พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าการถอดยศ ว่าที่ ร้อยตรี ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่า เท่าที่ตนทราบจากข่าว ขณะนี้ศาลรัฐธรรมนูญได้ทำหนังสือมายังนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอเอกสารเพิ่มเติมจากที่ได้ทำเรื่องยื่นถอดถอนนายอภิสิทธิ์ จากการเป็นส.ส.ไป แต่ในเมื่อการขอเอกสารยังมาไม่ถึงตนโดยตรง คงจะไปให้ข้อมูลก่อนไม่ได้ ถ้าศาลฯขอมาจริง ตนก็ให้ข้อมูลหมด แต่อย่างไรก็ดี เรื่องนี้ตนพร้อม ไม่มีปัญหา มั่นใจ
เมื่อถามว่า มั่นใจจะสามารถ ถอดยศว่าที่ร้อยตรี นายอภิสิทธิ์ได้ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ตนไม่อยากพูดร้อยครั้ง แต่พูดครั้งเดียวพอ ถ้าทำไม่ได้จะทำทำไม ไม่ใช่หมู ตนระดับไหนแล้ว ก็มั่นใจแน่นอน ประเด็นคือว่า นายอภิสิทธิ์ผิดจริงหรือเปล่า ถึงแม้คดีอาจจะหมดอายุความ แต่ความผิดวินัยยังอยู่
เมื่อถามว่า เป็นการยื้อคดีอยู่หรือไม่ ตามที่นายอภิสิทธิ์ระบุว่า คดีอยู่ในเขตอำนาจศาลปกครอง แต่ รมว.กลาโหม กลับยืนยันว่าอยู่ในอำนาจของศาลแพ่ง พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ไม่มียื้อคดี ต้องดูด้วยว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องทางวินัย ซึ่งตนก็ต้องยืนยันว่า ไม่อยู่ในอำนาจศาลปกครอง ตนก็มีเหตุผลของตัวเอง
" ถ้าไม่อยากให้ยื้อเรื่อง มาไต่สวนสาธารณะกันไหมล่ะ มาเปิดเผยต่อหน้าสาธารณะกันเลย ไม่มีปัญหา เรื่องนี้ผมพร้อมเสมอ ต่างฝ่ายมีหลักฐานอะไรเอาออกมาว่ากัน ให้ประชาชนเป็นผู้รับฟัง ทำอย่างนี้ผมก็พร้อมนะ ไม่ได้ยื้อคดีหรอกอย่างนี้ ก็เร็วดีด้วย ไม่ได้ท้านะ แต่พร้อม ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำได้เหมือนไปยื่นคดีต่อศาล ผมก็รักษาสิทธิของผม เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของวินัย ศาลปกครองไม่มีอำนาจ ถ้าคุณคิดว่ามีอำนาจ ก็ยื่นไป ศาลท่านก็ต้องพิจารณาอีก แค่นั้นเอง ผมจะยื้อทำไม ไม่มียื้อ เรื่องนี้ต้องจบอยู่แล้ว" พล.อ.อ.สุกำพล กล่าว
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ ยื่นเรื่องให้ประธานสภาส่งเอกสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องที่มีการร้องให้ถอดถอนนายอภิสิทธิ์ ออกจากตำแหน่งการเป็นส.ส. กรณีที่ถูกถอดยศว่า ขั้นตอนขณะนี้ทางส.ส.ที่ลงชื่อกัน ได้ส่งเรื่องมายังประธานสภา และประธานสภาได้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ แต่ศาลฯยังไม่แจ้งตน ซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปตามขั้นตอน
ส่วนกรณีที่พล.อ.สุกำพล ท้าดีเบตตนในเวทีสาธารณะ เกี่ยวกับคดีถอดยศนั้น ตนเห็นว่าพล.อ.สุกำพล ควรจะไปชี้แจงต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ตนฟ้องกลับ ฐานกระทำเกินอำนาจก่อน และเรื่องนี้ถ้าจะให้จบเร็วๆ พล.อ.สุกำพลไม่ควรไปร้องคัดค้านเขตอำนาจศาลตั้งแต่ต้น ซึ่งตนเข้าใจว่า ที่ไปร้องเพราะต้องการจะประวิงเวลา ทำให้คดีนี้ช้าไปมาก เพราะจริงๆแล้วคดีนี้ตนก็ได้ชี้แจงต่อศาลปกครองชัดเจน
