เมื่อเวลา 13.40 น. วานนี้ (13ก.พ.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะอาทิ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว. มหาดไทย นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ นายชัชชาติ สิทธิ์พันธุ์ รมว.คมนาคม เดินทางลงพื้นที่ ที่จ.เชียงราย โดยออกเดินทางจากฝูงเครื่องบิน กองการบิน กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) ไปยังท่าอากาศยาน เชียงราย ด้วยเครื่องบิน Air Bus 319 AG เมื่อถึงท่าอากาศยานเชียงราย นายกฯเดินทางต่อไปยัง อ.แม่สาย ด้วยขบวนรถยนต์
ต่อมาเวลา 16.00 น. นายกฯ เดินทางถึงด่านศุลกากรที่ 2 (ด่านสำหรับรถบรรทุกข้ามแดน) อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยมี นายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวต้อนรับ และบรรยายสรุปสถานการณ์เศรษฐกิจชายแดน แผนงาน ปัญหาและอุปสรรคต่างๆร่วมกับนางเบญจา หลุยเจริญ อธิบดีกรมศุลกากร
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า จังหวัดเชียงราย มีความสำคัญในการเชื่อมต่อกับประเทศพม่า และลาว รวมถึงเป็นจุดใกล้ที่สุดในการเชื่อมโยงกับจีน โดยมีมูลค่าการค้ารวมจากจุดผ่านแดนถาวรที่สำคัญถึง 35,977 ล้านบาท ทั้งนี้จังหวัดเชียงรายได้มีการเสนอโครงการที่ต้องการการสนับสนุนจากรัฐบาล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การปรับปรุงทางเชื่อม 5 เส้นทาง การพัฒนาเส้นทางรถไฟ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และเส้นทางมอเตอร์เวย์ เชียงใหม่-เชียงราย ซึ่งจะรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงราย และเชื่อมโยงจังหวัดหลักทางภาคเหนือ นอกจากนี้หลายภาคส่วนในจังหวัดได้ขอให้เร่งรัดโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ
ขณะที่นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส. เชียงราย ได้ฝากให้รัฐบาลดูแลปัญหาหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือและแผ่นดินไหวที่เชียงราย โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบให้ผู้ราชหารจังหวัดไปดูแล
จากนั้น นายกรัฐมนตรี มอบนโยบายให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยฝากให้ทางจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมองยุทธศาสตร์การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ในจุดชายแดนให้ทะลุไปถึงประเทศที่สาม โดยเฉพาะประเทศจีน ที่ถือว่าเป็นตลาดใหญ่ทางการค้า อย่ามองแค่ประเทศเพื่อนบ้านที่ติดต่อกัน พร้อมกันนี้ต้องดูสินค้าที่จะเป็นจุดขายของไทย ซึ่งวันนี้เห็นว่าจุดชายแดนของเรา ยังไม่มีความแตกต่างที่เป็นจุดเด่น ดังนั้นต้องดูความได้เปรียบว่า เราควรจะส่งเสริมอะไร โดยดูตัวเลขจากศุลกากร ว่าสิ่งไหนที่เราขายดี ไม่ใช่แค่ให้เป็นทางผ่านของสินค้าไปประเทศอื่น จึงอยากให้ในพื้นที่ตั้งดิวตี้ฟรีภาคพื้นดิน บวกสินค้าโอทอปเข้าไป ซึ่งรัฐบาลพร้อมที่จะดูในเรื่องข้อกฎหมายและส่งเสริมเศรษฐกิจไปด้วยกัน
นอกจากนี้จะต้องพิจารณาเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน เส้นทางคมนาคม ต้องทะลุผ่านเอื้อไปยังจุดอื่นๆ และต้องมีการปรับผังเมือง พัฒนาโรงแรม สถานที่พักรองรับ เพื่อให้เศรษฐกิจขยายไปจังหวัดใกล้เคียง เช่น จ.เชียงรายต้องขยายการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจไปจนถึง จ.เชียงใหม่ เพราะขณะนี้เรากำลังจะมีรถไฟความเร็วเสูง ดังนั้นการพัฒนาเศรษฐกิจ จะต้องมองให้ทะลุไปประเทศที่เป็นฐานกำลังซื้อสินค้าของไทย
จากนั้น เวลา 17.25 น. นายกฯ และคณะได้เดินทางมายังบริเวณจุดผ่านแดน อ.แม่สาย เพื่อตรวจเยี่ยม และติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจชายแดน โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคอยให้ข้อมูล รวมถึงได้ตรวจเยี่ยมด่านตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร ทั้งขาเข้าและขาออก เพื่อตรวจดูการดำเนินการ โดยเฉพาะเครื่องสแกนยาเสพติด และสินค้าต่างๆ และได้ลงนามในสมุดเยี่ยมที่ด่านดังกล่าว
