ASTVผู้จัดการรายวัน - เมเจอร์ฯทุ่ม 1,000 ล้านบาท ลงทุนปีนี้ มั่นใจดันรายได้โต15-20% ส่วนโปรเจกต์ต่างประเทศ ล่าสุดทุ่ม 150 ล้านบาท จับมือพาร์ทเนอร์ในเขมรผุดโรงหนังแบบครบวงจรภายในศูนยการค้าอีออน มอลล์ พร้อมเปิดให้บริการมิ.ย.ปีหน้า ลั่นอีก 2 ปีเตรียมฉลองปีที่ 20 ด้วยจำนวนโรงกว่า 600 โรง และรายได้ไม่ต่ำกว่า 7,000 ล้านบาทฟันธงปีนี้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ยังขาขึ้นโตอีกไม่ต่ำกว่า 20%
นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้ทางบริษัทพร้อมใช้งบลงทุนรวมกว่า 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 1.ในประเทศกว่า850 ล้านบาท สำหรับการขยายสาขาไม่ต่ำกว่า 20 สาขา เช่น เซ็นทรัล หาดใหญ่, เซ็นทรัล อุบลราชธานี, เซ็นทรัล เชียงใหม่, โรงบินสัน 2 สาขา โลตัส 10 สาขา และบิ๊กซีอีก 3 สาขา เป็นต้น รวมจำนวนโรงภาพยนตร์กว่า 100โรง และโบวล์ลิ่งอีก 40 เลน จากปัจจุบันบริษัทมีจำนวนโรงภาพยนตร์ทั้งสิ้นราว 410 สาขา ถึงสิ้นปีน่าจะมากกว่า 500 สาขา และ2.เป็นการลงทุนในอินเดียเพิ่มเติมอีก 150 ล้านบาท สำหรับการขยายโบวล์ลิ่งอีก 120 เลน ส่งผลให้สิ้นปีนี้ที่อินเดียจะมีโบวล์ลิ่งรวม 200 เลน
อย่างไรก็ตามปีนี้ทางบริษัทยังได้ร่วมทุนกับพาร์ทเนอร์ 1 ราย ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับโรงภาพยนตร์ในประเทศกัมพูชา จัดตั้งบริษัทร่วมทุน ในชื่อ บริษัท เมเจอร์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด สัดส่วนการถือหุ้นของเมเจอร์ไม่ต่ำกว่า 50% สำหรับการลงทุนในประเทศกัมพูชา ปีหน้าเตรียมใช้เงินลงทุน 150 ล้านบาท ให้บริการโรงภาพยนตร์ระดับหรู 5 ดาวแห่งแรกในแบรนด์ เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ ภายในศูนย์การค้าอีออน มอลล์ จากประเทศญี่ปุ่นที่จะเข้าไปลงทุนเปิดให้บริการที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เบื้องต้นจะมีจำนวนโรงภาพยนตร์ 7 โรง รวม 2,000 ที่นั่ง และโบวล์ลิ่ง 14 เลน พร้อมเปิดให้บริการ เม.ย.ปีหน้า
“บริษัทพร้อมลงทุนในต่างประเทศอย่างเต็มรูปแบบหลังจากนี้ โดยเริ่มจากกลุ่มประเทศในอาเซียนก่อน ซึ่งหลังจากขยายการลงทุนในกัมพูชาแล้ว ประเทศต่อๆไปที่มองไว้และจะเห็นการลงทุนจากนี้ไปอีก 3 ปี คือ เวียดนาม พม่า และลาว โดยโมเดลการเข้าไปลงทุนนั้น จะเน้นร่วมทุนกับพาร์ทเนอร์ท้องถิ่นเชื่อว่าเป็นรูปแบบการลงทุนที่ช่วยให้คล่องตัวในการดำเนินธุรกิจและเติบโตได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทำเลที่ไปกับศูนย์การค้าเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นอีออน มอลล์ และแบรนด์อื่นๆ”
นายวิชา กล่าวต่อว่า ภายในปี2558 เมเจอร์จะเข้าสู่ปีที่ 20 ดังนั้นจึงพร้อมลงทุนขยายสู่เป้าหมาย 600 โรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ และมีรายได้จากการขายตั๋วหนังที่เดือนละ 1 ล้านบาทต่อ1โรง หรือน่าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 7,000 ล้านบาท จากแผนการดำเนินงานของปีนี้มองว่าจะมีรายได้เติบโตขึ้นไม่ต่ำกว่า 15-20% จากปีก่อน เติบโตตามทิศทางเดียวกับอุตสาหกรรมภาพยนตร์มูลค่า 5,000