**ศาลรธน.สอนมวยปธ.สภาฯ
ด้านนายกมล โสตถิโภคา โฆษกสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ยื่นหลักฐานเพื่อเติมกรณีที่ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็น ส.ส.ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 106 (5) ประกอบมาตรา 102(6) หรือไม่ หลังจากกระทรวงกลาโหม มีคำสั่งปลดออกจากราชการ ว่า กรณีนี้ศาลรัฐธรรมนูญมีหนังสือแจ้งให้ผู้ร้องยื่นหลักฐานเพิ่มเติม โดยเฉพาะคำสั่งกลาโหมที่ออกมานั้น มีผลสิ้นสุดลงแล้วหรือไม่ และเหตุผลของคำร้อง เป็นที่สิ้นสุดแล้วหรือไม่ และความเป็นสมาชิกภาพ ส.ส.ของอภิสิทธิ์ สิ้นสุดลงอย่างไร ซึ่งต้องอธิบายด้วยเหตุ โดยผู้ร้องต้องยื่นเอกสารประกอบคำร้องเพิ่มเติมกลับมาให้ศาลรัฐธรรมนูญภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้ง ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 17 เม.ย. และหากพ้นระยะเวลาที่ศาลกำหนด จะถือว่าผู้ร้องไม่ติดใจที่ชี้แจงเพิ่มเติม ศาลก็จะนำคำร้องดังกล่าวเข้าพิจารณาในที่ประชุม เพื่อพิจารณาวินิจฉัย ไม่รับคำร้อง
นายกมล กล่าวการที่ศาลให้โอกาสผู้ร้องยื่นเอกสารชี้แจงเพิ่มเติม ทั้งที่ยังไม่ได้พิจารณารับคำร้อง เพราะผู้ร้องได้ยื่นมาถูกขั้นตอนที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ตามมาตรา 91 วรรค 1 ที่ ส.ส.และ ส.ว. เข้าชื่อร้องผ่านประธานสภาฯ หรือประธานวุฒิสภา และอีกช่องทางคือ ยื่นให้ กกต.พิจารณาวินิจฉัย
เมื่อถามว่า มั่นใจจะสามารถ ถอดยศว่าที่ร้อยตรี นายอภิสิทธิ์ได้ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ตนไม่อยากพูดร้อยครั้ง แต่พูดครั้งเดียวพอ ถ้าทำไม่ได้จะทำทำไม ไม่ใช่หมู ตนระดับไหนแล้ว ก็มั่นใจแน่นอน ประเด็นคือว่า นายอภิสิทธิ์ผิดจริงหรือเปล่า ถึงแม้คดีอาจจะหมดอายุความ แต่ความผิดวินัยยังอยู่
เมื่อถามว่า เป็นการยื้อคดีอยู่หรือไม่ ตามที่นายอภิสิทธิ์ระบุว่า คดีอยู่ในเขตอำนาจศาลปกครอง แต่ รมว.กลาโหม กลับยืนยันว่าอยู่ในอำนาจของศาลแพ่ง พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ไม่มียื้อคดี ต้องดูด้วยว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องทางวินัย ซึ่งตนก็ต้องยืนยันว่า ไม่อยู่ในอำนาจศาลปกครอง ตนก็มีเหตุผลของตัวเอง
