“พาณิชย์” เรียกโรงสีและผู้ส่งออกเคลียร์ปัญหาส่งมอบข้าวหอมมะลิล่าช้า หลังผู้ส่งออกโวยถูกเรียกเก็บเงินเพิ่มตันละ 1.5 พันบาท ยันเป็นเรื่องที่ต้องตกลงกันเองหากต้องการข้าวเกรดพรีเมียม เผยล่าสุดจะเซ็นสัญญาส่งมอบล็อตแรกเหลือเพียง 1.43 แสนตัน จากเป้า 2.43 แสนตัน เหตุมีโรงสี 22 รายขอถอนตัว
นางวัชรี วิมุกตายน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมหารือแก้ไขปัญหาการระบายข้าวหอมมะลิ โครงการรับจำนำข้าวเปลือกปี 2555/56 ว่า ได้มีการสอบถามถึงปัญหาในการส่งมอบข้าวหอมมะลิล่าช้าไปยังโรงสีที่เข้าร่วมโครงการ หลังจากมีข่าวว่ามีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากผู้ส่งออกเพิ่มขึ้นตันละ 1,500 บาท ซึ่งจากการตรวจสอบเป็นเรื่องที่ผู้ส่งออกและโรงสีต้องเจรจาตกลงกันเอง หากผู้ส่งออกต้องการข้าวหอมมะลิเกรดพรีเมียมจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงเพิ่มจากปกติที่โรงสีส่งมอบข้าวเข้าโกดังของรัฐที่เป็นข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ซึ่งคาดว่าน่าจะตกลงกันได้ และเริ่มเซ็นสัญญากับองค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ภายในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ มติคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวเมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา เห็นชอบแนวทางการจำหน่ายข้าวหอมมะลิตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2555/56 เพื่อให้ข้าวหอมมะลิฤดูใหม่เข้าสู่ตลาดส่งออกโดยเร็ว ซึ่งผู้ส่งออกสามารถซื้อข้าวโดยตรงจากโรงสี (Ex-milled) ที่จะเสนอราคาซื้อด้วยวิธีการจับคู่กับโรงสีที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมด 90 ราย ปริมาณข้าวหอมมะลิล็อตแรกรวม 2.43 แสนตันจากทั้งหมด 7 แสนตัน และมีผู้ส่งออกเสนอซื้อเข้ามา 27 ราย
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดพบว่าได้มีการอนุมัติจำหน่ายข้าวหอมมะลิตามที่กรมการค้าต่างประเทศได้รับการยืนยันจากสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยเพียง 1.43 แสนตัน เนื่องจากมีโรงสีขอถอนตัว 22 ราย โดยอ้างว่าไม่สามารถรับจำนำข้าวเปลือกจากเกษตรกรเพื่อสีแปรสภาพส่งมอบให้ผู้ส่งออกได้ตามปริมาณที่กำหนด และโรงสีบางแห่งต้องการสีแปรสภาพเข้าโกดังกลางเนื่องจากได้ประโยชน์จากโครงการมากกว่า
สำหรับผู้ส่งออกและโรงสีที่สามารถเจรจาตกลงราคาและปริมาณรับซื้อข้าวหอมมะลิกันได้แล้ว คาดว่าน่าจะเริ่มทยอยวางเงินค้ำประกัน 5% กับกรมการค้าต่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค.เป็นต้นไป
นางวัชรี วิมุกตายน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมหารือแก้ไขปัญหาการระบายข้าวหอมมะลิ โครงการรับจำนำข้าวเปลือกปี 2555/56 ว่า ได้มีการสอบถามถึงปัญหาในการส่งมอบข้าวหอมมะลิล่าช้าไปยังโรงสีที่เข้าร่วมโครงการ หลังจากมีข่าวว่ามีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากผู้ส่งออกเพิ่มขึ้นตันละ 1,500 บาท ซึ่งจากการตรวจสอบเป็นเรื่องที่ผู้ส่งออกและโรงสีต้องเจรจาตกลงกันเอง หากผู้ส่งออกต้องการข้าวหอมมะลิเกรดพรีเมียมจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงเพิ่มจากปกติที่โรงสีส่งมอบข้าวเข้าโกดังของรัฐที่เป็นข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ซึ่งคาดว่าน่าจะตกลงกันได้ และเริ่มเซ็นสัญญากับองค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ภายในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ มติคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวเมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา เห็นชอบแนวทางการจำหน่ายข้าวหอมมะลิตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2555/56 เพื่อให้ข้าวหอมมะลิฤดูใหม่เข้าสู่ตลาดส่งออกโดยเร็ว ซึ่งผู้ส่งออกสามารถซื้อข้าวโดยตรงจากโรงสี (Ex-milled) ที่จะเสนอราคาซื้อด้วยวิธีการจับคู่กับโรงสีที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมด 90 ราย ปริมาณข้าวหอมมะลิล็อตแรกรวม 2.43 แสนตันจากทั้งหมด 7 แสนตัน และมีผู้ส่งออกเสนอซื้อเข้ามา 27 ราย
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดพบว่าได้มีการอนุมัติจำหน่ายข้าวหอมมะลิตามที่กรมการค้าต่างประเทศได้รับการยืนยันจากสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยเพียง 1.43 แสนตัน เนื่องจากมีโรงสีขอถอนตัว 22 ราย โดยอ้างว่าไม่สามารถรับจำนำข้าวเปลือกจากเกษตรกรเพื่อสีแปรสภาพส่งมอบให้ผู้ส่งออกได้ตามปริมาณที่กำหนด และโรงสีบางแห่งต้องการสีแปรสภาพเข้าโกดังกลางเนื่องจากได้ประโยชน์จากโครงการมากกว่า
สำหรับผู้ส่งออกและโรงสีที่สามารถเจรจาตกลงราคาและปริมาณรับซื้อข้าวหอมมะลิกันได้แล้ว คาดว่าน่าจะเริ่มทยอยวางเงินค้ำประกัน 5% กับกรมการค้าต่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค.เป็นต้นไป