ชาวกรุงเก่าสุดเศร้า "เจ้าคล้าว" กระบือประทานถูกเชือด จี้ตำรวจดำเนินคดีคนร้ายขั้นรุนแรง ด้านผู้ต้องหาสารภาพไม่รู้เป็นควายที่พระเจ้าหลานเธอฯ ทรงไถ่ชีวิตมาจากโรงฆ่าสัตว์ "ทองกวาว" โผล่เชียงรายรอดตายหวุดหวิด จนท.เร่งช่วยได้ทันก่อนถูกเชือดตาม "เจ้าคล้าว" ผู้ว่าฯกรุงเก่า ตำรวจ เจ้าอาวาสวัดโตนดเตี้ย เดินทางไปรับภูมิลำเนา
ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีกลุ่มคนร้ายใช้รถกระบะนิสสันสีขาว เข้ามาก่อเหตุลักกระบือเพศผู้ชื่อคล้าว และเพศเมียชื่อทองกวาว ทั้งสองตัว อายุ 5 ปี ภายในวัดโตนดเตี้ย หมู่ 4 ต.อุทัย อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งกระบือทั้งสองตัวเป็นกระบือที่พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงไถ่ชีวิตมาจากโรงฆ่าสัตว์ใน อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา และประทานให้ทางวัดเลี้ยง มาตั้งแต่ปี 51 โดยเหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา
ต่อมาเมื่อเช้าวานนี้ (17 ก.พ.) ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พล.ต.ต.กรเอก เพชรไชยเวส ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ได้เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน และพนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการ มาประชุม เพื่อหาข้อกฎหมายที่จะเอาผิดกับกลุ่มผู้ต้องหาที่ร่วมในการกระทำผิดลักควายและกลุ่มผู้รับซื้อควายโรงฆ่าสัตว์ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งขณะนี้ได้ติดตามจับกุมตัวผู้กระทำความผิดได้ผู้ต้องหาที่เข้าไปลักควายจากวัดโตนดเตี้ยได้ 2 คน คือ นายทองแดง หรือจ้อย สินสิบ อายุ 50 ปี และนายสุระชัย หรือใหญ่ สุดา อายุ 32 ปี ทั้ง 2 คนเป็นชาว จ.สระแก้ว และเชิญตัวผู้รับซื้อ เจ้าของโรงเชือดที่มีส่วนเกี่ยวข้องอีก 5 คน มาสอบสวน
นายสุระชัย หรือใหญ่ สุดา ผู้ต้องหาสารภาพว่า ในวันเกิดเหตุตนได้รับการติดต่อจากนายเตี้ย ให้ไปเอาควายที่ข้างวัดโตนดเตี้ย เนื่องจากมีการตกลงซื้อขายควายกันแล้ว ซึ่งตนมีอาชีพรับจ้างขนวัวควายอยู่แล้วจึงรับงาน เมื่อเดินทางไปถึงพบนายเตี้ย และนายจ้อย สินสิบ จึงได้ช่วยกันนำควายขึ้นรถ โดยนายจ้อย เป็นคนจูงควาย ส่วนตนทำหน้าที่เป็นคนขับ หลังจากนั้นได้ขับรถรถยนต์กระบะมุ่งหน้าไปทาง อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา มุ่งหน้าไป อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี ไปจนถึง อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี และนำควายปล่อยกินหญ้าและอาบน้ำทำความสะอาด จากนั้นนายเตี้ย ได้มารับควายไปขายให้กับนายน้อย ไม่ทราบนามสกุลในราคาคู่ละ 65,000 บาท โดยนายเตี้ย ได้แบ่งเงินให้ตน 25,000 บาท ให้นายจ้อย 15,000 บาท ที่เหลือเป็นของนายเตี้ย จากนั้นได้แยกย้ายกัน
"มารู้ที่หลังว่าเป็นควายของวัดและยังเป็นควายประทาน ผมรู้สึกตกใจและพยายามติดต่อนายเตี้ย และผู้ที่รับซื้อควาย แต่ติดต่อไม่ได้จนมาถูกจับกุม รู้สึกเสียใจปกติถ้ารู้ว่าเป็นควายวัดจะไม่ยอมไปขนวัวควาย อยากไปกราบขออภัยจากเจ้าอาวาสและพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา"
