ASTV ผู้จัดการรายวัน - บช.น.ว. 8 สั่งตำรวจจราจรทุก สน.ใน บก.น.1-9 ต้องทำยอดใบสั่งให้ได้วันละ 100 ใบ คาดโทษหากไม่เข้าเป้าต้องทำหนังสือชี้แจง ส่วนกรณีสน.บางรัก สั่งกักขัวสวป.เพิ่มจาก 3 วันเป็น 7 วัน “เฉลิม” เพี้ยนหนักอุ้มตำรวจแบมือไถ “แต๊ะเอีย” เป็นเรื่องปกติ ของคนจีนที่มีน้ำใจ "ชูวิทย์" โพสต์เฟซบุ๊กจัดหนักฟัด "เฉลิม" ตำรวจไม่ใช่บริวาร ไม่ใช่ลูกหลาน ผิดประเพณี ตอกส่งส่วยมันคนละเรื่อง ทิ้งท้ายด่าพวก “เฉ๊าฉุ่ย” ปากเหม็น
วานนี้ (12 ก.พ.) พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รอง ผบช.น.(รับผิดชอบงานจราจร) ได้ออกคำสั่งผ่านวิทยุสื่อสารตำรวจ (ว.8) สั่งการให้ตำรวจในสังกัด บก.น.1-9 ตั้งด่านกวดขันกวดขันวินัยจราจร (ว.43) ใน 5 ข้อหาหลัก ประกอบด้วย 1. ขับรถย้อนศร 2. ขับรถบนทางเท้า 3. จอดรถซ้อนคัน 4. แซงรถในที่คับขัน (ปาดเบียดเส้นทาง) 5. ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรสีแดง อย่างเคร่งครัด
โดยคำสั่งดังกล่าวระบุว่า ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรทุก สน.ในพื้นที่ บก.น.1-9 ต้องทำยอดใบสั่งกวดขันวินัยจราจรให้ได้วันละ 100 ใบขึ้นไป โดยเน้นย้ำว่าหาก สน.ใดไม่สามารถทำได้ถึงต้องทำหนังสือชี้แจงมายัง พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รอง ผบช.น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังคำสั่งดังกล่าวออกมาจึงมีคำสั่งจากผู้กำกับทุกสถานีตำรวจนครบาลให้ตำรวจจราจรทำยอดใบสั่งให้ได้ตามเป้า 100 ใบเป็นอย่างต่ำ จึงทำให้ทุก สน.มีการตั้งด่านจับกุมอย่างเคร่งครัด ซึ่งอาจเป็นช่องทางให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร (บางนาย) อาศัยจังหวะในคำสั่งดังกล่าวมาหากินกับผู้ใช้รถใช้ถนน เข้าทำนองว่า “หัวไม่ส่าย หางไม่กระดิก”
โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 8 ก.พ. ทางกองบังคับการตำรวจจราจรแจ้งว่า ขณะนี้มีประชาชนในกรุงเทพฯ บางส่วนได้กระทำผิดกฎจราจรและได้ก่อให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัดและเกิดอุบัติเหตุจราจรขึ้นจำนวนมาก พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รอง ผบช.น.(รับผิดชอบงานจราจร) จึงได้วางมาตรการและสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรในกรุงเทพมหานครทำการรณรงค์และบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น เพื่อลดอุบัติเหตุ ลดปัญหาจราจรที่อาจเกิดขึ้นจากการกระทำความผิดกฎหมายจราจรของผู้ใช้รถใช้ถนน โดยเฉพาะการกวดขันวินัยจราจร 17 ข้อหาหลักซึ่งเป็นข้อหาที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุและก่อให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัดรวมทั้งการก่อความเดือดร้อนและก่ออันตรายให้กับประชาชนมากที่สุด
