ASTVผู้จัดการรายวัน-“พาณิชย์”โวมีคลังกลางเก็บข้าวสารปี 55/56 ได้ถึง 7.1 ล้านตัน ส่วนนาปรังหืดจับ ต้องรอลุ้นรัฐขายข้าวในสต๊อกออกไปก่อนถึงจะมีที่เก็บ ขู่เซอร์เวเยอร์ โกดัง หากพบเรียกเก็บเงินโรงสีค่าเอาข้าวเข้าเก็บ เจอขึ้นบัญชีดำ อดร่วมโครงการอีก
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีคลังกลางที่สามารถรองรับการเก็บสต๊อกข้าวสารที่ได้จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีฤดูกาลผลิต 2555/56 ได้ทั้งหมด 7.1 ล้านตัน แบ่งเป็นคลังกลางที่ได้รับอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการแล้ว 4.2 ล้านตัน คลังกลางที่รอการอนุมัติ 6 แสนตัน และคลังกลางเอกชนที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและจะเข้าร่วมโครงการรับจำนำอีก 2.3 ล้านตันซึ่งหากดูปริมาณข้าวเปลือกนาปีที่เข้าโครงการมาแล้วจำนวน 11 ล้านตัน จะสีแปรเป็นข้าวสารได้ 6.9 ล้านตัน จึงคาดว่าจะเพียงพอต่อการจัดเก็บ
ส่วนคลังกลางที่จะมาใช้เก็บสต๊อกข้าวสารที่ได้จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง 2556 ซึ่งผลผลิตจะออกมาช่วงเดือนพ.ค.-มิ.ย.2556 โดยกระทรวงเกษตรกรและสหกรณ์ประเมินว่าจะมีผลผลิตประมาณ 9.16 ล้านตันข้าวเปลือก หรือสีแปรเป็นข้าวสารได้ประมาณ 5 ล้านตัน จะต้องรอให้มีการระบายข้าวออกจากสต๊อกรัฐบาลไปก่อน เพื่อนำพื้นที่ว่างมาจัดเก็บโดยขณะนี้กรมการค้าต่างประเทศได้แจ้งว่ามีการขายข้าวในสต๊อกเก่าที่ได้จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 2554/55 และนาปรัง 2555 ไปเกือบหมดแล้ว ซึ่งจะมีพื้นที่ว่างในการมาจัดเก็บข้าวได้
สำหรับตัวเลขจำนวนคลังกลางที่มาสมัครจนถึงขณะนี้มีทั้งหมด 327 คลัง มีไซโล 18 แห่ง ทำสัญญาร่วมโครงการแล้ว 263 คลัง ไซโล 16 แห่ง คลังที่เปิดรับข้าวแล้ว 212 คลัง ไซโล 13 แห่ง คลังที่เต็มแล้ว 107 คลัง ไซโล 5 แห่ง และคลังที่ยังว่างอยู่ 105 คลัง ไซโล 8 แห่ง
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรณีที่โรงสีถูกบริษัทตรวจสอบข้าว (เซอร์เวเยอร์) และผู้ประกอบการคลังสินค้า เรียกเก็บเงินค่าข้าวจากโรงสีกระสอบละ 10-12 บาท (ค่าเหยียบแผ่นดิน) แลกกับการตรวจสอบคุณภาพและนำข้าวมาส่งมอบคลังกลางของรัฐโดยเร็วนั้น กระทรวงฯ จะเร่งแก้ไขปัญหา โดยให้โรงสีที่ถูกเรียกเก็บเงินร้องเรียนมายังคณะกรรมการพิจารณาโกดังกลางและกรมการค้าภายใน เพื่อตรวจสอบพฤติกรรมดังกล่าว หากพบว่ามีมูลจะดำเนินคดีอาญา และขึ้นบัญชีดำกับเซอร์เวเยอร์และผู้ประกอบการคลังสินค้ารายนั้น ไม่ให้เข้าร่วมโครงการรับจำนำกับภาครัฐอีก
ทั้งนี้ ยังได้มอบหมายให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) กำหนดเกณฑ์การส่งมอบข้าวจากโรงสีเข้าโกดังกลางใหม่ เพื่อแก้ไขปัญหาเรียกเก็บเงินค่านำข้าวเข้าคลังกลางของรัฐบาล โดยกำหนดว่าโรงสีแต่ละแห่งจะต้องส่งมอบข้าวไปยังคลังกลางแห่งใดบ้างให้ชัดเจน เพื่อเป็นการบังคับให้คลังกลางต้องรับข้าวจำนวนดังกล่าวทันที หากไม่ดำเนินการจะถือว่าผิดคำสั่งของคู่สัญญา คืออคส. เชื่อว่าวิธีบริหารลักษณะนี้ จะลดปัญหาความแออัดหน้าคลังกลางที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง จนเป็นเหตุให้เกิดการเรียกเก็บเงินพิเศษนี้ได้
