xs
xsm
sm
md
lg

อดีตผู้พิพากษาเฉ่ง รบ.ใช้ พ.ร.บ.มั่นคงป้องตัวเอง แนะร้องศาลแพ่งระงับคำสั่งได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา สอนมวยทีม กม.เพื่อแม้ว ชี้บังคับใช้ พ.ร.บ.มั่นคงฯ ไม่เข้า ม.15 ขัด รธน.มาตรา 63 เหน็บคำว่า “ความมั่นคงในราชอาณาจักร” ไม่ใช่ “ความมั่นคงของรัฐบาล” เผยผู้มีส่วนได้เสียมีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง ขอระงับการใช้คำสั่งที่ขัดขวางการชุมนุมของ ปชช.โดยสงบ และปราศจากอาวุธได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 23 พ.ย.เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Chuchart Srisaeng ท้วงติงการบังคับใช้กฎหมาย กรณีรัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เพื่อควบคุมการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ดังนี้

การที่รัฐบาลประกาศนำ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ มาใช้บังคับ เพื่อเป็นการขวางการที่ประชาชนจะชุมนุมกันในวันที่ 24 นี้นั้น พ.ร.บ. ฉบับนี้ มาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า ในกรณีที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร แต่ยังไม่มีความจําเป็นต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และเหตุการณ์นั้นมีแนวโน้มที่จะมีอยู่ต่อไปเป็นเวลานานทั้งอยู่ในอํานาจหน้าที่ หรือความรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาของหน่วยงานของรัฐหลายหน่วย คณะรัฐมนตรีจะมีมติมอบหมายให้ กอ.รมน. เป็นผู้รับผิดชอบในการป้องกัน ปราบปราม ระงับ ยับยั้ง และแก้ไข หรือบรรเทาเหตุการณ์ที่กระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักรนั้นภายในพื้นที่ และระยะเวลาที่กําหนดได้ ทั้งนี้ ให้ประกาศให้ทราบโดยทั่วไป

ถ้าพิจารณาบทบัญญัติดังกล่าวที่ว่า ในกรณีที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงในราชอาณาจักร ฯลฯ และเหตุการณ์นั้นมีแนวโน้มที่จะมีอยู่ต่อไปเป็นเวลานาน ฯลฯ ก็ย่อมเข้าใจได้ว่า เจตนารมณ์ของกฎหมายนั้น ต้องมีเหตุการณ์ หรือมีการกระทำอันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักรขึ้นแล้ว เพราะกฎหมายใช้ถ้อยคำว่า “จะอยู่ต่อไปเป็นเวลานาน” ถ้ายังไม่การกระทำ หรือเหตุการณ์ยังไม่เกิด มันไม่มีอะไรที่จะอยู่ต่อไปเป็นเวลานานได้ ทั้งเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงในราชอาณาจักร ก็ต้องเข้าว่า คำว่า “ความมั่นคงในราชอาณาจักร” ไม่ใช่ “ความมั่นคงของรัฐบาล” ความั่นคงในราชอาณาจักรย่อมหมายถึงความมั่นคงของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชนชาวไทยทุกคน แต่รัฐบาลหมายเฉพาะคณะรัฐมนตรีเท่านั้น ไม่เกี่ยวความมั่นคงในราชอาณาจักรเลย คณะรัฐมนตรีชุดนี้กำลังหลงตัวเองว่า เป็นราชอาณาจักรไทย

การประกาศใช้ พ.ร.บ.ดังกล่าวมาใช้บังคับจึงขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา ๖๓ ที่บัญญัติไว้ในวรรคหนึ่งว่า “บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบ และปราศจากอาวุธ” และวรรคสองว่า “การกำจัดเสรีภาพตามวรรคหนึ่งจะกระมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เฉพาะในกรณีการชุมนุมสาธารณะ และเพื่อคุ้มครองความสะดวกของประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ หรือเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในระหว่างที่ประเทศอยู่ในภาวะสงคราม หรือในระหว่างที่มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินหรือประกาศกฎอัยการศึก” ก็เห็นกันอยู่แล้วว่า ณ ปัจจุบันไม่ได้มีเหตุการณ์อันเป็นข้อยกเว้นตามรัฐธรรมนูญ ในการที่จะประกาศใช้กฎหมายมาเพื่อขัดขวางเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบ และปราศจากอาวุธได้

เมื่อการนำ พ.ร.บ.ฉบับนี้มาใช้บังคับขัดต่อรัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุด จึงไม่อาจใช้บังคับได้ ผู้มีส่วนได้เสียย่อมมีสิทธิไปยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งที่เจ้าพนักงานที่ออกมาโดยอาศัยอำนาจจากการที่ได้มีการนำ พ.ร.บ. ฉบับนี้มาใช้ได้ แต่เนื่องจาก ตามมาตรา 23 บัญญัติไว้ว่า การกระทำต่างๆ ตาม พ.ร.บ.นี้ไม่อยู่ในบังคับของกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง แต่ให้อยู่ในอำนาจของศาลยุติธรรม ดังนั้น จึงต้องไปยื่นต่อคำร้องศาลแพ่ง และขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา ขอให้ศาลแพ่งมีคำสั่งให้ระงับการใช้คำสั่งต่างๆ ที่ขัดขวางการชุมนุมของประชาชนโดยสงบ และปราศจากอาวุธได้ครับ

กำลังโหลดความคิดเห็น