ASTVผู้จัดการรายวัน - ลูกจ้างอู่ซ่อมรถยอมเปิดปาก ขับรถกระบะนำ 5 โจ๋บุกถล่มโรงเรียนส่งโรงพยาบาล เหตุนายจ้างและลูกชายสั่งการ ตำรวจคุมตัวโจ๋อีกคนค้นห้องวางแผนก่อเหตุในอู่ซ่อมสีรถ รองผบก.เผยเตรียมการมาอย่างดี เลยเจอข้อหา"ซ่องโจร"เพิ่ม ระบุร่วมก่อเหตุ 13 ราย รู้ตัวคนบงการแล้ว แฉเจ้าของอู่เป็นเจ้าของโรงเรียนคู่ขัดแย้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กลุ่มวัยรุ่นและชายฉกรรจ์กว่า 10 คนสวมหมวกไอ้โม่งปิดบังใบหน้า นั่งรถกระบะพร้อมมีดอีโต้ สปาต้า และดาบยาว บุกถล่มโรงเรียนบุรีรัมย์การบริบาล จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเปิดสอนหลักสูตรผู้ช่วยการพยาบาล หวังทำร้ายนายวัชรพล ทองศิริ ผู้อำนวยโรงเรียน และเจ้าหน้าที่ ขณะกำลังปฐมนิเทศนักศึกษา แต่ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย(รปภ.)ใช้อาวุธปืนยิงสกัด ทำให้ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย สาหัส 3 ราย เสียชีวิตในเวลาต่อมา 1 ราย และตำรวจจับกุมตัวคนขับรถกระบะนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลบุรีรัมย์ได้อีก 2 ราย รวมเป็น 5 ราย เหตุเกิดวันที่ 11 มีนาคมนั้น
ล่าสุดวานนี้ (12 มี.ค.) พ.ต.ท.อนิรุทธิ์ ผดุงดี สารวัตรเวรสภ.เมือง ได้นำตัวนายโสภณ การะสิรัมย์ อายุ 32 ปี ซึ่งเป็นคนขับรถกระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน พลัส สีขาว ทะเบียน บพ 2314 บุรีรัมย์ นำคนบาดเจ็บส่งโรงพยาบาล แต่ถูกจับกุมพร้อมกับนายแท็ป(นามสมมุติ) อายุ 16 ปี ชาวอ.เมือง จ.นครราชสีมา มาสอบปากคำเพิ่มเติม
โดยนายโสภณให้การว่า ทำงานเป็นลูกจ้างอู่ซ่อมรถยนต์แห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ที่ต.สวายจีก อ.เมืองหลังจากเข้ามาที่ทำงานเมื่อเวลาประมาณ 08.45 น. วันที่ 11 มีนาคม เจ้าของอู่โทรศัพท์มาแจ้งว่าให้ขับรถยนต์ออกตามลูกชายที่ขับรถยนต์มิตซูบิชิ ปาเจโร ไปตามเส้นทางบุรีรัมย์-นางรอง จนถึงแยกบ้านกระสัง ต.กระสัง อ.เมืองได้พบเจ้าของอู่ ซึ่งขับรถกระบะมิตซูบิชิ รไทรทัน พลัส สีขาว ทะเบียน บพ 2314 บุรีรัมย์ จอดรออยู่ก่อนแล้ว
จากนั้นเจ้าของอู่ได้เปลี่ยนให้ตนไปขับรถกระบะ พร้อมกับนำคนบาดเจ็บที่อยู่ในรถยนต์ของลูกชายเจ้าของอู่ มาไว้ในรถกระบะ ก่อนที่จะขับมาส่งโรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ และถูกตำรวจจับกุม ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ขอยืนยันว่าไม่มีส่วนรู้เห็น ที่ขับรถไปเพราะเจ้าของอู่และลูกชายเป็นคนสั่งให้ทำ
