้กระทั่งกู้เงินนอกระบบมาเพื่อจะปลดหนี้กับธนาคารและได้มีการเจรจากับธนาคารครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2553 โดยธนาคารตกลงให้ทางบริษัทตัดชำระหนึ้เงินต้นจำนวน 27 ล้านบาทเศษ
นอกจากนี้ไม่เพียงธนาคารSME บริษัทได้ติดต่อขอกู้เงินจากธนาคารอีกแห่งหนึ่ง เพื่อนำมาตัดชำระหนี้ให้แก่ธนาคารอีกทางหนึ่งให้เป็นไปตามข้อตกลง โดยในการพิจารณาอนุมัติวงเงินสินเชื่อให้บริษัท ธนาคารทั้งสองแห่งได้ติดต่อประสานงานกับธนาคารแห่งนี้เพื่อขอทราบยอดหนี้ ซึ่งธนาคารก็ได้แจ้งยืนยันยอดหนี้ที่ต้องชำระให้ธนาคารทั้งสองแห่งที่เป็นแหล่งเงินใหม่ของบริษัทจึงอนุมัติวงเงินเพื่อมาชำระหนี้ให้แก่ธนาคารเดิมเรียบร้อย
ทว่า กลุ่มบุคคลที่ไม่ต่างจากโจรใส่เสื้อสูทของธนาคารแห่งนี้ก็บ่ายเบี่ยงเรื่อยมา เป็นผลให้ความหวังที่จะนำเงินมาชำระหนี้ล่าช้าออกไป และยังได้รับแจ้งจากธนาคารว่าจะขอเพิ่มเงินต้นอีก 2 ล้านบาท จาก 27 ล้านบาทเศษเป็น 29 ล้านบาทเศษ
ผู้บริหารบริษัทรายนี้ก็ได้ดิ้นรนหาเงินมาเพิ่มยินยอมตามที่เจ้าหน้าที่กลุ่มนี้แจ้งมา และ รอคอยที่เจ้าหน้าที่กลุ่มนี้รับปากว่าจะนำเรื่องเสนอต่อที่ประชุมกรรมการของธนาคาร เพียงหวังว่าจะปลดหนี้ได้เสียทีและสามารถที่จจะประคับประคองธุรกิจให้สามารถเดินต่อไปได้
จนวันที่ 21 กันยายน 2554 เขาได้พบกับทีมประนอมหนี้ดังกล่าว และ ได้รับแจ้งว่าไม่สามารถอนุมัติให้รีไฟแนนซ์ หรือ ตัดชำระหนี้ได้ โดยยืนยันว่าธนาคารจะฟ้องร้องต่อศาลเพื่อให้บริษัทและผู้ค้ำประกันชำระหนี้เท่านั้น
จากพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้ ผู้บริหารบริษัทที่แบกรับภาระไว้มาหลายปีรู้สึกถึงความหลอกลวง การรีดไถ ทั้งๆที่ตลอดเวลาที่ดำเนินการแก้หนี้ได้มีการพูดคุยเจรจาประนอมหนี้หลายต่อหลายครั้งจนจะเรียบร้อยด้วยกระบวนการหมดแล้วกลับมาพังครืนลงอีก
ในที่สุดหลังจากพบเจ้าหน้าที่ประนอมหนี้แจ้งข่าว เขาก็กลับมาปิดชีพตนเอง ซึ่งก่อนตายได้เขียนหนังสือลาตาย กล่าวถึงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกี่ยวกับหนี้สินและการประนอมหนี้กับทีมประนอมหนี้ของธนาคารแห่งนี้ไว้อย่างชัดเจน
หลังจากที่ผู้บริหารรายนี้ฆ่าตัวตาย เจ้าหน้าที่ของบริษัทได้แจ้งกับทีมประนอมหนี้ดังกล่าวว่า ผู้บริหารของตนได้เสียชีวิตลงแล้ว แต่ทีมประนอมหนี้นอกจากจะไม่แยแส หรือรู้สึกถึงความสูญเสียของลูกหนี้ และ ผลกระทบต่อบุคลากรในบริษัทฯอีกจำนวนมากแล้ว กลุ่มคนดังกล่าวกลับแจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่บริษัทเพียงว่า ถึงอย่างไรก็ต้องฟ้องต่อศาลเพื่อให้ชำระหนี้เพียงอย่างเดียว