ด้านนางสมพิศ เป้าบ้านเซ้า อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20/1 ถนนประชาตาคลี อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ เจ้าของโรงฆ่าสัตว์ เปิดเผยว่า ตนไม่รู้ว่าควายชื่อคล้าวเป็นควายที่ถูกขโมยมาจากวัดโตนดเตี้ยและเป็นควายที่พระองค์ภาฯ ประทานให้กับวัด เพราะปกติถ้าเป็นควายวัดหรือลักขโมยมาถ้าโรงงานฆ่าสัตว์จะไม่รับซื้อเด็ดขาด สำหรับควายตัวนี้ซื้อมาจากนายเขียว เป็นพ่อค้าควายอยู่ใน จ.ชัยนาท ในราคา 47,000 บาทรู้สึกเสียใจที่เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ ตนประกอบอาชีพเกี่ยวกับโรงฆ่าสัตว์มาประมาณ 20 ปี ไม่มีปัญหามีใบอนุญาตถูกต้อง
พล.ต.ต.กรเอก กล่าวว่า ชุดสืบสวนได้ตรวจยึดเจ้าคล้าว มาจากโรงเชือดใน อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ มาส่งมอบให้กับพระครูเกษมพัฒนาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดโตนดเตี้ย เมื่อเวลา 03.00 น.วานนี้ (17 ก.พ.) ส่วนเจ้าทองกวาว ขณะนี้เจ้าหน้าที่ติดตามพบแล้วยังมีชีวิตอยู่ภายในหมู่บ้านใน อ.เชียงของ จ.เชียงราย ซึ่งนายฮ่อน ไชยสี พ่อค้าควาย อำเภอเชียงของ จ.เชียงราย ได้ซื้อเอาไว้และได้ประสานงานกับตำรวจ สภ.เชียงของ ให้อายัดตัวไว้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างนำตัวกลับมาที่ จ.พระนครศรีอยุธยา
ด้านบรรยากาศที่วัดโตนดเตี้ย ตั้งแต่ช่วงเช้ามีชาวบ้านเดินทางมาดูซากศพเจ้าคล้าว ตลอดทั้งวัน ที่นำมาตั้งเอาไว้ที่บริเวณหลังวัดใกล้กับคอกควายของวัด ควายที่อยู่ในคอกทั้ง 8 ตัว ซึ่งมีลูกของเจ้าคล้าว อยู่ในคอกด้วย เศร้าสลดไม่ส่งเสียงร้องเหมือนทุกวันนอนนิ่งเงียบมองเจ้าคล้าวที่เสียชีวิตแล้ว
นางสมวงษ์ กุมุท อายุ 60 ปี บ้านอยู่ใก้ลกับวัด เปิดเผยว่า ได้มาทำบุญทุกวันพระที่วัดอยู่ตลอดพบควายประทานเดินไปมาอยู่ในวัด แต่มาถึงวันนี้ควายที่เคยเห็นถูกฆ่าตายชาวบ้านและตนรู้สึกเสียใจไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์ ต้องชมเชยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จับกุมคนร้ายได้ ขอให้ลงโทษอย่างหนักยังดีที่ทองกวาวยังไม่ตาย เห็นลูกทั้งสองตัวของคล้าวและทองกวาวส่งเสียงร้องมาหลายวันตั้งแต่หายไปจากวัด สงสารมันแต่วันนี้ลุกควายนอนนิ่งเหมือนรู้ว่าคล้าวกลับมา
ด้านนายฮ่อน ไชยสี พ่อค้าควาย อำเภอเชียงของ จ.เชียงราย เปิดเผยว่า ตนได้เดินทางไปซื้อควายที่ตลาดนัด อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี พร้อมกับนายจำรัส แก่นดี ชาวบ้านดอนศิลา อ.เวียงชัย จ.เชียงราย โดยใช้รถบรรทุกหกล้อไป ซึ่งสามารถหาซื้อได้ 4 ตัว เฉลี่ยตัวละ 30,000 บาท สำหรับเจ้าทองกวาว ซื้อมาในราคา 28,000 บาท เมื่อได้แล้วก็เดินทางกลับ อ.เชียงของ ถึงเช้ามืดวันที่ 16 ก.พ.56 เพื่อเตรียมจะนำมาเลี้ยงต่อเป็นแม่พันธุ์ให้ลูกหลาน แต่ยังไม่ทันได้ดำเนินการใดๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็เข้ามาตรวจสอบ ซึ่งตนยืนยันว่า ไม่รู้เรื่องมาก่อนว่าควายดังกล่าวคือเจ้าทองกวาว ถ้ารู้ก็คงจะไม่ซื้อมาแน่นอน และเมื่อทราบเจ้าของกวาว เป็นควายที่พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงไถ่ชีวิตมาจากโรงฆ่าสัตว์ใน อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา ตนก็พร้อมคืนควายให้แก่ทางวัดและตกลงคืนเงินซื้อขายกับคนขายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเจ้าทองกวาวเป็นควายตัวเมียคู่กับเจ้าคล้าวที่ถูกขโมยไป แต่เจ้าคล้าวถูกคนรับซื้อนำไปขายเชือดไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนเจ้าทองกวาว นอกจากจะรอดชีวิตแล้วการที่ถูกขนส่งมาไกลและมัดเอาไว้ไม่ได้ทำให้มีท่าทีอิดโรยแต่อย่างใด กลับมีท่าทีที่กระปรี้กระเปร่า รวมทั้งตามลำตัวและอวัยวะต่างๆ ก็ไม่ได้มีร่องรอยบาดแผลใดๆ.
ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีกลุ่มคนร้ายใช้รถกระบะนิสสันสีขาว เข้ามาก่อเหตุลักกระบือเพศผู้ชื่อคล้าว และเพศเมียชื่อทองกวาว ทั้งสองตัว อายุ 5 ปี ภายในวัดโตนดเตี้ย หมู่ 4 ต.อุทัย อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งกระบือทั้งสองตัวเป็นกระบือที่พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงไถ่ชีวิตมาจากโรงฆ่าสัตว์ใน อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา และประทานให้ทางวัดเลี้ยง มาตั้งแต่ปี 51 โดยเหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา
ต่อมาเมื่อเช้าวานนี้ (17 ก.พ.) ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พล.ต.ต.กรเอก เพชรไชยเวส ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ได้เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน และพนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการ มาประชุม เพื่อหาข้อกฎหมายที่จะเอาผิดกับกลุ่มผู้ต้องหาที่ร่วมในการกระทำผิดลักควายและกลุ่มผู้รับซื้อควายโรงฆ่าสัตว์ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งขณะนี้ได้ติดตามจับกุมตัวผู้กระทำความผิดได้ผู้ต้องหาที่เข้าไปลักควายจากวัดโตนดเตี้ยได้ 2 คน คือ นายทองแดง หรือจ้อย สินสิบ อายุ 50 ปี และนายสุระชัย หรือใหญ่ สุดา อายุ 32 ปี ทั้ง 2 คนเป็นชาว จ.สระแก้ว และเชิญตัวผู้รับซื้อ เจ้าของโรงเชือดที่มีส่วนเกี่ยวข้องอีก 5 คน มาสอบสวน
นายสุระชัย หรือใหญ่ สุดา ผู้ต้องหาสารภาพว่า ในวันเกิดเหตุตนได้รับการติดต่อจากนายเตี้ย ให้ไปเอาควายที่ข้างวัดโตนดเตี้ย เนื่องจากมีการตกลงซื้อขายควายกันแล้ว ซึ่งตนมีอาชีพรับจ้างขนวัวควายอยู่แล้วจึงรับงาน เมื่อเดินทางไปถึงพบนายเตี้ย และนายจ้อย สินสิบ จึงได้ช่วยกันนำควายขึ้นรถ โดยนายจ้อย เป็นคนจูงควาย ส่วนตนทำหน้าที่เป็นคนขับ หลังจากนั้นได้ขับรถรถยนต์กระบะมุ่งหน้าไปทาง อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา มุ่งหน้าไป อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี ไปจนถึง อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี และนำควายปล่อยกินหญ้าและอาบน้ำทำความสะอาด จากนั้นนายเตี้ย ได้มารับควายไปขายให้กับนายน้อย ไม่ทราบนามสกุลในราคาคู่ละ 65,000 บาท โดยนายเตี้ย ได้แบ่งเงินให้ตน 25,000 บาท ให้นายจ้อย 15,000 บาท ที่เหลือเป็นของนายเตี้ย จากนั้นได้แยกย้ายกัน
"มารู้ที่หลังว่าเป็นควายของวัดและยังเป็นควายประทาน ผมรู้สึกตกใจและพยายามติดต่อนายเตี้ย และผู้ที่รับซื้อควาย แต่ติดต่อไม่ได้จนมาถูกจับกุม รู้สึกเสียใจปกติถ้ารู้ว่าเป็นควายวัดจะไม่ยอมไปขนวัวควาย อยากไปกราบขออภัยจากเจ้าอาวาสและพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา"
ด้านนางสมพิศ เป้าบ้านเซ้า อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20/1 ถนนประชาตาคลี อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ เจ้าของโรงฆ่าสัตว์ เปิดเผยว่า ตนไม่รู้ว่าควายชื่อคล้าวเป็นควายที่ถูกขโมยมาจากวัดโตนดเตี้ยและเป็นควายที่พระองค์ภาฯ ประทานให้กับวัด เพราะปกติถ้าเป็นควายวัดหรือลักขโมยมาถ้าโรงงานฆ่าสัตว์จะไม่รับซื้อเด็ดขาด สำหรับควายตัวนี้ซื้อมาจากนายเขียว เป็นพ่อค้าควายอยู่ใน จ.ชัยนาท ในราคา 47,000 บาทรู้สึกเสียใจที่เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ ตนประกอบอาชีพเกี่ยวกับโรงฆ่าสัตว์มาประมาณ 20 ปี ไม่มีปัญหามีใบอนุญาตถูกต้อง