เวลา 13.00 น. พ.ต.อ.พงษ์พัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผกก.สภ.เมือง พร้อมพนักงานสอบสวน นำตัวนายแท็ป(นามสมมุติ) ที่ถูกจับกุมพร้อมกับนายโสภณ ไปตรวจค้นห้องพักที่อู่ซ่อมสีรถยนต์ แห่งหนึ่ง เลขที่ 99/1 ถนนบุรีรัมย์-กระสัง-สุรินทร์ บ้านห้วยลึก ต.สวายจีก อ.เมือง เพื่อค้นหาหลักฐานตามที่ผู้ต้องหาอ้างว่า ก่อนวันก่อเหตุได้เดินทางมาจากจ.นครราชสีมา พร้อมกับเพื่อนอีก 4 คนและมาพักอาศัยที่ห้องดังกล่าว ซึ่งมีวัยรุ่นอีกกลุ่มหนึ่งรออยู่แล้ว และได้ร่วมกันประชุมวางแผน ก่อนจะพากันไปก่อเหตุ ซึ่งจากการตรวจค้นภายในห้องพบตั๋วรถไฟ 4 ใบ ตรงกับคำให้การ และขวดน้ำที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ด้านพ.ต.อ.วิรัตน์ กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาที่จับกุมเบื้องต้นทราบว่า มีการวางแผนเตรียมการลงมือทำความผิด ทางตำรวจจะได้สืบสวนว่ามีการวางแผนอย่างไร ซึ่งบุคคลเกินกว่า 5 คนสมคบกันเพื่อไปกระทำความผิด ในกรณีนี้มีอัตราโทษเกินกว่า 1 ปีขึ้นไป เป็นการกระทำความผิดฐาน"ซ่องโจร" ซึ่งตำรวจจะได้สอบสวนให้ครบองค์ประกอบ ขณะนี้รู้ตัวแล้วว่าใครจ้างวาน แต่ขอเวลารวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจน
สำหรับเยาวชนที่ร่วมก่อเหตุครั้งนี้มีประมาณ 13 คน ขอฝากถึงผู้ปกครองให้นำบุตรหลานมามอบตัวที่สภ.เมือง ทางตำรวจจะให้ความเป็นธรรม เพราะเยาวชนเหล่านี้อายุต่ำกว่า 18 ปี อาจไม่รู้เรื่อง เขาชักชวนก็พากันมาร่วมก่อเหตุ
"กลุ่มวัยรุ่นที่เข้ามาก่อเหตุ ต้องการให้โรงเรียนแห่งนี้ปิดตัวลง โดยให้คนมาก่อกวน สร้างความหวาดระแวงให้ผู้ปกครอง จนไม่ส่งบุตรหลานเข้ามาเรียน ซึ่งเรื่องนี้คงยอมไม่ได้ เพราะเป็นคดีสะเทือนขวัญ อยู่ในความสนใจของประชาชนทั่วประเทศ "
พ.ต.อ.วิรัตน์ กล่าวว่า ในส่วนของนายขวัญฟ้า ศรีนารัตน์ รปภ. ที่ใช้ปืนยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นและชายฉกรรจ์ ตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่มามอบตัวกับพนักงานสอบสวน และรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว จึงปล่อยตัวไป
สำหรับเจ้าของอู่ซ่อมรถยนต์ ตั้งอยู่ที่ต.สวายจีก อ.เมือง ที่นายโสภณซัดทอดถึง และอู่ซ่อมสีรถยนต์ ตั้งอยู่เลขที่ 99/1 ถนนบุรีรัมย์-กระสัง-สุรินทร์ บ้านห้วยลึก ต.สวายจีก อ.เมือง ที่เตำรวจนำตัวนายแท็ป(นามสมมุติ) อายุ 16 ปี ผู้ต้องหาอีกคน ไปค้นห้องพักภายในอู่ มีเจ้าของเป็นคนเดียวกัน และเป็นเจ้าของโรงเรียนบุรีรัมย์อินเตอร์บริบาล อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นคู่แข่ง และมีความขัดแย้งกับเจ้าของโรงเรียนบุรีรัมย์การบริบาล ที่ถูกกลุ่มวัยรุ่นชายฉกรรจ์บุกถล่ม.
