xs
xsm
sm
md
lg

อย่าให้ทักษิณยึดครอง กทม.

เผยแพร่:   โดย: วิทยา วชิระอังกูร


ผม เป็นคนต่างจังหวัด ที่ไม่มีสิทธิมีเสียงในการลงคะแนนเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แต่ในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่งที่มีส่วนได้เสียกับการเมืองทั้งในระดับประเทศ และระดับท้องถิ่น ที่มีผลทั้งในทางตรงและทางอ้อมต่อการดำรงชีวิตของผมและครอบครัว ผมจึงสนใจใคร่รู้และติดตามการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครครั้งนี้ อย่างใจจดใจจ่อ เพราะตระหนักดีว่า การเมืองท้องถิ่นในระดับกรุงเทพมหานครครั้งนี้ มีความสำคัญต่อความเป็นความตายของประเทศ และผมเชื่ออย่างที่ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชรเชื่อ จนถึงกับประกาศดังๆ ทางสื่อสารมวลชนว่า “เสียกรุงเทพฯ เท่ากับเสียเมืองไทย” เลยทีเดียว 

การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครครั้งที่ 10 ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 3 มีนาคม 2556 นี้ แม้จะมีผู้สมัครเข้ารับการเลือกตั้งมากถึง 25 คน แต่ก็เป็นที่ทราบกันดีว่า แท้ที่จริงเป็นการขับเคี่ยวแข่งขันกันระหว่าง 2 พรรคการเมืองใหญ่ คือ ประชาธิปัตย์ โดย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ที่ได้หมายเลข 16  กับพรรคเพื่อไทย โดย พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ที่ได้หมายเลข 9 โดยมีผู้สมัครอิสระที่พอมีสีสันบ้างสองสามรายเป็นตัวประกอบสอดแทรก ซึ่งประเมินตามพื้นฐานเสียงแล้วก็คงเป็นการยากที่จะเอาชนะพรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรคดังกล่าวได้

การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครครั้งนี้ จึงโฟกัสไปที่การต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายของสองพรรคการเมืองใหญ่ ซึ่งโดยสถานการณ์ในขณะนี้ พรรคประชาธิปัตย์อาจมีแต้มต่อที่ยึดกุมฐานเสียง กทม.ต่อเนื่องกันมาหลายสมัย แต่การตัดสินเลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.คนเดิมลงชิงชัยอีกครั้งหนึ่ง ก็กลับกลายเป็นเปิดช่องให้คู่ต่อสู้จี้จุดข้อบกพร่องในการบริหาร กทม. 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งย่อมมีจุดอ่อนข้อด้อยให้โจมตีทำลายคะแนนได้มากมาย ขณะเดียวกันที่ฝ่ายพรรคเพื่อไทย ก็มีข้อได้เปรียบในการครองอำนาจรัฐ เป็นรัฐบาลที่มีอำนาจในการให้คุณให้โทษเครือข่ายต่างๆ ทั้งในวงการราชการและวงการธุรกิจเอกชน รวมทั้งสื่อสารมวลชนจำนวนไม่น้อยที่ถูกเทกโอเวอร์จนกลายเป็นสื่อในสังกัดไปแล้ว ซึ่งย่อมมีผลต่อการเนรมิตเพิ่มคะแนนเสียงทั้งทางตรงและทางอ้อมไม่มากก็น้อย

ในช่วงโค้งสุดท้ายของการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ครั้งนี้ ว่ากันว่าทั้งสองพรรคยังขับเคี่ยวกันอย่างสูสีคู่คี่ ถ้าเปรียบเป็นม้าแข่ง ก็ยังหายใจรดต้นคอกัน และอาจถึงขั้นต้องตัดสินกันด้วยภาพถ่ายที่เส้นชัยเลยทีเดียว นี่ว่ากันตามเสียงเชียร์และโพลต่างๆ ที่ทำกันจนเลอะเทอะ และออกอาการว่า จะเป็นโพลรับจ้าง โพลนั่งเทียนที่ชักจะเชื่อถือกันไม่ได้แล้ว ในมุมมองของผมเอง กลับเห็นว่า “การเสียกรุง” อย่างที่ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร เป็นห่วงเป็นใยมีโอกาสที่จะเป็นไปได้สูง เพราะคะแนนเสียงของประชาธิปัตย์ที่เป็นฐานเสียงของตัวเองกับที่เคยได้รับอานิสงส์จากประชาชนในฟากฝั่งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มเสื้อหลากสีที่กระจัดกระจายออกไปหลายกลุ่ม อาจถูกแบ่งแยกคะแนนเสียงออกไปให้แก่ผู้สมัครอิสระบางคนบางส่วน เพราะกองทัพธรรมแห่งสำนักสันติอโศกก็ขึ้นป้ายประกาศสนับสนุน พล.ต.อ.เสรีพิสุทธ์ เตมียาเวส อย่างเปิดเผย ฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล หัวเรือใหญ่ ก็ประกาศไม่เอาทั้งเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ เพราะเข็ดหลาบกับการเล่นการเมืองแบบน้ำเน่าไม่สร้างสรรค์ทั้งสองฝ่าย คะแนนเสียงที่เคยรวมกันเป็นปึกแผ่นให้ประชาธิปัตย์ เมื่อถูกแบ่งแยกกระจัดกระจายออกไปเช่นนี้ ย่อมมีโอกาสที่จะพ่ายแพ้เสียทีแก่พรรคเพื่อไทยที่มีฐานเสียงคนเสื้อแดงเดิม บวกกับการใช้เงินและอำนาจรัฐรวบรวมเพิ่มเติมมาได้อีก

การคาดการณ์ที่เป็นไปได้มากนี้ ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการฝ่ายที่ต่อต้านระบอบทักษิณอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู ถึงกับเขียนเรียกร้องคนกรุงเทพฯ ไว้ในเฟซบุ๊กแบบทิ้งทวนว่า  “......ปราการด่านสุดท้ายที่เหลืออยู่ เราต้องถามตัวเองว่าจะลงคะแนนให้ใครที่จะทำให้พงศพัศไม่ได้เป็นผู้ว่าฯ คำตอบก็คือคุณชายสุขุมพันธุ์ หมายเลข 16 เพราะถ้าหากเลือกเบอร์อื่น ฐานเสียงของ ปชป.ที่มีประมาณ 900,000 อาจจะลดลงต่ำกว่า 600,000 ที่เป็นฐานเสียงของเพื่อไทย หลายคนอาจจะชอบคนอื่น แต่อยากให้คิดให้ดีว่าคนที่เราชอบมีสิทธิ์ชนะไหม มีฐานเสียงที่จะสู้คนของ ปชป.หรือเพื่อไทยหรือไม่ ถ้าเลือกไปนอกจากจะไม่ชนะแล้ว ยังอาจจะทำให้พงศพัศชนะอีกด้วย คุณชายอาจจะไม่ใช่ผู้ว่าฯ กทม.ที่เลอเลิศระดับอุดมคติ แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายถึงขนาดที่เราจะต้องยอมให้คนของเพื่อไทยที่อยู่ใต้การกำกับของนักโทษชายทักษิณยึดครองกรุงเทพฯ ซึ่งหมายถึงการยึดครองประเทศไทยด้วย

การที่เรามองว่าคุณชายไม่ใช่ผู้ว่าฯ กทม.ในอุดมคติ แต่ก็ไม่ถึงกับเลวร้าย แล้วลงคะแนนให้เบอร์ 16 นั้นในทางการเมืองเรียกว่าเป็น Vote Against หมายถึงการลงคะแนนเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งรายหนึ่งชนะซึ่งในกรณีนี้ก็คือไม่ต้องการให้เบอร์ 9 ชนะ ถือว่าเป็น Strategic Vote คือการลงคะแนนเสียงเชิงยุทธศาสตร์เพื่อป้องกันไม่ให้คนที่เราไม่ต้องการชนะ ไม่ได้ฝืนใจใครให้เลือกเบอร์ 16 เพียงเสนอความคิดเห็นอันเป็นตรรกะเชิงยุทธศาสตร์ ใครเห็นด้วยก็ช่วยกัน ใครไม่เห็นด้วยเสนอความคิดเห็นแย้งได้…..”

ผมเองยอมรับว่าโดยส่วนตัวชิงชังพรรคเพื่อไทย แต่ก็ไม่เคยพิสมัยพรรคประชาธิปัตย์ เอาเป็นว่า รับไม่ได้กับระบอบการเมืองและนักการเมืองไทยโดยรวมก็แล้วกัน แต่เมื่อยังจำเป็นต้องอยู่กับระบอบโสโครกและคนเส็งเคร็งอย่างไม่มีทางเลือก เช่นทุกวันนี้ ก็อยากจะร่วมเรียกร้องให้คนกรุงเทพฯ ที่รักความเป็นธรรม อย่าเอาหัวชนฝา อย่าปิ้งปลาประชดแมว แต่ต้องต่อสู้กับระบอบทักษิณอย่างมียุทธศาสตร์และยุทธวิธีอย่างเอาชนะได้ ดีกว่าเอาสะใจแต่เพียงอย่างเดียว ซึ่งผลที่สุดเมื่อทักษิณชักหุ่นขึ้นยึดครองกรุงเทพฯ ได้ ก็จะพากันมานั่งเสียอกเสียใจภายหลัง  

กำลังโหลดความคิดเห็น