ต้องวางมาดทางการเมืองทำเป็นลุ้นส้มหล่น หลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่ประกาศรับรองผล “คุณชายหมู” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ว่าที่ ผู้ว่าฯกทม. พรรคประชาธิปัตย์ ให้ดำรงตำแหน่งพ่อเมืองมหานครสมัยที่สองกันเสียหน่อย สำหรับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่ออกมาเย้วๆ รายวัน
สวมบทท้าทายกกต. เล่นจิตวิทยา หากรับรอง “คุณชายหมู” เป็นผู้ว่าฯกทม. ก็ถือว่าเก่งมากๆ เพราะขนาดการเลือกตั้งท้องถิ่นเจอกรณีแบบนี้ยังฟันฉับ ไม่มีเลี้ยง
แถมยังออกแอ็กชั่น จะหยิบไม้เรียวไล่เฆี่ยน “บิ๊กจูดี้” พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคเพื่อไทย ที่ใจเสาะ ยอมยกธงขาวตั้งแต่หัววัน แล้วจะวิ่งแจ้นขอกลับเข้ารับราชการในตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้เลยว่า กกต.จะควักใบแดง หรือใบเหลือง ให้ “คุณชายหมู” หรือไม่
แต่ตามสภาพความจริง “เฉลิม” รู้อยู่เต็มอกว่า โอกาสที่คดีจะพลิกแล้วเป็น “บิ๊กจูดี้” ที่ผงาดเข้าวินแบบเหนือความคาดหมายในตอนท้าย แทบจะเป็นไปไม่ได้
เพราะหากการใส่ร้ายป้ายสีเรื่องเผาบ้านเผาเมือง จะทำให้ต้องขนหีบบัตรมากาบัตรเลือกตั้งหาพ่อเมืองกรุงกันใหม่อีกรอบ กรณีสนามใหญ่อย่างการเลือกตั้งทั่วปี 2554 “พรรคประชาธิปัตย์” คงไม่สามารถมาลอยนวลเป็นฝ่ายค้านตะพึดตะพือ อยู่จนทุกวันนี้ เนื่องจากแคมเปญนี้เคยใช้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
และเหตุที่กกต.ต้องชะลอการรับรองออกไป ก็เป็นไปตามกฎหมายที่เปิดเวลาไว้ให้ได้ไต่สวนปกติ เช่นเดียวกับศึกเลือกตั้งสนามใหญ่ปี 2554 ที่กว่าจะรับรองผลความเป็นส.ส.ได้ครบทั้งสภา ก็ต้องรอจนครบตามที่กฎหมายกำหนด
โดยเฉพาะในกรณี “ตุ๊ดตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ได้ตั๋วเข้าสู่สภาล่าง เป็นรายสุดท้ายแบบเส้นยาแดงผ่าแปดในตอนนั้น
วาระแขวน “คุณชายหมู” เที่ยวนี้ จึงไม่น่าจะมีอะไรให้พรรคสีฟ้าเสียวสันหลัง ตามคิวที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และพลพรรค ออกมาแสดงความมั่นใจ ไม่ตื่นตระหนกกับเวลารับรองผลที่ถูกยืดออกไป
ขณะเดียวกัน ปฏิกิริยาในพรรคเพื่อไทยเองตอนนี้ก็เรียกว่า อยู่ในอาการรับสภาพที่เกิดขึ้นแล้ว และแทบไม่มีใครยังนั่งลุ้น หวังคดีพลิก แม้แต่ “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” ที่นาทีนี้กำลังออกอาละวาด ด่ากราดลูกพรรคที่ทำให้แพ้การเลือกตั้งครั้งนี้ แทนที่จะมาพนมมือภาวนากับผลของกกต. ในไม่กี่วันข้างหน้า