อย่างไรก็ตาม ในโลกออนไลน์ ได้มีผู้โพสต์ข้อความถึงความไม่เหมาะสมเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ใส่กุญแจมือนายขวัญฟ้า ศรีนารัตน์ รปภ.ที่ป้องกันเหตุจากการที่กลุ่มวัยรุ่นจำนวนมาก พร้อมอาวุธ เข้ามาทำร้ายอาจารย์ในโรงเรียน ซึ่งเป็นการป้องกันตัวและทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยภายในโรงเรียน
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กลุ่มวัยรุ่นและชายฉกรรจ์กว่า 10 คนสวมหมวกไอ้โม่งปิดบังใบหน้า นั่งรถกระบะพร้อมมีดอีโต้ สปาต้า และดาบยาว บุกถล่มโรงเรียนบุรีรัมย์การบริบาล จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเปิดสอนหลักสูตรผู้ช่วยการพยาบาล หวังทำร้ายนายวัชรพล ทองศิริ ผู้อำนวยโรงเรียน และเจ้าหน้าที่ ขณะกำลังปฐมนิเทศนักศึกษา แต่ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย(รปภ.)ใช้อาวุธปืนยิงสกัด ทำให้ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย สาหัส 3 ราย เสียชีวิตในเวลาต่อมา 1 ราย และตำรวจจับกุมตัวคนขับรถกระบะนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลบุรีรัมย์ได้อีก 2 ราย รวมเป็น 5 ราย เหตุเกิดวันที่ 11 มีนาคมนั้น
ล่าสุดวานนี้ (12 มี.ค.) พ.ต.ท.อนิรุทธิ์ ผดุงดี สารวัตรเวรสภ.เมือง ได้นำตัวนายโสภณ การะสิรัมย์ อายุ 32 ปี ซึ่งเป็นคนขับรถกระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน พลัส สีขาว ทะเบียน บพ 2314 บุรีรัมย์ นำคนบาดเจ็บส่งโรงพยาบาล แต่ถูกจับกุมพร้อมกับนายแท็ป(นามสมมุติ) อายุ 16 ปี ชาวอ.เมือง จ.นครราชสีมา มาสอบปากคำเพิ่มเติม
โดยนายโสภณให้การว่า ทำงานเป็นลูกจ้างอู่ซ่อมรถยนต์แห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ที่ต.สวายจีก อ.เมืองหลังจากเข้ามาที่ทำงานเมื่อเวลาประมาณ 08.45 น. วันที่ 11 มีนาคม เจ้าของอู่โทรศัพท์มาแจ้งว่าให้ขับรถยนต์ออกตามลูกชายที่ขับรถยนต์มิตซูบิชิ ปาเจโร ไปตามเส้นทางบุรีรัมย์-นางรอง จนถึงแยกบ้านกระสัง ต.กระสัง อ.เมืองได้พบเจ้าของอู่ ซึ่งขับรถกระบะมิตซูบิชิ รไทรทัน พลัส สีขาว ทะเบียน บพ 2314 บุรีรัมย์ จอดรออยู่ก่อนแล้ว
จากนั้นเจ้าของอู่ได้เปลี่ยนให้ตนไปขับรถกระบะ พร้อมกับนำคนบาดเจ็บที่อยู่ในรถยนต์ของลูกชายเจ้าของอู่ มาไว้ในรถกระบะ ก่อนที่จะขับมาส่งโรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ และถูกตำรวจจับกุม ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ขอยืนยันว่าไม่มีส่วนรู้เห็น ที่ขับรถไปเพราะเจ้าของอู่และลูกชายเป็นคนสั่งให้ทำ
