ASTVผู้จัดการรายวัน - โฮมโปรฯเดินหน้าผุดสาขาใหม่ในจังหวัดหัวเมืองรอง หลังยึดหัวหาดหัวเมืองใหญ่ครอบคลุมแล้วทั้งประเทศ เผยปี56เตรียมงบลงทุนสาขาใหม่4,000-5,000 ล้านบาท ปูพรมผุดสาขาไม่ต่ำกว่า8สาขา ล่าสุดเปิดตัวสาขาจันทบุรีเอเดือนก.พ.ไปแล้วเป็นสาขาแรก พร้อมลุยผุดต่อในจังหวัด ชุมพร,ปราจีนบุรี,สุราษฎร์ธานี,กาญจนบุรี ส่วนที่เหลือรอเจรจาซื้อที่ดิน แจงปี2555รายได้36,969 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิรวม2,679ล้านบาทเติบโตทั้งยอดขายและกำไรสุทธิจากปีก่อนหน้ากว่า 30%
นายณัฏฐ์ จริตชนะ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มการตลาด บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การขยายตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีที่ผ่านมาและยังคงจะขยายตัวมากขึ้นในปีนี้ ส่งผลให้ดีมานด์สินค้า และวัสดุตกแต่งบ้าน ขยายตัวอย่างมากโดยเฉพาะในปี2556นี้ คาดว่าตลาดรวมจะขยายตัวไม่ต่ำกว่า15% โตกว่าปีที่ผ่านมาค่อนข้างมาก เนื่องจากผู้ประกอบการอสังหาฯมีแผนการลงทุนโครงการใหม่ขึ้นทั้งในพื้นที่กทม.และต่างจังหวัด โดยเฉพาะหัวเมืองใหญ่ซึ่งมีการเกิดใหม่ของโครงการอสังหาฯจำนวนมาก
“นอกจากตลาดในหัวเมืองใหญ่แล้วตลาดในจังหวัดหัวเมืองรองยังมีการขยายตัวของหสังหาฯตามไปด้วย ซึ่งจาการที่บริษัทได้ไปลงทุนเปิดสาขาในหัวเมืองรอง เช่น จังหวัดจันทบุรี ในช่วงต้นเดือนก.พ.ที่ผ่านมาปรากฏว่ามีลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้าจำนวนมาก โดยมียอดขายในช่วงเปิดให้บริการใหม่สูงถึง35 ล้านบาท เหนือกว่าประมาณการที่บริษัทวางไว้”
ดังนั้นในปี2556นี้บริษัทจึงแผนขยายสาใหม่ในจังหวัดหัวเมืองรองเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยเบื้องต้นคาดว่าในปีนี้จะมีการเปิดสาขาใหม่เพิ่มไม่ต่ำกว่า 8สาขา ซึ่งขณะนี้บริษัทได้เตรียมงบลงทุนขยายสาขาใหม่ไว้ 4,000-5,000ล้านบาท โดยได้เปิดสาขาแรกที่จันทบุรีไปแล้วเมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา โดยโฮมโปรสาขาจันทบุรีนั้นมีพืนที่14ไร่ ใช้งบลงทุนรวม485ล้านบาท ส่วนสาขาใหม่ที่กำลังจะเปิดเพิ่มประกอบด้วย สาขาชุมพร สาขาปราจีนบุรี สาขาสุราษฎร์ธานี สาขากาญจนบุรี ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการเจรจาซื้อที่ดิน
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการปิดช่องว่างทางการตลาดในกลุ่มวัสดุก่อสร้างซึ่ง โฮมโปรยังไม่มีสินในหมวดวัสดุก่อสร้างที่ครบถ้วนและครอบคลุมความต้องการของกลุ่มลูกค้าตลาดผู้รับเหมาก่อสร้าง และกลุ่มช่างฝีมือแรงงาน และกลุ่มสินค้าซ่อมแซมบ้าน โดยล่าสุดโฮมโปรฯได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท เมกาโฮม เซ็นเตอร์ จำกัด ซึ่งจะจำหน่ายสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้างในรูปแบบโมเดิร์นเทรดขึ้น โดยมีทุนจดทะเบีน1ล้านบาทและถือหุ้นโดยโฮมโปรฯ99.99%
“เบื้องต้นคาดว่าจะเปิดสาขาให้บริการลูกค้าได้ในช่วงปลายปีนี้ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าจะมีการลงทุนเปิดสาขาใหม่ในปีนี้ทั้งสิ้นกี่สาขา ซึ่งในเบื้องต้นนี้คาดว่าจะเปิดสาขาทั้งในพื้นที่ กทม. และ ต่างจังหวัดไปพร้อมๆกันในปีนี้”
นายณัฎฐ์ กล่าวว่า สำหรับในปีที่ผ่านมา โฮมโปรฯมีรายได้รวมเติบโตเพิ่มขึ้นจากปี2554 ซึ่งมีรายได้รวมที่ 30,502ล้านบาทกว่า30% โดยมีรายได้รวมที่36,969ล้านบาทในปี2555 และมีกำไรสุทธิรวมที่ 2,679 ล้านบาท เพิ่มจากปี2554 ที่มีกำไรสุทธิรวม 2,005ล้านบาทกว่า30% ซึ่งการเติบโตของรายได้และกำไรของบริษัทในปี2555 ที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นเป้นอย่างดีว่าดีมานด์ในกลุ่มสินค้าตกแต่งบ้านยังมีทิศทางการขยายตัวที่สูงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มงานว่อมแซมบ้านหลังผ่านเหตุการน้ำท่วมใหญ่ในปี2554
ส่วนในปี2556นี้บริษัทตั้งเป้าว่าจะมีรายได้จากการขายรวมเติบโตจากปี2555ไม่ต่ำกว่า 15% อย่างไรก็ตามในช่วงเดือนตุลาคม 2555 นี้บริษัทมีแผนจะออกหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 1,174.61ล้านหุ้น โดยมูลค่าที่ตราไว้อยู่ที่หุ้นละ1บาท โดยการออกหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวเพื่อเป้นการรองรับการจ่ายหุ้นปันผล ในสัดส่วน6หุ้นเดิมต่อ1หุ้นใหม่ ซึ่งหลังจากที่มีการจ่ายหุ้นปันผลแล้วจะทำให้ โฮมโปรมีทุนจดทะเบียนเพิ่มเป็น 8,228.19ล้านบาท เพิ่มจากเดิมที่มีทุนจดทะเบียนที่7,053.58ล้านบาท
นายณัฏฐ์ จริตชนะ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มการตลาด บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การขยายตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีที่ผ่านมาและยังคงจะขยายตัวมากขึ้นในปีนี้ ส่งผลให้ดีมานด์สินค้า และวัสดุตกแต่งบ้าน ขยายตัวอย่างมากโดยเฉพาะในปี2556นี้ คาดว่าตลาดรวมจะขยายตัวไม่ต่ำกว่า15% โตกว่าปีที่ผ่านมาค่อนข้างมาก เนื่องจากผู้ประกอบการอสังหาฯมีแผนการลงทุนโครงการใหม่ขึ้นทั้งในพื้นที่กทม.และต่างจังหวัด โดยเฉพาะหัวเมืองใหญ่ซึ่งมีการเกิดใหม่ของโครงการอสังหาฯจำนวนมาก
“นอกจากตลาดในหัวเมืองใหญ่แล้วตลาดในจังหวัดหัวเมืองรองยังมีการขยายตัวของหสังหาฯตามไปด้วย ซึ่งจาการที่บริษัทได้ไปลงทุนเปิดสาขาในหัวเมืองรอง เช่น จังหวัดจันทบุรี ในช่วงต้นเดือนก.พ.ที่ผ่านมาปรากฏว่ามีลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้าจำนวนมาก โดยมียอดขายในช่วงเปิดให้บริการใหม่สูงถึง35 ล้านบาท เหนือกว่าประมาณการที่บริษัทวางไว้”
ดังนั้นในปี2556นี้บริษัทจึงแผนขยายสาใหม่ในจังหวัดหัวเมืองรองเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยเบื้องต้นคาดว่าในปีนี้จะมีการเปิดสาขาใหม่เพิ่มไม่ต่ำกว่า 8สาขา ซึ่งขณะนี้บริษัทได้เตรียมงบลงทุนขยายสาขาใหม่ไว้ 4,000-5,000ล้านบาท โดยได้เปิดสาขาแรกที่จันทบุรีไปแล้วเมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา โดยโฮมโปรสาขาจันทบุรีนั้นมีพืนที่14ไร่ ใช้งบลงทุนรวม485ล้านบาท ส่วนสาขาใหม่ที่กำลังจะเปิดเพิ่มประกอบด้วย สาขาชุมพร สาขาปราจีนบุรี สาขาสุราษฎร์ธานี สาขากาญจนบุรี ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการเจรจาซื้อที่ดิน
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการปิดช่องว่างทางการตลาดในกลุ่มวัสดุก่อสร้างซึ่ง โฮมโปรยังไม่มีสินในหมวดวัสดุก่อสร้างที่ครบถ้วนและครอบคลุมความต้องการของกลุ่มลูกค้าตลาดผู้รับเหมาก่อสร้าง และกลุ่มช่างฝีมือแรงงาน และกลุ่มสินค้าซ่อมแซมบ้าน โดยล่าสุดโฮมโปรฯได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท เมกาโฮม เซ็นเตอร์ จำกัด ซึ่งจะจำหน่ายสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้างในรูปแบบโมเดิร์นเทรดขึ้น โดยมีทุนจดทะเบีน1ล้านบาทและถือหุ้นโดยโฮมโปรฯ99.99%
“เบื้องต้นคาดว่าจะเปิดสาขาให้บริการลูกค้าได้ในช่วงปลายปีนี้ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าจะมีการลงทุนเปิดสาขาใหม่ในปีนี้ทั้งสิ้นกี่สาขา ซึ่งในเบื้องต้นนี้คาดว่าจะเปิดสาขาทั้งในพื้นที่ กทม. และ ต่างจังหวัดไปพร้อมๆกันในปีนี้”
นายณัฎฐ์ กล่าวว่า สำหรับในปีที่ผ่านมา โฮมโปรฯมีรายได้รวมเติบโตเพิ่มขึ้นจากปี2554 ซึ่งมีรายได้รวมที่ 30,502ล้านบาทกว่า30% โดยมีรายได้รวมที่36,969ล้านบาทในปี2555 และมีกำไรสุทธิรวมที่ 2,679 ล้านบาท เพิ่มจากปี2554 ที่มีกำไรสุทธิรวม 2,005ล้านบาทกว่า30% ซึ่งการเติบโตของรายได้และกำไรของบริษัทในปี2555 ที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นเป้นอย่างดีว่าดีมานด์ในกลุ่มสินค้าตกแต่งบ้านยังมีทิศทางการขยายตัวที่สูงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มงานว่อมแซมบ้านหลังผ่านเหตุการน้ำท่วมใหญ่ในปี2554
ส่วนในปี2556นี้บริษัทตั้งเป้าว่าจะมีรายได้จากการขายรวมเติบโตจากปี2555ไม่ต่ำกว่า 15% อย่างไรก็ตามในช่วงเดือนตุลาคม 2555 นี้บริษัทมีแผนจะออกหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 1,174.61ล้านหุ้น โดยมูลค่าที่ตราไว้อยู่ที่หุ้นละ1บาท โดยการออกหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวเพื่อเป้นการรองรับการจ่ายหุ้นปันผล ในสัดส่วน6หุ้นเดิมต่อ1หุ้นใหม่ ซึ่งหลังจากที่มีการจ่ายหุ้นปันผลแล้วจะทำให้ โฮมโปรมีทุนจดทะเบียนเพิ่มเป็น 8,228.19ล้านบาท เพิ่มจากเดิมที่มีทุนจดทะเบียนที่7,053.58ล้านบาท