โดยเฉพาะอาการล่าสุด ที่ควันออกหู พ่นไฟผ่านโปรแกรมสไกป์ ในที่ประชุมคณะทำงานประสานภารกิจของพรรคเพื่อไทย ที่มี ภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค สาโรช หงษ์ชูเวช รองผู้อำนวยการพรรค นพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายของพ.ต.ท.ทักษิณ และ ชูศักดิ์ ศิรินิล ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายพรรค เข้าร่วมฟัง
ตามรายงานข่าวที่ออกมาคนที่โดนจวกหนักที่สุดกลายเป็น “เจ้าแม่วังทองหลาง” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และเหล่าทีมงาน ส.ส.กทม.ในสังกัด โทษฐานเป็นพื้นที่รับผิดชอบ ที่ถึงขั้นขู่ว่า พื้นที่ไหนทำงานไม่ดี รอบหน้าอาจอดลงสมัครเลือกตั้งส.ส. จิกพวกผลงานห่วยกันรายตัวเลยทีเดียว
งานนี้ “เจ๊หน่อย” และลูกสมุนเลยรับบทตัวการทำให้พ่ายแพ้ไปเต็มๆ ทั้งๆ ที่ผู้อำนวยการเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทยในครั้งนี้คือ “ภูมิธรรม”
เนื้อหาในที่ประชุมที่หลุดออกมาแบบจงใจพุ่งเป้าไปที่ “เจ๊หน่อย” หากจับทางให้ดีๆ ก็อาจมีเกมการเมืองภายในพรรคเพื่อไทยเองเหมือนกัน โดยเฉพาะหากมองไปที่องค์ประชุมวันนั้นว่ามีใครบ้าง และใครบ้างที่ไม่ค่อยกินเส้นกับ “เจ้าแม่วังทองหลาง”
** ดังนั้น บางทีเกมนี้อาจเป็นความตั้งใจที่ใครบางคนต้องการโยนความรับผิดชอบ หรือเรียกง่ายๆ ว่ากำลังหา “แพะ” มาสังเวยกับความพ่ายแพ้ ในศึกเสาชิงช้าครั้งนี้
เพราะหากมองย้อนกลับไปก่อนที่พรรคเพื่อไทยจะตัดสินใจส่ง “บิ๊กจูดี้” เป็นนอมินีลงสู้ศึกเสาชิงช้า “เจ๊หน่อย” ถือเป็นบุคคลที่ส.ส.กทม.ในพรรคเพื่อไทยกระโดดหนุนเชียร์อย่างสุดแรงแข่งกับกลุ่มก๊กอื่นๆจนถึงโค้งสุดท้าย ก่อนจะถูกดับฝันลงในบั้นปลาย
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทุกคนก็เลยจับจ้องว่า เมื่อไม่ได้ลงแล้ว “เจ๊หน่อย” จะยังช่วย “บิ๊กจูดี้” หาเสียงอยู่หรือไม่ เพราะ ส.ส.กทม.หลายคนก็ไม่พอใจกับผลการตัดสินของพรรคในครั้งนี้ อีกทั้งอดีตรองผบ.ตร.รายนี้เอง ก็ถือเป็นคนที่ “สารวัตรบางบอน” ซึ่งผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ กับ “เจ้าแม่วังทองหลาง” ถือหางหนุนแบบออกนอกหน้านอกตาอีกด้วย