เวลา 13.00 น. พ.ต.อ.พงษ์พัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผกก.สภ.เมือง พร้อมพนักงานสอบสวน นำตัวนายแท็ป(นามสมมุติ) ที่ถูกจับกุมพร้อมกับนายโสภณ ไปตรวจค้นห้องพักที่อู่ซ่อมสีรถยนต์ แห่งหนึ่ง เลขที่ 99/1 ถนนบุรีรัมย์-กระสัง-สุรินทร์ บ้านห้วยลึก ต.สวายจีก อ.เมือง เพื่อค้นหาหลักฐานตามที่ผู้ต้องหาอ้างว่า ก่อนวันก่อเหตุได้เดินทางมาจากจ.นครราชสีมา พร้อมกับเพื่อนอีก 4 คนและมาพักอาศัยที่ห้องดังกล่าว ซึ่งมีวัยรุ่นอีกกลุ่มหนึ่งรออยู่แล้ว และได้ร่วมกันประชุมวางแผน ก่อนจะพากันไปก่อเหตุ ซึ่งจากการตรวจค้นภายในห้องพบตั๋วรถไฟ 4 ใบ ตรงกับคำให้การ และขวดน้ำที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ด้านพ.ต.อ.วิรัตน์ กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาที่จับกุมเบื้องต้นทราบว่า มีการวางแผนเตรียมการลงมือทำความผิด ทางตำรวจจะได้สืบสวนว่ามีการวางแผนอย่างไร ซึ่งบุคคลเกินกว่า 5 คนสมคบกันเพื่อไปกระทำความผิด ในกรณีนี้มีอัตราโทษเกินกว่า 1 ปีขึ้นไป เป็นการกระทำความผิดฐาน"ซ่องโจร" ซึ่งตำรวจจะได้สอบสวนให้ครบองค์ประกอบ ขณะนี้รู้ตัวแล้วว่าใครจ้างวาน แต่ขอเวลารวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจน
สำหรับเยาวชนที่ร่วมก่อเหตุครั้งนี้มีประมาณ 13 คน ขอฝากถึงผู้ปกครองให้นำบุตรหลานมามอบตัวที่สภ.เมือง ทางตำรวจจะให้ความเป็นธรรม เพราะเยาวชนเหล่านี้อายุต่ำกว่า 18 ปี อาจไม่รู้เรื่อง เขาชักชวนก็พากันมาร่วมก่อเหตุ
"กลุ่มวัยรุ่นที่เข้ามาก่อเหตุ ต้องการให้โรงเรียนแห่งนี้ปิดตัวลง โดยให้คนมาก่อกวน สร้างความหวาดระแวงให้ผู้ปกครอง จนไม่ส่งบุตรหลานเข้ามาเรียน ซึ่งเรื่องนี้คงยอมไม่ได้ เพราะเป็นคดีสะเทือนขวัญ อยู่ในความสนใจของประชาชนทั่วประเทศ "
พ.ต.อ.วิรัตน์ กล่าวว่า ในส่วนของนายขวัญฟ้า ศรีนารัตน์ รปภ. ที่ใช้ปืนยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นและชายฉกรรจ์ ตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่มามอบตัวกับพนักงานสอบสวน และรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว จึงปล่อยตัวไป
สำหรับเจ้าของอู่ซ่อมรถยนต์ ตั้งอยู่ที่ต.สวายจีก อ.เมือง ที่นายโสภณซัดทอดถึง และอู่ซ่อมสีรถยนต์ ตั้งอยู่เลขที่ 99/1 ถนนบุรีรัมย์-กระสัง-สุรินทร์ บ้านห้วยลึก ต.สวายจีก อ.เมือง ที่เตำรวจนำตัวนายแท็ป(นามสมมุติ) อายุ 16 ปี ผู้ต้องหาอีกคน ไปค้นห้องพักภายในอู่ มีเจ้าของเป็นคนเดียวกัน และเป็นเจ้าของโรงเรียนบุรีรัมย์อินเตอร์บริบาล อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นคู่แข่ง และมีความขัดแย้งกับเจ้าของโรงเรียนบุรีรัมย์การบริบาล ที่ถูกกลุ่มวัยรุ่นชายฉกรรจ์บุกถล่ม.
อย่างไรก็ตาม ในโลกออนไลน์ ได้มีผู้โพสต์ข้อความถึงความไม่เหมาะสมเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ใส่กุญแจมือนายขวัญฟ้า ศรีนารัตน์ รปภ.ที่ป้องกันเหตุจากการที่กลุ่มวัยรุ่นจำนวนมาก พร้อมอาวุธ เข้ามาทำร้ายอาจารย์ในโรงเรียน ซึ่งเป็นการป้องกันตัวและทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยภายในโรงเรียน