xs
xsm
sm
md
lg

รวบ"ช่างวิน"จ้างแก๊งโจ๋ คดีควงมีดถล่มร.ร.บริบาล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บุรีรัมย์-ตำรวจบุรีรัมย์นำหมายศาลบุกรวบ "ช่างวิน" เจ้าของอู่ ผู้ต้องหาจ้างวานกลุ่มวัยรุ่นกว่า 10 คน ควงมีดบุกถล่ม ร.ร.บริบาล แต่ปฏิเสธไม่เกี่ยวข้อง ขณะ "ตี๋ กิโล 7" หัวโจก โร่เข้ามอบตัวเอง อ้างเป็นผู้บงการทั้งหมด เหตุแค้น ผอ.โรงเรียน เรื่องชู้สาว แต่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ พร้อมยันมีพยานหลักฐานมัดแน่น

เมื่อเวลา 10.00 น.วานนี้ (13 มี.ค.) ที่ สภ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน ที่ปรึกษา (สบ10) ป้องกันและปราบอาชญากรรม 4 (ปป.4) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.เอกรัตน์ มีปรีชา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.), พล.ต.ต.ประสิทธิ์ ทำดี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (รอง ผบช.ภ.3) และ พล.ต.ต.รัฐพงษ์ ยิ้มใหญ่ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) บุรีรัมย์ ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมนายพสิทธิ์ ดาววัฒนะทรัพย์ หรือช่างวิน อายุ 45 ปี เจ้าของอู่วินเคาะพ่นสีรถยนต์ ตั้งอยู่เลขที่ 99/1 ถนนสายบุรีรัมย์-กระสัง-สุรินทร์ บ้านห้วยลึก ต.สวายจีก อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ และนายวิเชียร สมศักดิ์ หรือตี๋กิโล 7 อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 539 หมู่ 4 บ.หนองปู ต.หนองจะบก อ.เมือง จ.นครราชสีมา

ทั้งนี้ ทั้ง 2 คนเป็นผู้ต้องหา ผู้วางแผนจ้างวาน นายท็อป (นามสมมุติ) เยาวชนอายุ 16 ปี กับพวกรวม 13 คน คบคิดวางแผน พกพาอาวุธมีดที่จัดเตรียมมาเข้าไปในเมืองและสวมหมวกไหมพรมปิดบังใบหน้า ร่วมกันบุกรุกเข้าไปในโรงเรียนบุรีรัมย์การบริบาล อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเปิดสอนหลักสูตรผู้ช่วยการพยาบาล หวังทำร้าย นายวัชรพล ทองศิริ ผู้อำนวยโรงเรียนและเจ้าหน้าที่ ขณะกำลังปฐมนิเทศนักศึกษา แต่ถูกนายขวัญฟ้า ศรีนารัตน์ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) ใช้อาวุธปืนยิงสกัดหวังข่มขู่ ทำให้ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย สาหัส 3 ราย เสียชีวิตในเวลาต่อมา 1 ราย และตำรวจสามารถจับกุมตัววัยรุ่นที่ขับรถยนต์กระบะนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ได้อีก 2 ราย รวมเป็น 5 ราย เหตุเกิดเมื่อเช้าวันที่ 11 มี.ค.56 ที่ผ่านมา

จากการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทราบว่า นายพสิทธิ์ ดาววัฒนะทรัพย์ เป็นผู้วางแผน ใช้ จ้างวานนายท็อป กับพวกมาก่อเหตุและเป็นผู้จัดหา จัดเตรียม อาวุธมีด และหมวกไหมพรม ให้สวมใส่ปิดบังใบหน้า สำหรับเข้าไปก่อเหตุ และเป็นผู้ไปรับ-ส่ง จัดหาที่พักนอนและเป็นผู้วางแผนในการก่อเหตุ

