“ดีโด้” เดินเกมรุกน้ำผลไม้พร้อมดื่ม เล็งเป้าผู้นำตลาดเออีซี ทุ่มงบรวมพันล้านบาทเสริมแกร่ง ลงทุนด้านการผลิตใหม่ ผุดดีซีใหม่เพียบรับการขยายตัว
นางสาวจันทรา พงศ์ศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟู้ดสตาร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำผลไม้พร้อมดื่ม น้ำผลไม้ผสมโยเกิร์ต น้ำผลไม้ผสมวุ้นมะพร้าว น้ำผลไม้หวานเย็น เยลลี และอื่นๆ ภายใต้แบรนด์ “ดีโด้” เปิดเผยว่า ในปี 2556 บริษัทฯ จะครบ 20 ปี จึงใช้งบประมาณกว่า 100 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปี 2555 เพื่อทำกิจกรรมการตลาด โฆษณาประชาสัมพันธ์ การออกบูท การจัดโรดโชว์ทั่วประเทศ และการสร้างการรับรู้ผ่านทุกช่องทางไปยังกลุ่มเป้าหมาย ทั้งยังจะเปิดตัว “ไอซ์ ศรัณยู” ในฐานะพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ รวมถึงภาพยนตร์โฆษณาซึ่งจะเริ่มออกอากาศครั้งแรกในวันที่ 15 ก.พ. 56
บริษัทพร้อมที่จะก้าวเข้าสู่ AEC ในปี 2558 โดยกำหนดเป้าหมายเป็นหนึ่งในผู้นำผลิตภัณฑ์น้ำผลไม้ในตลาด AEC ด้วยการลงทุน 50 ล้านบาทเพื่อก่อสร้างอาคารศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์แห่งใหม่บนโรงงานที่ อ.สามพราน จ.นครปฐม โดยเชื่อว่าศูนย์วิจัยฯ แห่งนี้จะช่วยยกระดับศักยภาพและขีดความสามารถของบริษัทในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ให้มีความเป็นสากลมากยิ่งขึ้น และลงทุนอีก 50 ล้านบาทพัฒนาโรงงานแห่งที่ 4 ภายในพื้นที่เดิม ซื้อเครื่องจักรใหม่ 2 เครื่องเพิ่มกำลังการผลิต 50% หรือมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 7.5 แสนหีบต่อเดือนจากปัจจุบัน 5 แสนหีบต่อเดือน
นอกจากนั้นจะก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าไปยังประเทศต่างๆ ในกลุ่ม AEC โดยในส่วนของภาคเหนืออาจมี 2 แห่งคือที่ จ.เชียงราย และตาก ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังไม่สรุปที่จังหวัดร้อยเอ็ด มหาสารคาม หรือขอนแก่น ขณะที่ภาคใต้ยังไม่สรุปว่าจะเป็นที่ใดระหว่าง จ.นครศรีธรรมราช หรือสุราษฎร์ธานี โดยใช้งบก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าแต่ละแห่งประมาณ 200 ล้านบาท รวมเป็นงบประมาณทั้งสิ้น 800 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2558
“ปัจจุบันมูลค่ารวมของตลาดน้ำผลไม้มีประมาณกว่า 4 พันล้านบาท ในส่วนของดีโด้มีมาร์เกตแชร์ 37-40% ในปี 2555 มียอดจำหน่ายรวมประมาณ 2 พันล้านบาท แบ่งเป็นการจำหน่ายภายในประเทศ 85% และต่างประเทศ 15% เติบโต 20%” นางสาวจันทรากล่าวเสริม
สำหรับตลาดในกลุ่มประเทศ AEC ที่บริษัทให้ความสนใจคือประเทศเมียนมาร์ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีช่องทางกระจายสินค้าใน 4 เมืองหลัก คือ ย่างกุ้ง มัณฑะเลย์ พุกาม และพะโค มียอดขายปี 2555 ประมาณ 200-300 ล้านบาท หรือประมาณ 8-9% ของยอดจำหน่ายรวม
ส่วนประเทศที่รองลงมาคือ ลาว และกำลังจะเริ่มขยายตลาดในประเทศเวียดนาม และกัมพูชาเป็นลำดับต่อไป ก่อนที่จะขยายให้ครบทุกประเทศในปี 2558 ตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากกลุ่ม AEC เป็น 30%
ในปี 2556 บริษัทตั้งเป้าหมายเติบโต 20% โดยขณะนี้ได้เตรียมแผนการรีแบรนดิ้งตราสินค้า “ดีโด้” ให้แข็งแรงและมีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น เน้นช่องทางโมเดิร์นเทรด และคอนวีเนียนสโตร์มากขึ้น จะผลักดันให้รายได้รวมเติบโต 10% ด้วยงบลงทุนรวมกว่า 1,000 ล้านบาทในปีนี้