00 ไม่รู้เหมือนกันว่าจะยื้อกันอีกนานกี่วัน สำหรับ กกต.หลังจากไม่ยอมรับรอง “ชายหมู” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ให้เป็นผู้ว่าฯกทม. อย่างเป็นทางการเสียที โดย กกต.กทม.โยนสองข้อร้องเรียน จากเรื่องภาพ “เผาบ้านเผาเมือง” หรือการจะตั้งคณะที่ปรึกษาและผู้ทรงคุณวุฒิ 31 คน อ้างว่าเกินอำนาจหน้าที่ผู้ว่าฯ และเรื่องที่ ดร.เสรี วงศ์มณฑา นักวิชาการด้านสื่อสารฯ โพสต์ลงเฟสบุ๊กส่วนตัว เชิญชวนให้เลือก ชายหมู ทำนองว่า “ไม่เลือกเราเขามาแน่” ซึ่งมันก็ดูพิลึกและไร้สาระสิ้นดี เพราะคนที่เรียกร้องแบบนี้ ยังมีคนอื่นอีกมากมาย ไม่จำเป็นต้องเป็น ดร.เสรี และการโพสต์ดังกล่าว มันก็มีเยอะแยะ และเรื่องที่ปรึกษาก็เช่นเดียวกัน การเปิดเผยทีมงานถ้ามองในมุมบวก น่าจะดีกว่าไม่บอก หรือปิดบัง เหมือนอย่างที่คนกทม. เขาขยะแขยง กลัวว่า “จตุพร พรหมพันธุ์” จะมาเป็นรองผู้ว่าฯให้ “จูดี้” พงศพัศ พงษ์เจริญ ไงล่ะ อ้อลืมไปเรื่องเผาบ้านเผาเมือง ถ้าคนไม่โง่ก็รู้อยู่แล้วว่าพวกไหน พรรคไหน หากไม่รู้ก็จะบอกให้เอาบุญว่า อยู่ในพรรคเพื่อไทย พรรคเดียวกับ พงศพัศ นั่นแหละ ทุด !!
00 อย่างไรก็ดี มองตามรูปการณ์แล้วมันเป็นแค่ลีลาเท่านั้น และยังไม่ครบกำหนด 30 วัน ถือว่ายังอยู่ในอำนาจพิจารณา อีกทั้งข้อร้องเรียนทั้งหมดไม่ได้มาจากการกระทำของผู้สมัคร แต่เป็นเรื่องของผู้สนับสนุน ซึ่งในความเข้มงวดชี้เป็นชี้ตาย เหมือนกับการซื้อเสียง หรือการทุจริตอื่นๆ และถึงตอนนั้นคงชี้แจงได้อยู่แล้ว แต่ถึงจะเลือกตั้งใหม่ (ไม่มีทางใบแดง) คราวนี้เชื่อว่าจะมาถล่มทลายกว่าเดิม เพราะคนกรุงเทพฯ จะเริ่มหงุดหงิดและมองว่า รัฐบาลของทักษิณ ชินวัตร อยู่เบื้องหลัง “เกมชั่ว” ในครั้งนี้ ไม่เชื่อก็ลองดู
00 ในที่สุด วง “ปาหี่” ที่มีรองประธานสภาผู้แทนฯ เจริญ จรรย์โกมล เป็นโต้โผ ก็ไปไม่เป็น หลังจากฝ่ายที่มีส่วนได้เสียตัวจริงไม่เข้าร่วม ที่เหลือก็มีแต่พวก “หน้าม้า” และ “ขี้ข้าแม้ว” ที่เข้าร่วม มันก็ไม่มีความหมาย ครั้นจะพูดเองเออเอง ชาวบ้านเขาก็ไม่ให้น้ำหนัก ที่จริงก็ไม่อยากจะพูดอะไรมาก และอยากจะฝากไปถึง ทักษิณ ชินวัตร ว่าอย่าพยายามเลย ไม่ว่าจะเป็นแก้รธน. หรือมาในรูป พ.ร.บ.