ดังนั้นจึงได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรทุกสถานี รวมทั้งตำรวจ บก.จร. ระดมกำลังในการรณรงค์วินัยจราจรให้กับผู้ใช้รถใช้ถนน เน้นการกวดขันวินัยจราจร สร้างพฤติกรรมในการใช้รถใช้ถนนให้คนปฏิบัติตามเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย รวมทั้งแก้ไขปัญหาการจราจรที่ติดขัด โดยการเพิ่มความเข้มในการกวดขันจับกุม ใน 5 ข้อหาหลัก ระหว่างวันที่ 9-12 กุมภาพันธ์ 2556 ดังต่อไปนี้ คือ 1. ขับรถย้อนศร 2. ขับรถบนทางเท้า 3. จอดรถซ้อนคัน 4. แซงรถในที่คับขัน (ปาดเบียดเส้นทาง) 5. ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรสีแดง
โดยจะมีการตรวจสอบผลการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรทุกสถานีในการกวดขันวินัยจราจรทั้ง 5 ข้อหาหลักนี้ทุกวัน เพื่อนำมาประเมินผลในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการแก้ไขปัญหาการจราจรและการลดอุบัติเหตุจราจรที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า คำสั่งดังกล่าวออกมาเนื่องจากจะถึงฤดูกาลโยกย้ายตำรวจนครบาล (โผเล็ก) ในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ เป็นช่องว่างให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับ ผกก., สารวัตร จร., สวป., สว.สส. (บางนาย) สั่งให้ลูกน้องออกไปตั้งด่านหาเงินริมทางเพื่อนำเงินมาส่งส่วยให้กับนายตำรวจบางนาย เพื่อใช้ในการวิ่งเต้นโยกย้ายตำแหน่งด้วย
***แถ!สั่งกวดขันวินัยจราจรเท่านั้น
ต่อมาเวลา 15.00 น.วันเดียวกัน พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รอง ผบช.น.ดูแลรับผิดชอบงานด้านจราจร กล่าวตอบโต้กรณีมีคำสั่งกวดขันวินัยจราจรโดยอ้างว่ามีคำสั่งจาก รองผบช.น.ให้ตั้งเป้าทำยอดใบสั่งวันละ 100 ใบทุกสถานีตำรวจ นั้น ขอยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องจริง ตนไม่เคยมีคำสั่งในลักษณะดังกล่าวออกไป แต่เป็นเพียงเป็นการกวดขันวินัยวินัยจราจร โดยเฉพาะ 5 ข้อหาหลัก ตนได้กำชับให้แต่ละสถานีตำรวจกวดขันตามปกติ ส่วนพื้นที่ใดที่มีการจับกุมจำนวนน้อย ก็เพียงเรียกมาสอบถามว่าไม่มีความผิดในพื้นที่หรือทางเจ้าหน้าที่ไม่ปฏิบัติตามหน้าที่เท่านั้น ซึ่งจากกระแสข่าวที่ออกไปถือว่าเป็นการดูถูกตนเองและทางเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติมากเกินไป รวมถึงทำให้ประชาชนมองภาพตำรวจแบบมีอคติ ดังนั้นสื่อมวลชนควรวิพากษ์วิจารณ์อย่างสร้างสรรค์ พร้อมวอนหากไม่เข้าใจให้ยกหูสอบถามเพื่อความชัดเจนก่อนนำเสนอข่าวออกไป
****"เฉลิม"พูด "รับแตะเอีย"ได้
สำหรับกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางรัก 3 นายพ.ต.ท.พงษ์ศักดิ์ สุบินดี สวป.สน.บางรัก ด.ต.ประสาน เกยเมือง และ ด.ต.อนุชิต หมื่นยุทธ ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม สน.บางรัก ทำผิดวินัยเรียกรับเงินแต๊ะเอียจากร้านสูทตามที่เป็นข่าวนั้น