ทั้งนี้ นายกฯได้เดินไปยังบริเวณจุดพรมแดนที่อยู่บริเวณกลางสะพานข้ามแม่น้ำสาย แห่งที่ 1 โดยนายกฯได้สอบถาม และพูดคุยกับผู้ว่าฯ โดยปรารภว่า ทางฝั่งของพม่า ห่างจากจุดนี้ไปเพียง 3 กม. ซึ่งมีเจดีย์ ชเวดากอง และถ้าเลี้ยวซ้ายไปอีก 2 กม.ก็ทราบว่ามีบ่อนการพนันขนาดใหญ่ ตรงนี้ถือว่าฝ่ายไทยเสียเปรียบ ไม่มีจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวของพม่าเข้ามาในประเทศ นอกจากนี้นายกฯ ยังได้หารือกับอธิบดีกรมศุลกากรว่า อยากให้มีการขยายเวลาเปิดด่าน จนถึงเวลา 22.00 น. เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวได้หรือไม่ ซึ่งอธิบดีฯได้ระบุว่า บุคลากรของไทยพร้อมแต่ต้องมีการประสานกับทางพม่าก่อน
อย่างไรก็ตาม มีประชาชนในพื้นที่ รวมถึงนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศให้ความสนใจการลงพื้นที่ของนายกฯเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งมีการมอบดอกไม้ และขอถ่ายรูปกับนายกฯด้วย นอกจากนี้นักเสี่ยงโชคต่างให้ความสนใจ ในเลขทะเบียนรถของนายกฯ ที่ให้โชคมาแล้วหลายครั้ง โดยครั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้นั่งรถตู้โฟล์ค ทะเบียน ฮฉ 7828 กทม. ในการมาปฏิบัติภารกิจ ที่ จ. เชียงราย
ทั้งนี้ ระหว่างการพบปะประชาชน ได้มีกลุ่มประชาชนหลายกลุ่มได้ยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี อาทิ กลุ่มไทยลื้อ ร่วม 80 คน มายื่นหนังสือร้องเรียนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว และขอเปลี่ยนเลขบัตรประจำตัวประชาชน เพื่อขอสัญชาติ กลุ่มครูอัตราจ้าง ขอให้บรรจุเป็นพนักงานราชการ และกลุ่มของนายปรีชา ศรีเพชร อดีตปลัด อ.แม่สาย นำมวลชนกว่าร้อยคน มาเรียกร้องให้ออกเอกสารสิทธิ์ ในพื้นที่ครอบครองที่ติดกับแม่น้ำสาย ที่งอกเพิ่มออกมา
ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจ นายกฯออกเดินทางจากตลาดชายแดนแม่สาย ไปท่าอากาศยานเชียงราย และเดินทางต่อไปท่าอากาศยานทหาร กองบิน 41จังหวัดเชียงใหม่ และพักค้างคืน ที่โรงแรมระติวารี อ.แม่แตง จ. เชียงใหม่
ต่อมาเวลา 16.00 น. นายกฯ เดินทางถึงด่านศุลกากรที่ 2 (ด่านสำหรับรถบรรทุกข้ามแดน) อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยมี นายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวต้อนรับ และบรรยายสรุปสถานการณ์เศรษฐกิจชายแดน แผนงาน ปัญหาและอุปสรรคต่างๆร่วมกับนางเบญจา หลุยเจริญ อธิบดีกรมศุลกากร
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า จังหวัดเชียงราย มีความสำคัญในการเชื่อมต่อกับประเทศพม่า และลาว รวมถึงเป็นจุดใกล้ที่สุดในการเชื่อมโยงกับจีน โดยมีมูลค่าการค้ารวมจากจุดผ่านแดนถาวรที่สำคัญถึง 35,977 ล้านบาท ทั้งนี้จังหวัดเชียงรายได้มีการเสนอโครงการที่ต้องการการสนับสนุนจากรัฐบาล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การปรับปรุงทางเชื่อม 5 เส้นทาง การพัฒนาเส้นทางรถไฟ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และเส้นทางมอเตอร์เวย์ เชียงใหม่-เชียงราย ซึ่งจะรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงราย และเชื่อมโยงจังหวัดหลักทางภาคเหนือ นอกจากนี้หลายภาคส่วนในจังหวัดได้ขอให้เร่งรัดโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ
ขณะที่นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส. เชียงราย ได้ฝากให้รัฐบาลดูแลปัญหาหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือและแผ่นดินไหวที่เชียงราย โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบให้ผู้ราชหารจังหวัดไปดูแล