และเมื่อเทศกาลหาเสียงมาถึง ก็ปรากฏว่า ไร้เงา “เจ๊หน่อย” มาเดินข้างกายช่วย “บิ๊กจูดี้” หาเสียงในช่วงแรกจริงๆ จนเกิดกระแสข่าวลือ “ศึกเกาเหลา” กับ “ยิ่งลักษณ์ ” จนทั้งคู่ต้องออกมาปั้นยิ้ม ให้ชักภาพกลบข่าวความแตกร้าวภายในพรรคเพื่อไทย พร้อมกับเดินช่วยหาเสียงอย่างเสียไม่ได้
กระนั้น “เจ๊หน่อย” ก็ยังถูกตั้งข้อสังเกตว่า ไม่ได้ออกมาช่วย “บิ๊กจูดี้” หาเสียงอย่างเต็มที่เท่าที่ควร เช่นเดียวกับส.ส.กทม. ของพรรคก็โดนในข้อหาเดียวกัน
**เมื่อผลออกมาเป็นความปราชัย แน่นอนว่า ศัตรูในพรรคทุกคนพร้อมจะเหยียบซ้ำ “เจ๊หน่อย” ในทันที
ขณะที่หลายคนที่อุ้มชู “บิ๊กจูดี้” อย่างออกหน้าออกตา และต้องมีส่วนรับผิดชอบ ต่างก็PY'ลอยหน้าลอยตา รอดกับความผิดครั้งนี้ โดยไม่ต้องเจ็บตัวอะไรเลย
นอกจากความรับผิดชอบที่ถูกยัดเยียดให้กับ ศึกผู้ว่าฯกทม.แล้ว ยังว่ากันว่า “เจ้าแม่วังบัวบาน” บอสใหญ่แห่งโซนภาคเหนือ ก็ไม่ได้แฮปปี้กับ “เจ๊หน่อย” เท่าไรนัก แถมยังจดขึ้นบัญชีหนังหมาเลยว่า ส.ส.กทม. รายไหนบ้างที่ไม่มีวันญาติดีด้วย
ตามสภาพการณ์เคราะห์ซ้ำกรรมซัดเที่ยวนี้ต้องบอกว่า ถึงคราวดวงตกของ “เจ้าแม่วังทองหลาง” เข้าเสียแล้ว เพราะสถานะในพรรคไม่สู้ดีเอาเสียเลย
ทั้งศัตรูในพรรค ผลงานในศึกเสาชิงช้า และโดยเฉพาะ “นายใหญ่–นายหญิง – เจ๊ด.” 3 พลังหลักในรัฐบาลไม่ปลื้มเอาอย่างแรง
** ดูท่าอนาคตทางการเมืองของเจ้าแม่วังทองหลาง และสมุนบริวาร จะรุ่งยากเสียแล้ว
สวมบทท้าทายกกต. เล่นจิตวิทยา หากรับรอง “คุณชายหมู” เป็นผู้ว่าฯกทม. ก็ถือว่าเก่งมากๆ เพราะขนาดการเลือกตั้งท้องถิ่นเจอกรณีแบบนี้ยังฟันฉับ ไม่มีเลี้ยง
แถมยังออกแอ็กชั่น จะหยิบไม้เรียวไล่เฆี่ยน “บิ๊กจูดี้” พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคเพื่อไทย ที่ใจเสาะ ยอมยกธงขาวตั้งแต่หัววัน แล้วจะวิ่งแจ้นขอกลับเข้ารับราชการในตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้เลยว่า กกต.จะควักใบแดง หรือใบเหลือง ให้ “คุณชายหมู” หรือไม่
แต่ตามสภาพความจริง “เฉลิม” รู้อยู่เต็มอกว่า โอกาสที่คดีจะพลิกแล้วเป็น “บิ๊กจูดี้” ที่ผงาดเข้าวินแบบเหนือความคาดหมายในตอนท้าย แทบจะเป็นไปไม่ได้
เพราะหากการใส่ร้ายป้ายสีเรื่องเผาบ้านเผาเมือง จะทำให้ต้องขนหีบบัตรมากาบัตรเลือกตั้งหาพ่อเมืองกรุงกันใหม่อีกรอบ กรณีสนามใหญ่อย่างการเลือกตั้งทั่วปี 2554 “พรรคประชาธิปัตย์” คงไม่สามารถมาลอยนวลเป็นฝ่ายค้านตะพึดตะพือ อยู่จนทุกวันนี้ เนื่องจากแคมเปญนี้เคยใช้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