นิรโทษ หรือปรองดอง ไม่สำเร็จหรอก เพราะชาวบ้านเขารู้เช่นเห็นชาติ แค่ขยับชาวบ้านเขาก็ดักทางหมดแล้ว ทางที่ดีให้พิสูจน์กันในศาลดีกว่า ก็ไหนว่าบริสุทธิ์ ไม่ผิดกันทั้งนั้น ก็สู้กันไปซี รอให้ศาลตัดสินแล้วกัน จากนั้นค่อยมาว่ากันว่าจะเอาแบบไหน นิรโทษ ยกโทษให้แบบไหน ถึงตอนนั้นค่อยว่ากัน ส่วนพวกเสื้อแดงรากหญ้าที่ติดคุก ก็ทำไมไม่ให้พวก ส.ส.พรรคเพื่อไทย รวมหัวกันไปประกันเล่า ง่ายๆแค่นี้ทำไมไม่คิดจะทำ ทำได้และทำได้ทันที ไปหลอกพวกเขาทำไม ส่วนไอ้พวกเสื้อแดงนี่ก็พิลึกคน ทำไมไม่โวยเปิดโปงกันบ้างละ ว่าที่ลำบากอยู่ทุกวันนี้ ก็ล้วนมาจาก ทักษิณ และพวก “หัวโจก” ทั้งนั้นแหละที่ไม่ช่วย หรือว่าใช้เงินงบประมาณใช้เงินชาวบ้านแจกไปแล้ว 7.4 ล้าน ถือว่าจบกันไปแล้วอย่างนั้นหรือ
00 เริ่มได้เห็นความเคลื่อนไหวเรื่องปรับครม. ขึ้นมาอีกรอบ แม้ว่า นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะพยายามแสดงภาวะผู้นำให้เห็นว่า ตัวเองมีอำนาจเต็มร้อย บอกว่ายังไม่ถึงเวลา แต่ยิ่งพูดยิ่งน่าหัวร่อ เชื่อหรือไม่ว่าคนบางคนถ้าเงียบเสีย หรือไม่พูดคนก็จะไม่รู้หรอกว่าตัวเองนั้น “โง่” แค่ไหน คนอื่นยังอาจเข้าใจว่า “อมภูมิ” แต่บางคนยิ่งพูดมันก็ยิ่งแสดงความโง่ ความไม่มีความรู้รอบตัว ทุกอย่างจะสะท้อนผ่านทางคำพูดนั่นแหละ บางทีมันก็น่าสงสารเหมือนกัน ส่วนจะเป็นแบบนายกฯของเราหรือไม่ ให้พิจารณากันเอาเอง ไม่อยากเหยียดหยามดูหมิ่น
00 พูดเรื่องปรับครม. ที่บอกว่าเริ่มเคลื่อนไหวขึ้นมาอีก เนื่องจากเป็นไฟต์บังคับจาก “เสี่ยเติ้ง” บรรหาร ศิลปอาชา นักธุรกิจการเมืองใหม่อีกรายที่เป็นเจ้าของพรรคชาติไทยฯ ได้ส่งชื่อว่าที่ รมต.คนใหม่ตามโควตาเข้ามาแทนน้องชายที่เสียชีวิตไปแล้ว เมื่อเป็นแบบนี้ทำให้มีลุ้นกันว่า จะปรับพร้อมกันอีกรอบโดยเฉพาะในพรรคเพื่อไทย เพราะตามธรรมเนียมแม้ว ก็มักจะปรับ 3-6 เดือนครั้ง ทำให้บางคนก็วิ่งเต้นกันสุดเหวี่ยง อีกทั้งเมื่อได้เห็นการตัดพ้อ และกระตุ้นระหว่างที่ ทักษิณ ชินวัตร สไกป์ เข้ามาในที่ประชุมพรรค ทำนองว่า “ถูกลอยแพ” มันก็ทำให้หลายคนมีความหวังได้โอกาสโชว์ให้ “เข้าตานาย” ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่เริ่มเห็น รมต.บางคนเริ่มห้าว และขยันเป็นพิเศษ บางคนก็เก็บตัวเงียบ อย่างเช่น จตุพร พรหมพันธุ์ เป็นต้น หวังลุ้นอีกรอบ ส่วนจะเป็นไปตามปาก ขวัญชัย ไพรพนา ว่า “ไม่มีทาง” นั้นจะเป็นจริงหรือเปล่า น่าจะรู้กันไม่นาน !!
00 อย่างไรก็ดี มองตามรูปการณ์แล้วมันเป็นแค่ลีลาเท่านั้น และยังไม่ครบกำหนด 30 วัน ถือว่ายังอยู่ในอำนาจพิจารณา อีกทั้งข้อร้องเรียนทั้งหมดไม่ได้มาจากการกระทำของผู้สมัคร แต่เป็นเรื่องของผู้สนับสนุน ซึ่งในความเข้มงวดชี้เป็นชี้ตาย เหมือนกับการซื้อเสียง หรือการทุจริตอื่นๆ และถึงตอนนั้นคงชี้แจงได้อยู่แล้ว แต่ถึงจะเลือกตั้งใหม่ (ไม่มีทางใบแดง) คราวนี้เชื่อว่าจะมาถล่มทลายกว่าเดิม เพราะคนกรุงเทพฯ จะเริ่มหงุดหงิดและมองว่า รัฐบาลของทักษิณ ชินวัตร อยู่เบื้องหลัง “เกมชั่ว” ในครั้งนี้ ไม่เชื่อก็ลองดู
00 ในที่สุด วง “ปาหี่” ที่มีรองประธานสภาผู้แทนฯ เจริญ จรรย์โกมล เป็นโต้โผ ก็ไปไม่เป็น หลังจากฝ่ายที่มีส่วนได้เสียตัวจริงไม่เข้าร่วม ที่เหลือก็มีแต่พวก “หน้าม้า” และ “ขี้ข้าแม้ว” ที่เข้าร่วม มันก็ไม่มีความหมาย ครั้นจะพูดเองเออเอง ชาวบ้านเขาก็ไม่ให้น้ำหนัก ที่จริงก็ไม่อยากจะพูดอะไรมาก และอยากจะฝากไปถึง ทักษิณ ชินวัตร ว่าอย่าพยายามเลย ไม่ว่าจะเป็นแก้รธน. หรือมาในรูป พ.ร.บ.นิรโทษ หรือปรองดอง ไม่สำเร็จหรอก เพราะชาวบ้านเขารู้เช่นเห็นชาติ แค่ขยับชาวบ้านเขาก็ดักทางหมดแล้ว ทางที่ดีให้พิสูจน์กันในศาลดีกว่า ก็ไหนว่าบริสุทธิ์ ไม่ผิดกันทั้งนั้น ก็สู้กันไปซี รอให้ศาลตัดสินแล้วกัน จากนั้นค่อยมาว่ากันว่าจะเอาแบบไหน นิรโทษ ยกโทษให้แบบไหน ถึงตอนนั้นค่อยว่ากัน ส่วนพวกเสื้อแดงรากหญ้าที่ติดคุก ก็ทำไมไม่ให้พวก ส.ส.พรรคเพื่อไทย รวมหัวกันไปประกันเล่า ง่ายๆแค่นี้ทำไมไม่คิดจะทำ ทำได้และทำได้ทันที ไปหลอกพวกเขาทำไม ส่วนไอ้พวกเสื้อแดงนี่ก็พิลึกคน ทำไมไม่โวยเปิดโปงกันบ้างละ ว่าที่ลำบากอยู่ทุกวันนี้ ก็ล้วนมาจาก ทักษิณ และพวก “หัวโจก” ทั้งนั้นแหละที่ไม่ช่วย หรือว่าใช้เงินงบประมาณใช้เงินชาวบ้านแจกไปแล้ว 7.4 ล้าน ถือว่าจบกันไปแล้วอย่างนั้นหรือ
00 เริ่มได้เห็นความเคลื่อนไหวเรื่องปรับครม. ขึ้นมาอีกรอบ แม้ว่า นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะพยายามแสดงภาวะผู้นำให้เห็นว่า ตัวเองมีอำนาจเต็มร้อย บอกว่ายังไม่ถึงเวลา แต่ยิ่งพูดยิ่งน่าหัวร่อ เชื่อหรือไม่ว่าคนบางคนถ้าเงียบเสีย หรือไม่พูดคนก็จะไม่รู้หรอกว่าตัวเองนั้น “โง่” แค่ไหน คนอื่นยังอาจเข้าใจว่า “อมภูมิ” แต่บางคนยิ่งพูดมันก็ยิ่งแสดงความโง่ ความไม่มีความรู้รอบตัว ทุกอย่างจะสะท้อนผ่านทางคำพูดนั่นแหละ บางทีมันก็น่าสงสารเหมือนกัน ส่วนจะเป็นแบบนายกฯของเราหรือไม่ ให้พิจารณากันเอาเอง ไม่อยากเหยียดหยามดูหมิ่น
00 พูดเรื่องปรับครม. ที่บอกว่าเริ่มเคลื่อนไหวขึ้นมาอีก เนื่องจากเป็นไฟต์บังคับจาก “เสี่ยเติ้ง” บรรหาร ศิลปอาชา นักธุรกิจการเมืองใหม่อีกรายที่เป็นเจ้าของพรรคชาติไทยฯ ได้ส่งชื่อว่าที่ รมต.คนใหม่ตามโควตาเข้ามาแทนน้องชายที่เสียชีวิตไปแล้ว เมื่อเป็นแบบนี้ทำให้มีลุ้นกันว่า จะปรับพร้อมกันอีกรอบโดยเฉพาะในพรรคเพื่อไทย เพราะตามธรรมเนียมแม้ว ก็มักจะปรับ 3-6 เดือนครั้ง ทำให้บางคนก็วิ่งเต้นกันสุดเหวี่ยง อีกทั้งเมื่อได้เห็นการตัดพ้อ และกระตุ้นระหว่างที่ ทักษิณ ชินวัตร สไกป์ เข้ามาในที่ประชุมพรรค ทำนองว่า “ถูกลอยแพ” มันก็ทำให้หลายคนมีความหวังได้โอกาสโชว์ให้ “เข้าตานาย” ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่เริ่มเห็น รมต.บางคนเริ่มห้าว และขยันเป็นพิเศษ บางคนก็เก็บตัวเงียบ อย่างเช่น จตุพร พรหมพันธุ์ เป็นต้น หวังลุ้นอีกรอบ ส่วนจะเป็นไปตามปาก ขวัญชัย ไพรพนา ว่า “ไม่มีทาง” นั้นจะเป็นจริงหรือเปล่า น่าจะรู้กันไม่นาน !!