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีคลังกลางที่สามารถรองรับการเก็บสต๊อกข้าวสารที่ได้จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีฤดูกาลผลิต 2555/56 ได้ทั้งหมด 7.1 ล้านตัน แบ่งเป็นคลังกลางที่ได้รับอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการแล้ว 4.2 ล้านตัน คลังกลางที่รอการอนุมัติ 6 แสนตัน และคลังกลางเอกชนที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและจะเข้าร่วมโครงการรับจำนำอีก 2.3 ล้านตันซึ่งหากดูปริมาณข้าวเปลือกนาปีที่เข้าโครงการมาแล้วจำนวน 11 ล้านตัน จะสีแปรเป็นข้าวสารได้ 6.9 ล้านตัน จึงคาดว่าจะเพียงพอต่อการจัดเก็บ
ส่วนคลังกลางที่จะมาใช้เก็บสต๊อกข้าวสารที่ได้จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง 2556 ซึ่งผลผลิตจะออกมาช่วงเดือนพ.ค.-มิ.ย.2556 โดยกระทรวงเกษตรกรและสหกรณ์ประเมินว่าจะมีผลผลิตประมาณ 9.16 ล้านตันข้าวเปลือก หรือสีแปรเป็นข้าวสารได้ประมาณ 5 ล้านตัน จะต้องรอให้มีการระบายข้าวออกจากสต๊อกรัฐบาลไปก่อน เพื่อนำพื้นที่ว่างมาจัดเก็บโดยขณะนี้กรมการค้าต่างประเทศได้แจ้งว่ามีการขายข้าวในสต๊อกเก่าที่ได้จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 2554/55 และนาปรัง 2555 ไปเกือบหมดแล้ว ซึ่งจะมีพื้นที่ว่างในการมาจัดเก็บข้าวได้
สำหรับตัวเลขจำนวนคลังกลางที่มาสมัครจนถึงขณะนี้มีทั้งหมด 327 คลัง มีไซโล 18 แห่ง ทำสัญญาร่วมโครงการแล้ว 263 คลัง ไซโล 16 แห่ง คลังที่เปิดรับข้าวแล้ว 212 คลัง ไซโล 13 แห่ง คลังที่เต็มแล้ว 107 คลัง ไซโล 5 แห่ง และคลังที่ยังว่างอยู่ 105 คลัง ไซโล 8 แห่ง
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรณีที่โรงสีถูกบริษัทตรวจสอบข้าว (เซอร์เวเยอร์) และผู้ประกอบการคลังสินค้า เรียกเก็บเงินค่าข้าวจากโรงสีกระสอบละ 10-12 บาท (ค่าเหยียบแผ่นดิน) แลกกับการตรวจสอบคุณภาพและนำข้าวมาส่งมอบคลังกลางของรัฐโดยเร็วนั้น กระทรวงฯ จะเร่งแก้ไขปัญหา โดยให้โรงสีที่ถูกเรียกเก็บเงินร้องเรียนมายังคณะกรรมการพิจารณาโกดังกลางและกรมการค้าภายใน เพื่อตรวจสอบพฤติกรรมดังกล่าว หากพบว่ามีมูลจะดำเนินคดีอาญา และขึ้นบัญชีดำกับเซอร์เวเยอร์และผู้ประกอบการคลังสินค้ารายนั้น ไม่ให้เข้าร่วมโครงการรับจำนำกับภาครัฐอีก
ทั้งนี้ ยังได้มอบหมายให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) กำหนดเกณฑ์การส่งมอบข้าวจากโรงสีเข้าโกดังกลางใหม่ เพื่อแก้ไขปัญหาเรียกเก็บเงินค่านำข้าวเข้าคลังกลางของรัฐบาล โดยกำหนดว่าโรงสีแต่ละแห่งจะต้องส่งมอบข้าวไปยังคลังกลางแห่งใดบ้างให้ชัดเจน เพื่อเป็นการบังคับให้คลังกลางต้องรับข้าวจำนวนดังกล่าวทันที หากไม่ดำเนินการจะถือว่าผิดคำสั่งของคู่สัญญา คืออคส. เชื่อว่าวิธีบริหารลักษณะนี้ จะลดปัญหาความแออัดหน้าคลังกลางที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง จนเป็นเหตุให้เกิดการเรียกเก็บเงินพิเศษนี้ได้