และเหตุที่กกต.ต้องชะลอการรับรองออกไป ก็เป็นไปตามกฎหมายที่เปิดเวลาไว้ให้ได้ไต่สวนปกติ เช่นเดียวกับศึกเลือกตั้งสนามใหญ่ปี 2554 ที่กว่าจะรับรองผลความเป็นส.ส.ได้ครบทั้งสภา ก็ต้องรอจนครบตามที่กฎหมายกำหนด
โดยเฉพาะในกรณี “ตุ๊ดตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ได้ตั๋วเข้าสู่สภาล่าง เป็นรายสุดท้ายแบบเส้นยาแดงผ่าแปดในตอนนั้น
วาระแขวน “คุณชายหมู” เที่ยวนี้ จึงไม่น่าจะมีอะไรให้พรรคสีฟ้าเสียวสันหลัง ตามคิวที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และพลพรรค ออกมาแสดงความมั่นใจ ไม่ตื่นตระหนกกับเวลารับรองผลที่ถูกยืดออกไป
ขณะเดียวกัน ปฏิกิริยาในพรรคเพื่อไทยเองตอนนี้ก็เรียกว่า อยู่ในอาการรับสภาพที่เกิดขึ้นแล้ว และแทบไม่มีใครยังนั่งลุ้น หวังคดีพลิก แม้แต่ “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” ที่นาทีนี้กำลังออกอาละวาด ด่ากราดลูกพรรคที่ทำให้แพ้การเลือกตั้งครั้งนี้ แทนที่จะมาพนมมือภาวนากับผลของกกต. ในไม่กี่วันข้างหน้า
โดยเฉพาะอาการล่าสุด ที่ควันออกหู พ่นไฟผ่านโปรแกรมสไกป์ ในที่ประชุมคณะทำงานประสานภารกิจของพรรคเพื่อไทย ที่มี ภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค สาโรช หงษ์ชูเวช รองผู้อำนวยการพรรค นพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายของพ.ต.ท.ทักษิณ และ ชูศักดิ์ ศิรินิล ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายพรรค เข้าร่วมฟัง
ตามรายงานข่าวที่ออกมาคนที่โดนจวกหนักที่สุดกลายเป็น “เจ้าแม่วังทองหลาง” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และเหล่าทีมงาน ส.ส.กทม.ในสังกัด โทษฐานเป็นพื้นที่รับผิดชอบ ที่ถึงขั้นขู่ว่า พื้นที่ไหนทำงานไม่ดี รอบหน้าอาจอดลงสมัครเลือกตั้งส.ส. จิกพวกผลงานห่วยกันรายตัวเลยทีเดียว
งานนี้ “เจ๊หน่อย” และลูกสมุนเลยรับบทตัวการทำให้พ่ายแพ้ไปเต็มๆ ทั้งๆ ที่ผู้อำนวยการเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทยในครั้งนี้คือ “ภูมิธรรม”
เนื้อหาในที่ประชุมที่หลุดออกมาแบบจงใจพุ่งเป้าไปที่ “เจ๊หน่อย” หากจับทางให้ดีๆ ก็อาจมีเกมการเมืองภายในพรรคเพื่อไทยเองเหมือนกัน โดยเฉพาะหากมองไปที่องค์ประชุมวันนั้นว่ามีใครบ้าง และใครบ้างที่ไม่ค่อยกินเส้นกับ “เจ้าแม่วังทองหลาง”