" ถ้าไม่อยากให้ยื้อเรื่อง มาไต่สวนสาธารณะกันไหมล่ะ มาเปิดเผยต่อหน้าสาธารณะกันเลย ไม่มีปัญหา เรื่องนี้ผมพร้อมเสมอ ต่างฝ่ายมีหลักฐานอะไรเอาออกมาว่ากัน ให้ประชาชนเป็นผู้รับฟัง ทำอย่างนี้ผมก็พร้อมนะ ไม่ได้ยื้อคดีหรอกอย่างนี้ ก็เร็วดีด้วย ไม่ได้ท้านะ แต่พร้อม ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำได้เหมือนไปยื่นคดีต่อศาล ผมก็รักษาสิทธิของผม เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของวินัย ศาลปกครองไม่มีอำนาจ ถ้าคุณคิดว่ามีอำนาจ ก็ยื่นไป ศาลท่านก็ต้องพิจารณาอีก แค่นั้นเอง ผมจะยื้อทำไม ไม่มียื้อ เรื่องนี้ต้องจบอยู่แล้ว" พล.อ.อ.สุกำพล กล่าว
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ ยื่นเรื่องให้ประธานสภาส่งเอกสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องที่มีการร้องให้ถอดถอนนายอภิสิทธิ์ ออกจากตำแหน่งการเป็นส.ส. กรณีที่ถูกถอดยศว่า ขั้นตอนขณะนี้ทางส.ส.ที่ลงชื่อกัน ได้ส่งเรื่องมายังประธานสภา และประธานสภาได้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ แต่ศาลฯยังไม่แจ้งตน ซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปตามขั้นตอน
ส่วนกรณีที่พล.อ.สุกำพล ท้าดีเบตตนในเวทีสาธารณะ เกี่ยวกับคดีถอดยศนั้น ตนเห็นว่าพล.อ.สุกำพล ควรจะไปชี้แจงต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ตนฟ้องกลับ ฐานกระทำเกินอำนาจก่อน และเรื่องนี้ถ้าจะให้จบเร็วๆ พล.อ.สุกำพลไม่ควรไปร้องคัดค้านเขตอำนาจศาลตั้งแต่ต้น ซึ่งตนเข้าใจว่า ที่ไปร้องเพราะต้องการจะประวิงเวลา ทำให้คดีนี้ช้าไปมาก เพราะจริงๆแล้วคดีนี้ตนก็ได้ชี้แจงต่อศาลปกครองชัดเจน
**ศาลรธน.สอนมวยปธ.สภาฯ
ด้านนายกมล โสตถิโภคา โฆษกสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ยื่นหลักฐานเพื่อเติมกรณีที่ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็น ส.ส.ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 106 (5) ประกอบมาตรา 102(6) หรือไม่ หลังจากกระทรวงกลาโหม มีคำสั่งปลดออกจากราชการ ว่า กรณีนี้ศาลรัฐธรรมนูญมีหนังสือแจ้งให้ผู้ร้องยื่นหลักฐานเพิ่มเติม โดยเฉพาะคำสั่งกลาโหมที่ออกมานั้น มีผลสิ้นสุดลงแล้วหรือไม่ และเหตุผลของคำร้อง เป็นที่สิ้นสุดแล้วหรือไม่ และความเป็นสมาชิกภาพ ส.ส.ของอภิสิทธิ์ สิ้นสุดลงอย่างไร ซึ่งต้องอธิบายด้วยเหตุ โดยผู้ร้องต้องยื่นเอกสารประกอบคำร้องเพิ่มเติมกลับมาให้ศาลรัฐธรรมนูญภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้ง ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 17 เม.ย. และหากพ้นระยะเวลาที่ศาลกำหนด จะถือว่าผู้ร้องไม่ติดใจที่ชี้แจงเพิ่มเติม ศาลก็จะนำคำร้องดังกล่าวเข้าพิจารณาในที่ประชุม เพื่อพิจารณาวินิจฉัย ไม่รับคำร้อง
นายกมล กล่าวการที่ศาลให้โอกาสผู้ร้องยื่นเอกสารชี้แจงเพิ่มเติม ทั้งที่ยังไม่ได้พิจารณารับคำร้อง เพราะผู้ร้องได้ยื่นมาถูกขั้นตอนที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ตามมาตรา 91 วรรค 1 ที่ ส.ส.และ ส.ว. เข้าชื่อร้องผ่านประธานสภาฯ หรือประธานวุฒิสภา และอีกช่องทางคือ ยื่นให้ กกต.พิจารณาวินิจฉัย