พล.ต.ต.กรเอก กล่าวว่า ชุดสืบสวนได้ตรวจยึดเจ้าคล้าว มาจากโรงเชือดใน อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ มาส่งมอบให้กับพระครูเกษมพัฒนาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดโตนดเตี้ย เมื่อเวลา 03.00 น.วานนี้ (17 ก.พ.) ส่วนเจ้าทองกวาว ขณะนี้เจ้าหน้าที่ติดตามพบแล้วยังมีชีวิตอยู่ภายในหมู่บ้านใน อ.เชียงของ จ.เชียงราย ซึ่งนายฮ่อน ไชยสี พ่อค้าควาย อำเภอเชียงของ จ.เชียงราย ได้ซื้อเอาไว้และได้ประสานงานกับตำรวจ สภ.เชียงของ ให้อายัดตัวไว้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างนำตัวกลับมาที่ จ.พระนครศรีอยุธยา
ด้านบรรยากาศที่วัดโตนดเตี้ย ตั้งแต่ช่วงเช้ามีชาวบ้านเดินทางมาดูซากศพเจ้าคล้าว ตลอดทั้งวัน ที่นำมาตั้งเอาไว้ที่บริเวณหลังวัดใกล้กับคอกควายของวัด ควายที่อยู่ในคอกทั้ง 8 ตัว ซึ่งมีลูกของเจ้าคล้าว อยู่ในคอกด้วย เศร้าสลดไม่ส่งเสียงร้องเหมือนทุกวันนอนนิ่งเงียบมองเจ้าคล้าวที่เสียชีวิตแล้ว
นางสมวงษ์ กุมุท อายุ 60 ปี บ้านอยู่ใก้ลกับวัด เปิดเผยว่า ได้มาทำบุญทุกวันพระที่วัดอยู่ตลอดพบควายประทานเดินไปมาอยู่ในวัด แต่มาถึงวันนี้ควายที่เคยเห็นถูกฆ่าตายชาวบ้านและตนรู้สึกเสียใจไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์ ต้องชมเชยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จับกุมคนร้ายได้ ขอให้ลงโทษอย่างหนักยังดีที่ทองกวาวยังไม่ตาย เห็นลูกทั้งสองตัวของคล้าวและทองกวาวส่งเสียงร้องมาหลายวันตั้งแต่หายไปจากวัด สงสารมันแต่วันนี้ลุกควายนอนนิ่งเหมือนรู้ว่าคล้าวกลับมา
ด้านนายฮ่อน ไชยสี พ่อค้าควาย อำเภอเชียงของ จ.เชียงราย เปิดเผยว่า ตนได้เดินทางไปซื้อควายที่ตลาดนัด อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี พร้อมกับนายจำรัส แก่นดี ชาวบ้านดอนศิลา อ.เวียงชัย จ.เชียงราย โดยใช้รถบรรทุกหกล้อไป ซึ่งสามารถหาซื้อได้ 4 ตัว เฉลี่ยตัวละ 30,000 บาท สำหรับเจ้าทองกวาว ซื้อมาในราคา 28,000 บาท เมื่อได้แล้วก็เดินทางกลับ อ.เชียงของ ถึงเช้ามืดวันที่ 16 ก.พ.56 เพื่อเตรียมจะนำมาเลี้ยงต่อเป็นแม่พันธุ์ให้ลูกหลาน แต่ยังไม่ทันได้ดำเนินการใดๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็เข้ามาตรวจสอบ ซึ่งตนยืนยันว่า ไม่รู้เรื่องมาก่อนว่าควายดังกล่าวคือเจ้าทองกวาว ถ้ารู้ก็คงจะไม่ซื้อมาแน่นอน และเมื่อทราบเจ้าของกวาว เป็นควายที่พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงไถ่ชีวิตมาจากโรงฆ่าสัตว์ใน อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา ตนก็พร้อมคืนควายให้แก่ทางวัดและตกลงคืนเงินซื้อขายกับคนขายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเจ้าทองกวาวเป็นควายตัวเมียคู่กับเจ้าคล้าวที่ถูกขโมยไป แต่เจ้าคล้าวถูกคนรับซื้อนำไปขายเชือดไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนเจ้าทองกวาว นอกจากจะรอดชีวิตแล้วการที่ถูกขนส่งมาไกลและมัดเอาไว้ไม่ได้ทำให้มีท่าทีอิดโรยแต่อย่างใด กลับมีท่าทีที่กระปรี้กระเปร่า รวมทั้งตามลำตัวและอวัยวะต่างๆ ก็ไม่ได้มีร่องรอยบาดแผลใดๆ.