ASTVผู้จัดการรายวัน - เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จัดหนักในเวียดนาม จับไทอันร่วมกระจายสินค้าเป็น 2 แสน สู่ยุทธศาสตร์กระจายสินค้าสู่อาเซียน แย้มเตรียมจีบค้าปลีกรายใหญ่ในเวียดนามอีกแห่ง ปลายปีสรุปผล คาดทั้งปีรายได้ทะลัก38,000 ล้านบาท โต 15% ไม่รวมไทอัน
นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวทางในการดำเนินธุรกิจในปีนี้จะมุ่งเน้นการเพิ่มช่องทางจำหน่ายใหม่ให้มากยิ่งขึ้น จากปีก่อนที่เน้นไดเร็กเซลล์แบบเคาะประตูบ้าน กับการจำหน่ายโยเกิร์ตแอคทิเวียร่วม 300 คน ปีนี้จะเพิ่มเป็น 500 คนทั่วประเทศ
ล่าสุดลงทุนในประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการแจ้งตลาดหลักทรัพย์เกี่ยวกับ การที่คณะกรรมการบริษัท ได้มีมติอนุมัติให้ บีเจซี อินเตอร์เนชั่นแนล คัมปะนี ลิมิเต็ด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ BJC ถือหุ้น 100% เข้าซื้อหุ้นของบริษัท ไทอัน เวียดนาม จอยส์สต็อก คัมปะนี ซึ่งทำธุรกิจลงทุนในธุรกิจจัดจำหน่าย นำเข้า ส่งออก ค้าปลีก ค้าส่ง สินค้าอุปโภคบริโภคในสัดส่วน 65% โดยใช้เงินลงทุนราว 1,000 ล้านบาท ซึ่งไทอันมีจุดกระจายสินค้ามากกว่า 1.5 แสนจุดทั่วประเทศ ส่งผลให้บริษัทมีช่องทางการจำหน่ายในเวียดนามเป็น 2 แสนจุดทั่วประเทศ จากเดิมที่มีไทยคอร์ปกระจายสินค้าในเวียดนามราว 5 หมื่นจุด อยู่ก่อนหน้าแล้ว
“บริษัทมีความมั่นใจในศักยภาพของเวียดนามมากที่สุด อีกทั้งการมุ่งขยายการลงทุนในเวียดนาม ส่วนสำคัญคือต้องการให้เป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าไปสู่ภูมิภาคอาเซียนต่อไป ภายใต้ยุทธศาสตร์การกระจายสินค้า และบริการด้านอุปโภคและบริโภค ต่อยอดสินค้าเดิม ตลอดจนสินค้าและบริการด้านอื่นๆ ของบริษัท”
อย่างไรก็ตามบริษัทจะมุ่งหาพันธมิตรเพิ่มช่องทางการกระจายสินค้าอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของเวียดนามนั้น ยังมีการเจรจากับพันธมิตรด้านค้าปลีกเพื่อทำตลาดในเวียดนามต่อด้วย ซึ่งรายละเอียดเกี่ยวกับพันธมิตรรายนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเป็นของไทยหรือเวียดนาม แต่เชื่อว่าภายในสิ้นปีนี้จะเห็นความร่วมมือเกิดขึ้นต่อไป
แผนการลงทุนตลาดในต่างประเทศช่วง 5 ปีนี้ ยังพร้อมใช้งบกว่า 10,000 ล้านบาทตามที่เคยได้กล่าวไว้ โดยจะมุ่งในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านเป็นหลักทั้งลาว เขมร และโดยเฉพาะในเวียดนาม ส่วนพม่านั้น ขณะนี้มีออฟฟิศอยู่แล้ว รอจังหวะในการลงทุนเท่านั้น ส่วนในมาเลเซียก็มีการลงทุนไปบ้างแล้วเช่นกัน กับโรงงานโออีเอ็มผลิตมันฝรั่งทอด และขวดแก้ว ซึ่งมีการจ้างงานกว่า 500 คน
สำหรับการดำเนินงานในประเทศ ปีนี้เตรียมงบลงทุนราว 3,000-4,000 ล้านบาท ใกล้เคียงปีที่ผ่านมา มุ่งเน้นการหาช่องทางกระจายสินค้าใหม่ๆให้มากขึ้น ล่าสุดได้จับมือกับทางซัมซุงและธนาคารกสิกรไทย ในการช่วยกระจายสินค้าแพกเกจ “ธุรกิจใส่กล่อง” ซึ่งเป็นธุรกิจร้านค้ารับบัตร เจาะเอสเอ็มอีรายย่อยของทางธนาคารกสิกรไทย ภายใต้ช่องทางกระจายสินค้าที่มีอยู่ราว 5,000
แห่งทั่วประเทศ
นายอัศวิน กล่าวต่อว่า ถึงสิ้นปีนี้เชื่อว่าภาพรวมรายได้ของบริษัทจะเติบโตขึ้นราว 15% คิดเป็นมูลค่ากว่า 38,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่รวมกับรายได้ที่จะมาจากไทอันอีก 3,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามเฉพาะรายได้จากประเทศเวียดนามนั้น ปีนี้จะได้เห็นทั้งหมดร่วม 10,000 กว่าล้านบาท อันเนื่องมาจากการร่วมทุนกับทางไทอันนั่นเอง จากปีก่อนที่มีรายได้ราว 8,000 กว่าล้านบาท
นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวทางในการดำเนินธุรกิจในปีนี้จะมุ่งเน้นการเพิ่มช่องทางจำหน่ายใหม่ให้มากยิ่งขึ้น จากปีก่อนที่เน้นไดเร็กเซลล์แบบเคาะประตูบ้าน กับการจำหน่ายโยเกิร์ตแอคทิเวียร่วม 300 คน ปีนี้จะเพิ่มเป็น 500 คนทั่วประเทศ
ล่าสุดลงทุนในประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการแจ้งตลาดหลักทรัพย์เกี่ยวกับ การที่คณะกรรมการบริษัท ได้มีมติอนุมัติให้ บีเจซี อินเตอร์เนชั่นแนล คัมปะนี ลิมิเต็ด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ BJC ถือหุ้น 100% เข้าซื้อหุ้นของบริษัท ไทอัน เวียดนาม จอยส์สต็อก คัมปะนี ซึ่งทำธุรกิจลงทุนในธุรกิจจัดจำหน่าย นำเข้า ส่งออก ค้าปลีก ค้าส่ง สินค้าอุปโภคบริโภคในสัดส่วน 65% โดยใช้เงินลงทุนราว 1,000 ล้านบาท ซึ่งไทอันมีจุดกระจายสินค้ามากกว่า 1.5 แสนจุดทั่วประเทศ ส่งผลให้บริษัทมีช่องทางการจำหน่ายในเวียดนามเป็น 2 แสนจุดทั่วประเทศ จากเดิมที่มีไทยคอร์ปกระจายสินค้าในเวียดนามราว 5 หมื่นจุด อยู่ก่อนหน้าแล้ว
“บริษัทมีความมั่นใจในศักยภาพของเวียดนามมากที่สุด อีกทั้งการมุ่งขยายการลงทุนในเวียดนาม ส่วนสำคัญคือต้องการให้เป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าไปสู่ภูมิภาคอาเซียนต่อไป ภายใต้ยุทธศาสตร์การกระจายสินค้า และบริการด้านอุปโภคและบริโภค ต่อยอดสินค้าเดิม ตลอดจนสินค้าและบริการด้านอื่นๆ ของบริษัท”
อย่างไรก็ตามบริษัทจะมุ่งหาพันธมิตรเพิ่มช่องทางการกระจายสินค้าอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของเวียดนามนั้น ยังมีการเจรจากับพันธมิตรด้านค้าปลีกเพื่อทำตลาดในเวียดนามต่อด้วย ซึ่งรายละเอียดเกี่ยวกับพันธมิตรรายนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเป็นของไทยหรือเวียดนาม แต่เชื่อว่าภายในสิ้นปีนี้จะเห็นความร่วมมือเกิดขึ้นต่อไป
แผนการลงทุนตลาดในต่างประเทศช่วง 5 ปีนี้ ยังพร้อมใช้งบกว่า 10,000 ล้านบาทตามที่เคยได้กล่าวไว้ โดยจะมุ่งในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านเป็นหลักทั้งลาว เขมร และโดยเฉพาะในเวียดนาม ส่วนพม่านั้น ขณะนี้มีออฟฟิศอยู่แล้ว รอจังหวะในการลงทุนเท่านั้น ส่วนในมาเลเซียก็มีการลงทุนไปบ้างแล้วเช่นกัน กับโรงงานโออีเอ็มผลิตมันฝรั่งทอด และขวดแก้ว ซึ่งมีการจ้างงานกว่า 500 คน
สำหรับการดำเนินงานในประเทศ ปีนี้เตรียมงบลงทุนราว 3,000-4,000 ล้านบาท ใกล้เคียงปีที่ผ่านมา มุ่งเน้นการหาช่องทางกระจายสินค้าใหม่ๆให้มากขึ้น ล่าสุดได้จับมือกับทางซัมซุงและธนาคารกสิกรไทย ในการช่วยกระจายสินค้าแพกเกจ “ธุรกิจใส่กล่อง” ซึ่งเป็นธุรกิจร้านค้ารับบัตร เจาะเอสเอ็มอีรายย่อยของทางธนาคารกสิกรไทย ภายใต้ช่องทางกระจายสินค้าที่มีอยู่ราว 5,000
แห่งทั่วประเทศ
นายอัศวิน กล่าวต่อว่า ถึงสิ้นปีนี้เชื่อว่าภาพรวมรายได้ของบริษัทจะเติบโตขึ้นราว 15% คิดเป็นมูลค่ากว่า 38,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่รวมกับรายได้ที่จะมาจากไทอันอีก 3,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามเฉพาะรายได้จากประเทศเวียดนามนั้น ปีนี้จะได้เห็นทั้งหมดร่วม 10,000 กว่าล้านบาท อันเนื่องมาจากการร่วมทุนกับทางไทอันนั่นเอง จากปีก่อนที่มีรายได้ราว 8,000 กว่าล้านบาท
