ASTVผู้จัดการรายวัน-พศ.ติงตั้งพระพายัพเป็นพระครูปลัดฯ ลั่นไม่เหมาะสม ชี้คุณสมบัติยังไม่ถึง วอนสมเด็จพระธีรญาณมุนีแจงเหตุผลด่วน!!! หวั่นกระทบการเมือง-ภาพลักษณ์วงการสงฆ์ ด้าน “ชวนนท์” จี้ สนง.พระพุทธศาสนาฯ แจงตั้ง “พายัพ” พระครูปลัดฟาสต์แทร็ก หวั่นทำศาสนาเสื่อม จวกตระกูลชินวัตรแทรกแซงทุกเรื่องไม่เว้นศาสนา
สืบเนื่องมาจาก นายพายัพ ชินวัตร น้องชายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางไปอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่วัดป่าพุทธคยา ประเทศอินเดีย โดยได้รับฉายาว่าพระพายัพ เขมะคุโณ พร้อมกันนี้ได้มีกำหนดลาสิกขาวันที่ 11 มีนาคมนี้ ซึ่งได้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กรณีสมเด็จพระธีรญาณมุนี เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส แต่งตั้งพระพายัพ ภายหลังจากการอุปสมบทให้เป็นพระฐานานุกรมในตำแหน่ง "พระครูปลัดสัมพิพัฒน์ญาณจารย์" โดยการแต่งตั้งครั้งนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก เนื่องจากตามธรรมเนียมปฏิบัติพระสงฆ์ที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นพระฐานานุกรมต้องอุปสมบทมาแล้วไม่น้อยกว่า 10 พรรษา แต่พระพายัพ เพิ่งจะบวชได้ไม่ครบ 2 สัปดาห์
แหล่งข่าวระดับสูงสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า การแต่งตั้งพระพายัพ เขมะคุโณ เป็นพระฐานานุกรมในตำแหน่งพระครูปลัดสัมพิพัฒน์ญาณจารย์เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม แม้ว่าในความเป็นจริงพระที่มีสมณศักดิ์สูงอย่าง เช่น สมเด็จพระราชาคณะหรือรองสมเด็จฯ สามารถแต่งตั้งพระฐานานุกรมหรือที่เรียกว่าพระครูปลัดเองได้ก็ตาม แต่การแต่งตั้งแต่ละครั้งต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมและคุณสมบัติด้วย ในกรณีการแต่งตั้งดังกล่าวจึงถือว่าไม่เหมาะสมจริงๆ เพราะเท่าที่ทราบพระพายัพ เขมะคุโณ บวชยังไม่ถึงพรรษา หากดูที่คุณสมบัติก็ยังไม่รู้ว่าได้ทำคุณประโยชน์อะไรให้พระพุทธศาสนาบ้าง และมีความรู้เหมาะสมกับตำแหน่งที่จะแต่งตั้งหรือไม่
“ จึงไม่แปลกที่การแต่งตั้งครั้งนี้จึงทำให้คนมองว่าพระผู้ใหญ่ทำไปโดยไม่คิดถึงผลกระทบที่ตามมาและมีนัยยะทางการเมือง ผลร้ายที่สุดที่ตามมาก็คือจะไปกระทบถึงตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คนจะนำประเด็นไปใช้โจมตีในทางการเมือง ซ้ำร้ายอาจจะมองวงการสงฆ์ในแง่ร้ายว่าพระเป็นสีนั้นสีนี้ก็เป็นได้ กรณีนี้ต้องรอให้สมเด็จพระธีรญาณมุนี ออกมาชี้แจงและแก้ไขเอง ซึ่งจะเดินกลับจากอินเดียวันที่ 23 กุมภาพันธ์” แหล่งข่าวระดับสูง พศ. กล่าว
ด้าน นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการพุทธศาสนา (พศ.) แสดงความเห็นว่า การแต่งตั้งพระฐานานุกรมอยู่ในการวินิจฉัยของเจ้าคณะปกครองที่มีอำนาจโดยตรง ขณะนี้สมเด็จพระธีรญาณมุนี ยังอยู่ระหว่างการเดินทางไปต่างประเทศ คงต้องรอให้ท่านกลับมาเพื่อขอความชัดเจนเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม การแต่งตั้งพระฐานานุกรมตามหลักการแล้ว ฐานานุกรมคือ สมณฐานันดร ที่แต่งตั้งโดยพระบรมราชานุญาติ หรือโดยพระบรมราชโองการ โปรดพระราชทานให้พระสงฆ์ผู้ดำรงสมณฐานันดรศักดิ์ ตั้งแต่พระราชาคณะชั้นสามัญขึ้นไป หรือที่มีตำแหน่งในทางปกครองคณะสงฆ์แล้วแต่กรณีให้มีศักดิ์ และสิทธิในการแต่งตั้งพระฐานานุกรม เพื่อทำหน้าที่เป็นคณะทำงานหรือเลขานุการพระสงฆ์ผู้แต่งตั้ง
นายนพรัตน์ กล่าวว่า ส่วนจำนวนมากหรือน้อยตามแต่อิสริยศที่ได้รับพระราชทานหรือตามตำแหน่งที่ได้รับการแต่งตั้ง ซึ่งถือว่าพระมหากษัตริย์ ได้พระราชทานความไว้วางพระราชหฤทัย ให้พระสงฆ์ผู้ทรงสมณศักดิ์เป็นผู้พิจารณาคัดเลือกพระสงฆ์ที่มีความมั่นคงในสมณปฏิบัติ มีศีลาจารวัตรเป็นที่น่าศรัทธาเลื่อมใสมาแต่งตั้งให้ดำรงพระฐานานุกรม โดยการแต่งตั้งพระฐานานุกรมไม่มีหลักเกณฑ์ปฏิบัติ เพราะฉะนั้นการที่จะได้ตั้งผู้ใดให้มาดำรงตำแหน่งฐานานุกรมในตำแหน่งต่างๆ นั้น อยู่ที่ดุลพินิจของที่จะแต่งตั้ง สำหรับจำนวนการแต่งตั้งพระฐานานุกรมนั้น ประกอบไปด้วย 1. สมเด็จพระราชาคณะ ตั้งพระฐานานุกรมได้ 10 รูป 2.รองสมเด็จพระราชาคณะ ตั้งได้ 8 รูป 3.พระราชาคณะ ชั้นธรรม ตั้งได้ 6 รูป 4.พระราชาคณะ ชั้นเทพ ตั้งได้ 5 รูป 5.พระราชาคณะ ชั้น ราช ตั้งได้ 4 รูป และ 6.พระราชาคณะชั้นสามัญ ตั้งได้ 3 รูป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สมเด็จพระธีรญาณมุนี พร้อมด้วยคณะญาติโยม ได้เดินทางไปทอดผ้าป่าสามัคคีในการจัดสร้างอาคารเรียนที่มหาวิทยาลัยบีเอ็นเอช ที่เมืองพาราณสี อินเดีย มีผู้มีจิตศรัทธาร่วมทำบุญครั้งนี้ประมาณ 9 ล้านบาท ซึ่งการเดินทางครั้งนี้สมเด็จพระธีรญาณมุนี เดินทางมาตามโครงการบวชและเดินทางมาสักการะสังเวชนียสถานในประเทศอินเดีย
**ปชป.หวั่นทำศาสนาเสื่อม
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเรื่องที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กรณีพระพายัพ (พายัพ ชินวัตร) ได้รับการแต่งตั้งจากสมเด็จพระธีรญาณมุนี เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส ให้เป็นพระฐานานุกรมในตำแหน่งพระครูปลัดสัมพิพัฒน์ญาณจารย์นั้น ว่า เรื่องนี้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรออกมาชี้แจง และทำความเข้าใจถึงกรณีดังกล่าวเพราะหากไม่มีการชี้แจงจะทำให้ศาสนาเสื่อมเสีย เรื่องนี้ควรทำให้เป็นเรื่องศาสนา ไม่ควรเอาการเมืองไปเกี่ยวข้อง หรือใช้อำนาจแทรกแซง เพราะตระกูลชินวัตรแทรกแซงทุกเรื่องที่เป็นเรื่องทางโลกแล้ว ก็ควรละเว้นเรื่องศาสนาไว้บ้าง ทังนี้ตนขอเรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องรีบออกมาชี้แจงเพื่อไม่ให้ศาสนาเสื่อมเสีย