ล้านบาทของปีนี้ที่น่าจะโตได้ไม่ต่ำกว่า 15-20% จากจำนวนโรงภาพยนตร์ที่เพิ่มขึ้นกว่า 130โรง จากจำนวนโรงภาพยนตร์ทั้งหมดทั่วประเทศกว่า 800 โรง และหน้าหนังที่ทำเงินหลายเรื่องทั้งไทยและต่างประเทศ เช่น ดายฮาร์ด5, จีไอ-โจ2, พระนเรศวร และต้มยำกุ้ง เป็นต้น
นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้ทางบริษัทพร้อมใช้งบลงทุนรวมกว่า 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 1.ในประเทศกว่า850 ล้านบาท สำหรับการขยายสาขาไม่ต่ำกว่า 20 สาขา เช่น เซ็นทรัล หาดใหญ่, เซ็นทรัล อุบลราชธานี, เซ็นทรัล เชียงใหม่, โรงบินสัน 2 สาขา โลตัส 10 สาขา และบิ๊กซีอีก 3 สาขา เป็นต้น รวมจำนวนโรงภาพยนตร์กว่า 100โรง และโบวล์ลิ่งอีก 40 เลน จากปัจจุบันบริษัทมีจำนวนโรงภาพยนตร์ทั้งสิ้นราว 410 สาขา ถึงสิ้นปีน่าจะมากกว่า 500 สาขา และ2.เป็นการลงทุนในอินเดียเพิ่มเติมอีก 150 ล้านบาท สำหรับการขยายโบวล์ลิ่งอีก 120 เลน ส่งผลให้สิ้นปีนี้ที่อินเดียจะมีโบวล์ลิ่งรวม 200 เลน
อย่างไรก็ตามปีนี้ทางบริษัทยังได้ร่วมทุนกับพาร์ทเนอร์ 1 ราย ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับโรงภาพยนตร์ในประเทศกัมพูชา จัดตั้งบริษัทร่วมทุน ในชื่อ บริษัท เมเจอร์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด สัดส่วนการถือหุ้นของเมเจอร์ไม่ต่ำกว่า 50% สำหรับการลงทุนในประเทศกัมพูชา ปีหน้าเตรียมใช้เงินลงทุน 150 ล้านบาท ให้บริการโรงภาพยนตร์ระดับหรู 5 ดาวแห่งแรกในแบรนด์ เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ ภายในศูนย์การค้าอีออน มอลล์ จากประเทศญี่ปุ่นที่จะเข้าไปลงทุนเปิดให้บริการที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เบื้องต้นจะมีจำนวนโรงภาพยนตร์ 7 โรง รวม 2,000 ที่นั่ง และโบวล์ลิ่ง 14 เลน พร้อมเปิดให้บริการ เม.ย.ปีหน้า
“บริษัทพร้อมลงทุนในต่างประเทศอย่างเต็มรูปแบบหลังจากนี้ โดยเริ่มจากกลุ่มประเทศในอาเซียนก่อน ซึ่งหลังจากขยายการลงทุนในกัมพูชาแล้ว ประเทศต่อๆไปที่มองไว้และจะเห็นการลงทุนจากนี้ไปอีก 3 ปี คือ เวียดนาม พม่า และลาว โดยโมเดลการเข้าไปลงทุนนั้น จะเน้นร่วมทุนกับพาร์ทเนอร์ท้องถิ่นเชื่อว่าเป็นรูปแบบการลงทุนที่ช่วยให้คล่องตัวในการดำเนินธุรกิจและเติบโตได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทำเลที่ไปกับศูนย์การค้าเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นอีออน มอลล์ และแบรนด์อื่นๆ”
นายวิชา กล่าวต่อว่า ภายในปี2558 เมเจอร์จะเข้าสู่ปีที่ 20 ดังนั้นจึงพร้อมลงทุนขยายสู่เป้าหมาย 600 โรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ และมีรายได้จากการขายตั๋วหนังที่เดือนละ 1 ล้านบาทต่อ1โรง หรือน่าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 7,000 ล้านบาท จากแผนการดำเนินงานของปีนี้มองว่าจะมีรายได้เติบโตขึ้นไม่ต่ำกว่า 15-20% จากปีก่อน เติบโตตามทิศทางเดียวกับอุตสาหกรรมภาพยนตร์มูลค่า 5,000
ล้านบาทของปีนี้ที่น่าจะโตได้ไม่ต่ำกว่า 15-20% จากจำนวนโรงภาพยนตร์ที่เพิ่มขึ้นกว่า 130โรง จากจำนวนโรงภาพยนตร์ทั้งหมดทั่วประเทศกว่า 800 โรง และหน้าหนังที่ทำเงินหลายเรื่องทั้งไทยและต่างประเทศ เช่น ดายฮาร์ด5, จีไอ-โจ2, พระนเรศวร และต้มยำกุ้ง เป็นต้น