ต่อมาพนักงานสอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ ได้ขออนุมัติศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ออกหมายจับ นายพสิทธิ์ ในข้อหา ก่อให้ผู้อื่น โดยใช้จ้างวาน ยุยง ส่งเสริมกระทำความผิดฐานร่วมกันบุกรุกเข้าไปในเคหะสถาน หรืออาคารสำนักงานในความครอบครองของผู้อื่น โดยไม่มีเหตุอันสมควร โดยมีอาวุธ, พกอาวุธมีด ไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุอันควร, พยายามทำร้ายร่างกายผู้อื่น และซ่องโจร ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมได้ภายในบ้านพัก เขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ เบื้องต้นนายพสิทธิ์ ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว

ส่วนนายวิเชียร ผู้ต้องหาอีกคน ทำธุรกิจไฟแนนซ์อยู่ที่ จ.นครราชสีมา ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ พร้อมรับสารภาพว่า เป็นหัวหน้าแก๊งพากลุ่มวัยรุ่น เยาวชนไปก่อเหตุทำร้าย ผอ.โรงเรียนบุรีรัมย์การบริบาล โดยยืนยันว่าเป็นผู้วางแผนเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยตัวเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ นายพสิทธิ์แต่อย่างใด โดยตนมีฉายา ตี๋กิโล7 ตำรวจทั่วโคราชรู้จักดี และเคยมีคดีพยายามฆ่า เมื่อปี 2555 กับลูก ส.ส.คนหนึ่ง ซึ่งคดีสิ้นสุดแล้ว ได้รู้จักกับนายพสิทธิ์ เมื่อเดือน ธ.ค.2554 จากการนำรถยนต์มาทำสีที่อู่ช่างวิน

พร้อมอ้างว่า การที่นายพสิทธิ์ เข้ามาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ด้วย เพราะตนได้ร้องขอความช่วยเหลือให้นำรถยนต์มารับคนที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลเท่านั้น

นายวิเชียรให้การอีกว่า ชนวนเหตุเกิดจากความโกรธแค้นส่วนตัว ที่นายวัชรพล ผอ.โรงเรียนบุรีรัมย์การบริบาล ไปมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับกิ๊ฟ อดีตแฟนสาวของตน ที่เคยมาเรียนอยู่โรงเรียนบุรีรัมย์การบริบาลแห่งนี้ เมื่อปี 2555 ที่ผ่านมา ทำให้เกิดความโกรธแค้นและมีการท้าทายกันมาตลอด จึงได้วางแผนร่วมกับกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 11 คนบริเวณสถานที่แห่งหนึ่ง ใกล้สวนสัตว์ จ.นครราชสีมา ก่อนพากลุ่มวัยรุ่นมาก่อเหตุในครั้งนี้ เพื่อต้องการแค่ข่มขู่และสั่งสอนนายวัชรพล เท่านั้น ไม่มีเจตนาทำร้ายหรือเอาชีวิต แต่ไม่คิดว่าฝ่ายตรงข้ามจะมีอาวุธปืน จนถูกยิงสวนจนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ คำให้การของนายพสิทธิ์ และนายวิเชียร เนื่องจากผู้ต้องการทั้งสองให้เหตุผลค้านกับหลักฐานและคำให้การของวัยรุ่นที่ร่วมก่อเหตุที่ถูกจับกุมได้ก่อนหน้านี้ทั้ง 5 คน ส่วนผู้ต้องหาปฏิเสธนั้นเป็นสิทธิของผู้ต้องหาที่กระทำได้

ด้าน พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน ที่ปรึกษา (สบ 10) ป้องกันและปราบอาชญากรรม 4 (ปป.4) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กล่าวภายหลังเดินทางมาติดตามคดีดังกล่าวด้วยตัวเองว่า ถึงแม้ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่ามีพยานหลักฐานชัดเจน เพียงพอที่จะเอาผิดกับนายพสิทธิ์ ฐานจ้างวานได้อย่างแน่นอน พร้อมกันนี้ขอฝากถึงกลุ่มวัยรุ่น เยาวชนผู้ร่วมก่อเหตุที่ยังหลบหนี ให้เข้ามามอบตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ เพื่อโทษหนักจะได้เป็นเบา
กำลังโหลดความคิดเห็น