พล.ต.ต.วัลลภ ประทุมเมือง ผบก.น.6 กล่าวว่า ทางกองบังคับการตำรวจนครบาลได้ลงโทษสั่งกักขังและมีคำสั่งย้ายจาก สน.บางรัก ไปหมดแล้ว และทั้ง 3 นาย ได้รับโทษในสิ่งที่ทำ ถือว่าเรื่องนี้เป็นที่สิ้นสุดของโทษทางวินัยแล้ว ส่วน พ.ต.อ.รัชพล บุญนาค ผกก.สน.บางรัก นั้น ได้มาชี้แจงและพิสูจน์แล้วว่า ไม่ได้สั่งการให้ นายตำรวจทั้งหมดไปกระทำเช่นนั้น จึงไม่อยู่ในข่ายกระทำความผิด และกรณีนี้ไม่ต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนอีก เพราะได้ถือว่าสั่งลงโทษไปแล้ว
โดยได้เพิ่มโทษกักขัง พ.ต.ท.พงษ์ศักดิ์ สุบินดี สวป.จาก 3 วัน เป็น 7 วัน และให้ไปช่วยราชการที่กองบังคับการอำนวยการ บช.น.เป็นเวลา 180 วัน
ส่วน ด.ต.ประสานและ ด.ต.อนุชิต จากเดิมเสนอกักขังไว้ที่โรงพัก สน.บางรัก 15 วัน ให้เพิ่มโทษกักขัง เป็น 30 วัน และย้ายไปช่วยราชการ ที่กองบังคับการอำนวยการตำรวจนครบาล 6 เป็นเวลา 30 วัน โดย พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.พิจารณาเห็นชอบด้วยแล้ว
ด้านร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีตำรวจไปรับแต๊ะเอียที่สน.บางรัก ว่า การที่มีตำรวจมาก และมีตำรวจบางคนที่ซุกซน ใครทำผิดก็ลงโทษ ใครทำดีก็ต้องได้รางวัล ซึ่ง ผบช.น.ก็พยายามดูแลเต็มที่ แต่ก็ยากที่จะดูแลให้ได้ทั้งหมด เรื่องตรุษจีน การให้แต๊ะเอียมีมาตั้งแต่ตนฝึกงานอยู่โรงพักจักรวรรดิ 2515 แต๊ะเอีย ถ้าเขาเอามาให้ ไม่ผิด เพราะเขาเต็มใจ เป็นประเพณีคนจีน เขาก็มาให้ตำรวจ พอตำรวจผ่านไปเขาก็เรียกแวะให้มารับ แต่กรณีนี้ไปขอเขาไม่เหมาะสม ก็ต้องลงโทษ อย่าไปแปลกใจประเพณีตรุษจีนคู่ประเทศชาติประเทศไทย เวลาถึงเทศกาลคนจีนมาให้เอง บางทีขับรถผ่านร้านค้า โรงงาน เขาก็มีน้ำใจ คนจีนเป็นชนชาติเดียวที่มีน้ำใจมากที่สุด ฝรั่งไม่มีอย่างนี้
” เรื่องไปขอแต๊ะเอียไม่ได้เป็นอาชญากรรมร้ายแรง อย่างนี้เรียกว่าเป็นสิ่งไม่ควร ไม่ถึงกับผิด เพราะการไปขอถ้าฝ่ายโน้นไม่ให้ก็จบ แต่เรื่องนี้ก็ไม่เหมาะสมเพราะไปขอเขาทำไม"รองนายกฯกล่าว
****“ชูวิทย์”ฟัด“เฉลิม”ชี้ส่งส่วยตร.คนละส่วน"แตะเอีย"
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก “ชูวิทย์ I'm No.5” ระบุถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า แต๊ะเอียถ้าเขาเอามาให้ไม่ผิด เพราะเขาเต็มใจ เป็นประเพณีคนจีน เขาก็มาให้ตำรวจ พอตำรวจผ่านไปเขาก็เรียกแวะให้มารับ แต่กรณีนี้ไปขอเขาไม่เหมาะสมก็ต้องลงโทษ อย่าไปแปลกใจประเพณีตรุษจีนคู่ประเทศไทย เวลาถึงเทศกาลคนจีนมาให้เอง ว่า “คุณเฉลิมแกไม่เข้าใจ แกไม่ได้มีเชื้อจีน ไอ้ผมมันเด็กเยาวราช ตรุษจีนเขาต้องรับ “อั่งเปา” อั่งเปาก็คือ “ซองแดง” ตามธรรมเนียมจีนผู้ใหญ่เขาให้ “อั่งเปา” กับผู้น้อย คือ ให้ลูกหลาน หรือบริวาร ถ้าเป็นระดับเดียวกันเมื่อเขาให้อั่งเปาเราก็ต้องให้อั่งเปากลับเป็นธรรมเนียมประเพณี ปีนึงมี 1 ครั้ง พูดง่ายๆ ว่า “แต๊ะเอีย” ก็คือ “โบนัส” ของฝรั่ง หลังจากทำงานตรากตรำมาก็ให้แต๊ะเอีย เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ
ทีนี้มาพูดถึงที่คุณเฉลิมบอกว่า ตำรวจรับอั่งเปาไม่ผิด คุณเฉลิมเอาที่ไหนมาพูด เพราะว่าตำรวจมีเงินเดือนจากภาษีอากรของประชาชน จะเที่ยวไปเดินเร่รับอั่งเปามันไม่ถูกเรื่อง ตำรวจไม่ได้เป็นบริวาร ลูกหลาน ญาติสนิท จะมาเที่ยวอ้างข้างๆ คูๆ ว่าเป็นธรรมเนียม ก็เพราะคุณเฉลิมแกเป็นตำรวจเก่า เลยติดอยู่กับธรรมเนียมที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง อันนี้เป็นธรรมเนียมจีนแท้ๆ ส่วนเรื่องส่งส่วยมันคนละเรื่องกับอั่งเปา คุณเฉลิมเอามาพูดลิ้นพันกันมันไม่ถูก เป็นถึงผู้หลักผู้ใหญ่ อย่างนี้คนจีนเขาเรียกว่าพวก “เฉ๊าฉุ่ย” (พวกปากเหม็น) แล้วถ้าไม่รู้ธรรมเนียมจีนแต่สะเออะไปพูด เขาเรียกว่าเป็นพวก “ฮวงกุ้ย” (พวกหลังเขา) เป็นพวกห่างไกลความเจริญ พอเห็นเขาตั้งโต๊ะมีซาลาเปาก็สะเออะไปหยิบกินก่อนเจ้าของบ้าน แบบนี้มันผิดธรรมเนียม อ้างเอาว่าตัวเองเป็นพวกหลังเขาไม่รู้ธรรมเนียม ท้องหิว หน้ามืดตาลาย ก็หยิบกินเอา อ้างข้างๆ คูๆ แบบนี้แหละครับ
วานนี้ (12 ก.พ.) พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รอง ผบช.น.(รับผิดชอบงานจราจร) ได้ออกคำสั่งผ่านวิทยุสื่อสารตำรวจ (ว.8) สั่งการให้ตำรวจในสังกัด บก.น.1-9 ตั้งด่านกวดขันกวดขันวินัยจราจร (ว.43) ใน 5 ข้อหาหลัก ประกอบด้วย 1. ขับรถย้อนศร 2. ขับรถบนทางเท้า 3. จอดรถซ้อนคัน 4. แซงรถในที่คับขัน (ปาดเบียดเส้นทาง) 5. ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรสีแดง อย่างเคร่งครัด
โดยคำสั่งดังกล่าวระบุว่า ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรทุก สน.ในพื้นที่ บก.น.1-9 ต้องทำยอดใบสั่งกวดขันวินัยจราจรให้ได้วันละ 100 ใบขึ้นไป โดยเน้นย้ำว่าหาก สน.ใดไม่สามารถทำได้ถึงต้องทำหนังสือชี้แจงมายัง พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รอง ผบช.น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังคำสั่งดังกล่าวออกมาจึงมีคำสั่งจากผู้กำกับทุกสถานีตำรวจนครบาลให้ตำรวจจราจรทำยอดใบสั่งให้ได้ตามเป้า 100 ใบเป็นอย่างต่ำ จึงทำให้ทุก สน.มีการตั้งด่านจับกุมอย่างเคร่งครัด ซึ่งอาจเป็นช่องทางให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร (บางนาย) อาศัยจังหวะในคำสั่งดังกล่าวมาหากินกับผู้ใช้รถใช้ถนน เข้าทำนองว่า “หัวไม่ส่าย หางไม่กระดิก”
โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 8 ก.พ. ทางกองบังคับการตำรวจจราจรแจ้งว่า ขณะนี้มีประชาชนในกรุงเทพฯ บางส่วนได้กระทำผิดกฎจราจรและได้ก่อให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัดและเกิดอุบัติเหตุจราจรขึ้นจำนวนมาก พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รอง ผบช.น.