xs
xsm
sm
md
lg

ชาวกรุงเก่ากว่า 500 คนร่วมฝังร่าง “เจ้าคล้าว” (ชมคลิป)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พระนครศรีอยุธยา - ประชาชนชาวกรุงเก่ากว่า 500 คนร่วมพิธีฝังร่าง “เจ้าคล้าว” กระบือที่พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงไถ่ชีวิตมาจากโรงฆ่าสัตว์ และประทานให้ทางโตนดเตี้ยเลี้ยง หลังถูกคนร้ายขโมยไปและฆ่า ท่ามกลางเสียงแช่งด่าคนร้ายให้ตายตามควายไป

เมื่อเวลา 17.00 น.วันนี้ (17 ก.พ.) ที่วัดโตนดเตี้ย ต.อุทัย อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ได้มีพิธีการฝังควายเพศผู้ชื่อ “คล้าว” ที่ถูกคนร้ายขโมยไปจากวัดเมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา หลังจากเจ้าหน้าที่ติดตามจนพบ แต่ก็ไม่ทันที่จะช่วยชีวิตเจ้าคล้าวได้ และถูกฆ่าเสียก่อน

โดยในพิธีมี นางสมทรง พันธ์เจริญวรกุล นายก อบจ.พระนครศรีอยุธยา เป็นประธานฝ่ายฆารวาส พระครูสุทธิปัญญาโสภณ เจ้าอาวาสวัดท่าการ้อง รองเจ้าคณะอำเภอพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พระภิกษุสงฆ์ จำนวน 10 รูป ได้สวดมาติกาบังสุกุล โดยมีประชาชน ชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างเดินทางมาร่วมไว้อาลัย ประมาณ 500 คน

จากนั้นได้ใช้รถแบ็กโฮยกร่างของเจ้าคล้าวลงหลุมกว้างยาวลึก 3 เมตร ต่อจากนั้น พระภิกษุสงฆ์ได้นำดอกกุหลาบสีแดงโรยลงในหลุม รวมทั้งประชาชนได้ร่วมกันนำดอกกุหลาบสีแดงโรยใส่ในหลุมที่มีร่างของเจ้าคล้าว สร้างความสลดใจแก่ประชาชนที่มาร่วมในงาน บางคนถึงกับหลั่งน้ำตา และสาปแช่งผู้ที่ลักขโมยควายและผู้ที่เชือดเจ้าคล้าว ขอให้ตายตกไปตามกัน

ส่วนควายเพศเมียชื่อ “ทองกวาว” นั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ติดตามพบแล้วยังมีชีวิตอยู่ภายในหมู่บ้านใน อ.เชียงของ จ.เชียงราย อยู่ระหว่างนำตัวกลับมาที่ จ.พระนครศรีอยุธยา คาดว่าจะมาถึงประมาณเช้ามืดพรุ่งนี้ (18 ก.พ.) และเวลา 09.00 น. จะมีการจัดแถลงข่าวถึงการจับกุมขบวนการขโมยควายทั้งหมด รวมถึงการทำบุญรับขวัญ

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา กลุ่มคนร้ายได้ใช้รถกระบะนิสสันสีขาว เข้ามาก่อเหตุลักกระบือเพศผู้ชื่อคล้าว และเพศเมียชื่อทองกวาว ทั้งสองตัวอายุ 5 ปี ไปจากภายในวัดโตนดเตี้ย ต.อุทัย อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งกระบือทั้งสองตัวเป็นกระบือที่พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงไถ่ชีวิตมาจากโรงฆ่าสัตว์ใน อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา และประทานให้ทางวัดเลี้ยงมาตั้งแต่ปี 51 ที่ผ่านมา

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ 2 คน คือ นายทองแดง หรือจ้อย สินสิบ อายุ 50 ปี และนายสุระชัย หรือใหญ่ สุดา อายุ 32 ปี ทั้ง 2 คนเป็นชาว จ.สระแก้ว และเชิญตัวผู้รับซื้อเจ้าของโรงเชือดที่มีส่วนเกี่ยวข้องอีก 5 คน มาสอบสวน

โดยนายสุระชัย หรือใหญ่ สุดา ผู้ต้องหาสารภาพว่า ในวันเกิดเหตุตนได้รับการติดต่อจากนายเตี้ย ให้ไปเอาควายที่ข้างวัดโตนดเตี้ย เนื่องจากมีการตกลงซื้อขายควายกันแล้ว ซึ่งตนมีอาชีพรับจ้างขนวัวควายอยู่แล้วจึงรับงาน เมื่อเดินทางไปถึงพบนายเตี้ย และนายจ้อย สินสิบ จึงได้ช่วยกันนำควายขึ้นรถ โดยนายจ้อย เป็นคนจูงควาย ส่วนตนทำหน้าที่เป็นคนขับ หลังจากนั้นได้ขับรถรถยนต์กระบะมุ่งหน้าไปทาง อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา มุ่งหน้าไป อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี ไปจนถึง อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี และนำควายปล่อยกินหญ้าและอาบน้ำทำความสะอาด จากนั้นนายเตี้ย ได้มารับควายไปขายให้กับนายน้อย ไม่ทราบนามสกุลในราคาคู่ละ 65,000 บาท โดยนายเตี้ย ได้แบ่งเงินให้ตน 25,000 บาท ให้นายจ้อย 15,000 บาท ที่เหลือเป็นของนายเตี้ย จากนั้นได้แยกย้ายกัน

"มารู้ที่หลังว่าเป็นควายของวัดและยังเป็นควายประทาน ผมรู้สึกตกใจและพยายามติดต่อนายเตี้ย และผู้ที่รับซื้อควาย แต่ติดต่อไม่ได้จนมาถูกจับกุม รู้สึกเสียใจปกติถ้ารู้ว่าเป็นควายวัดจะไม่ยอมไปขนวัวควาย อยากไปกราบขออภัยจากเจ้าอาวาสและพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา"

ด้านนางสมพิศ เป้าบ้านเซ้า อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20/1 ถนนประชาตาคลี อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ เจ้าของโรงฆ่าสัตว์ เปิดเผยว่า ตนไม่รู้ว่าควายชื่อคล้าวเป็นควายที่ถูกขโมยมาจากวัดโตนดเตี้ยและเป็นควายที่พระองค์ภาฯ ประทานให้กับวัด เพราะปกติถ้าเป็นควายวัดหรือลักขโมยมาถ้าโรงงานฆ่าสัตว์จะไม่รับซื้อเด็ดขาด สำหรับควายตัวนี้ซื้อมาจากนายเขียว เป็นพ่อค้าควายอยู่ใน จ.ชัยนาท ในราคา 47,000 บาทรู้สึกเสียใจที่เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ ตนประกอบอาชีพเกี่ยวกับโรงฆ่าสัตว์มาประมาณ 20 ปี ไม่มีปัญหามีใบอนุญาตถูกต้อง








กำลังโหลดความคิดเห็น