** ดังนั้น บางทีเกมนี้อาจเป็นความตั้งใจที่ใครบางคนต้องการโยนความรับผิดชอบ หรือเรียกง่ายๆ ว่ากำลังหา “แพะ” มาสังเวยกับความพ่ายแพ้ ในศึกเสาชิงช้าครั้งนี้
เพราะหากมองย้อนกลับไปก่อนที่พรรคเพื่อไทยจะตัดสินใจส่ง “บิ๊กจูดี้” เป็นนอมินีลงสู้ศึกเสาชิงช้า “เจ๊หน่อย” ถือเป็นบุคคลที่ส.ส.กทม.ในพรรคเพื่อไทยกระโดดหนุนเชียร์อย่างสุดแรงแข่งกับกลุ่มก๊กอื่นๆจนถึงโค้งสุดท้าย ก่อนจะถูกดับฝันลงในบั้นปลาย
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทุกคนก็เลยจับจ้องว่า เมื่อไม่ได้ลงแล้ว “เจ๊หน่อย” จะยังช่วย “บิ๊กจูดี้” หาเสียงอยู่หรือไม่ เพราะ ส.ส.กทม.หลายคนก็ไม่พอใจกับผลการตัดสินของพรรคในครั้งนี้ อีกทั้งอดีตรองผบ.ตร.รายนี้เอง ก็ถือเป็นคนที่ “สารวัตรบางบอน” ซึ่งผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ กับ “เจ้าแม่วังทองหลาง” ถือหางหนุนแบบออกนอกหน้านอกตาอีกด้วย
และเมื่อเทศกาลหาเสียงมาถึง ก็ปรากฏว่า ไร้เงา “เจ๊หน่อย” มาเดินข้างกายช่วย “บิ๊กจูดี้” หาเสียงในช่วงแรกจริงๆ จนเกิดกระแสข่าวลือ “ศึกเกาเหลา” กับ “ยิ่งลักษณ์ ” จนทั้งคู่ต้องออกมาปั้นยิ้ม ให้ชักภาพกลบข่าวความแตกร้าวภายในพรรคเพื่อไทย พร้อมกับเดินช่วยหาเสียงอย่างเสียไม่ได้
กระนั้น “เจ๊หน่อย” ก็ยังถูกตั้งข้อสังเกตว่า ไม่ได้ออกมาช่วย “บิ๊กจูดี้” หาเสียงอย่างเต็มที่เท่าที่ควร เช่นเดียวกับส.ส.กทม. ของพรรคก็โดนในข้อหาเดียวกัน
**เมื่อผลออกมาเป็นความปราชัย แน่นอนว่า ศัตรูในพรรคทุกคนพร้อมจะเหยียบซ้ำ “เจ๊หน่อย” ในทันที
ขณะที่หลายคนที่อุ้มชู “บิ๊กจูดี้” อย่างออกหน้าออกตา และต้องมีส่วนรับผิดชอบ ต่างก็PY'ลอยหน้าลอยตา รอดกับความผิดครั้งนี้ โดยไม่ต้องเจ็บตัวอะไรเลย
นอกจากความรับผิดชอบที่ถูกยัดเยียดให้กับ ศึกผู้ว่าฯกทม.แล้ว ยังว่ากันว่า “เจ้าแม่วังบัวบาน” บอสใหญ่แห่งโซนภาคเหนือ ก็ไม่ได้แฮปปี้กับ “เจ๊หน่อย” เท่าไรนัก แถมยังจดขึ้นบัญชีหนังหมาเลยว่า ส.ส.กทม. รายไหนบ้างที่ไม่มีวันญาติดีด้วย
ตามสภาพการณ์เคราะห์ซ้ำกรรมซัดเที่ยวนี้ต้องบอกว่า ถึงคราวดวงตกของ “เจ้าแม่วังทองหลาง” เข้าเสียแล้ว เพราะสถานะในพรรคไม่สู้ดีเอาเสียเลย
ทั้งศัตรูในพรรค ผลงานในศึกเสาชิงช้า และโดยเฉพาะ “นายใหญ่–นายหญิง – เจ๊ด.” 3 พลังหลักในรัฐบาลไม่ปลื้มเอาอย่างแรง
** ดูท่าอนาคตทางการเมืองของเจ้าแม่วังทองหลาง และสมุนบริวาร จะรุ่งยากเสียแล้ว