จากนั้น นายกรัฐมนตรี มอบนโยบายให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยฝากให้ทางจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมองยุทธศาสตร์การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ในจุดชายแดนให้ทะลุไปถึงประเทศที่สาม โดยเฉพาะประเทศจีน ที่ถือว่าเป็นตลาดใหญ่ทางการค้า อย่ามองแค่ประเทศเพื่อนบ้านที่ติดต่อกัน พร้อมกันนี้ต้องดูสินค้าที่จะเป็นจุดขายของไทย ซึ่งวันนี้เห็นว่าจุดชายแดนของเรา ยังไม่มีความแตกต่างที่เป็นจุดเด่น ดังนั้นต้องดูความได้เปรียบว่า เราควรจะส่งเสริมอะไร โดยดูตัวเลขจากศุลกากร ว่าสิ่งไหนที่เราขายดี ไม่ใช่แค่ให้เป็นทางผ่านของสินค้าไปประเทศอื่น จึงอยากให้ในพื้นที่ตั้งดิวตี้ฟรีภาคพื้นดิน บวกสินค้าโอทอปเข้าไป ซึ่งรัฐบาลพร้อมที่จะดูในเรื่องข้อกฎหมายและส่งเสริมเศรษฐกิจไปด้วยกัน
นอกจากนี้จะต้องพิจารณาเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน เส้นทางคมนาคม ต้องทะลุผ่านเอื้อไปยังจุดอื่นๆ และต้องมีการปรับผังเมือง พัฒนาโรงแรม สถานที่พักรองรับ เพื่อให้เศรษฐกิจขยายไปจังหวัดใกล้เคียง เช่น จ.เชียงรายต้องขยายการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจไปจนถึง จ.เชียงใหม่ เพราะขณะนี้เรากำลังจะมีรถไฟความเร็วเสูง ดังนั้นการพัฒนาเศรษฐกิจ จะต้องมองให้ทะลุไปประเทศที่เป็นฐานกำลังซื้อสินค้าของไทย
จากนั้น เวลา 17.25 น. นายกฯ และคณะได้เดินทางมายังบริเวณจุดผ่านแดน อ.แม่สาย เพื่อตรวจเยี่ยม และติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจชายแดน โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคอยให้ข้อมูล รวมถึงได้ตรวจเยี่ยมด่านตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร ทั้งขาเข้าและขาออก เพื่อตรวจดูการดำเนินการ โดยเฉพาะเครื่องสแกนยาเสพติด และสินค้าต่างๆ และได้ลงนามในสมุดเยี่ยมที่ด่านดังกล่าว
ทั้งนี้ นายกฯได้เดินไปยังบริเวณจุดพรมแดนที่อยู่บริเวณกลางสะพานข้ามแม่น้ำสาย แห่งที่ 1 โดยนายกฯได้สอบถาม และพูดคุยกับผู้ว่าฯ โดยปรารภว่า ทางฝั่งของพม่า ห่างจากจุดนี้ไปเพียง 3 กม. ซึ่งมีเจดีย์ ชเวดากอง และถ้าเลี้ยวซ้ายไปอีก 2 กม.ก็ทราบว่ามีบ่อนการพนันขนาดใหญ่ ตรงนี้ถือว่าฝ่ายไทยเสียเปรียบ ไม่มีจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวของพม่าเข้ามาในประเทศ นอกจากนี้นายกฯ ยังได้หารือกับอธิบดีกรมศุลกากรว่า อยากให้มีการขยายเวลาเปิดด่าน จนถึงเวลา 22.00 น. เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวได้หรือไม่ ซึ่งอธิบดีฯได้ระบุว่า บุคลากรของไทยพร้อมแต่ต้องมีการประสานกับทางพม่าก่อน
อย่างไรก็ตาม มีประชาชนในพื้นที่ รวมถึงนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศให้ความสนใจการลงพื้นที่ของนายกฯเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งมีการมอบดอกไม้ และขอถ่ายรูปกับนายกฯด้วย นอกจากนี้นักเสี่ยงโชคต่างให้ความสนใจ ในเลขทะเบียนรถของนายกฯ ที่ให้โชคมาแล้วหลายครั้ง โดยครั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้นั่งรถตู้โฟล์ค ทะเบียน ฮฉ 7828 กทม. ในการมาปฏิบัติภารกิจ ที่ จ. เชียงราย
ทั้งนี้ ระหว่างการพบปะประชาชน ได้มีกลุ่มประชาชนหลายกลุ่มได้ยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี อาทิ กลุ่มไทยลื้อ ร่วม 80 คน มายื่นหนังสือร้องเรียนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว และขอเปลี่ยนเลขบัตรประจำตัวประชาชน เพื่อขอสัญชาติ กลุ่มครูอัตราจ้าง ขอให้บรรจุเป็นพนักงานราชการ และกลุ่มของนายปรีชา ศรีเพชร อดีตปลัด อ.แม่สาย นำมวลชนกว่าร้อยคน มาเรียกร้องให้ออกเอกสารสิทธิ์ ในพื้นที่ครอบครองที่ติดกับแม่น้ำสาย ที่งอกเพิ่มออกมา
ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจ นายกฯออกเดินทางจากตลาดชายแดนแม่สาย ไปท่าอากาศยานเชียงราย และเดินทางต่อไปท่าอากาศยานทหาร กองบิน 41จังหวัดเชียงใหม่ และพักค้างคืน ที่โรงแรมระติวารี อ.แม่แตง จ. เชียงใหม่