(รับผิดชอบงานจราจร) จึงได้วางมาตรการและสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรในกรุงเทพมหานครทำการรณรงค์และบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น เพื่อลดอุบัติเหตุ ลดปัญหาจราจรที่อาจเกิดขึ้นจากการกระทำความผิดกฎหมายจราจรของผู้ใช้รถใช้ถนน โดยเฉพาะการกวดขันวินัยจราจร 17 ข้อหาหลักซึ่งเป็นข้อหาที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุและก่อให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัดรวมทั้งการก่อความเดือดร้อนและก่ออันตรายให้กับประชาชนมากที่สุด
ดังนั้นจึงได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรทุกสถานี รวมทั้งตำรวจ บก.จร. ระดมกำลังในการรณรงค์วินัยจราจรให้กับผู้ใช้รถใช้ถนน เน้นการกวดขันวินัยจราจร สร้างพฤติกรรมในการใช้รถใช้ถนนให้คนปฏิบัติตามเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย รวมทั้งแก้ไขปัญหาการจราจรที่ติดขัด โดยการเพิ่มความเข้มในการกวดขันจับกุม ใน 5 ข้อหาหลัก ระหว่างวันที่ 9-12 กุมภาพันธ์ 2556 ดังต่อไปนี้ คือ 1. ขับรถย้อนศร 2. ขับรถบนทางเท้า 3. จอดรถซ้อนคัน 4. แซงรถในที่คับขัน (ปาดเบียดเส้นทาง) 5. ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรสีแดง
โดยจะมีการตรวจสอบผลการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรทุกสถานีในการกวดขันวินัยจราจรทั้ง 5 ข้อหาหลักนี้ทุกวัน เพื่อนำมาประเมินผลในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการแก้ไขปัญหาการจราจรและการลดอุบัติเหตุจราจรที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า คำสั่งดังกล่าวออกมาเนื่องจากจะถึงฤดูกาลโยกย้ายตำรวจนครบาล (โผเล็ก) ในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ เป็นช่องว่างให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับ ผกก., สารวัตร จร., สวป., สว.สส. (บางนาย) สั่งให้ลูกน้องออกไปตั้งด่านหาเงินริมทางเพื่อนำเงินมาส่งส่วยให้กับนายตำรวจบางนาย เพื่อใช้ในการวิ่งเต้นโยกย้ายตำแหน่งด้วย
***แถ!สั่งกวดขันวินัยจราจรเท่านั้น
ต่อมาเวลา 15.00 น.วันเดียวกัน พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รอง ผบช.น.ดูแลรับผิดชอบงานด้านจราจร กล่าวตอบโต้กรณีมีคำสั่งกวดขันวินัยจราจรโดยอ้างว่ามีคำสั่งจาก รองผบช.น.ให้ตั้งเป้าทำยอดใบสั่งวันละ 100 ใบทุกสถานีตำรวจ นั้น ขอยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องจริง ตนไม่เคยมีคำสั่งในลักษณะดังกล่าวออกไป แต่เป็นเพียงเป็นการกวดขันวินัยวินัยจราจร โดยเฉพาะ 5 ข้อหาหลัก ตนได้กำชับให้แต่ละสถานีตำรวจกวดขันตามปกติ ส่วนพื้นที่ใดที่มีการจับกุมจำนวนน้อย ก็เพียงเรียกมาสอบถามว่าไม่มีความผิดในพื้นที่หรือทางเจ้าหน้าที่ไม่ปฏิบัติตามหน้าที่เท่านั้น ซึ่งจากกระแสข่าวที่ออกไปถือว่าเป็นการดูถูกตนเองและทางเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติมากเกินไป รวมถึงทำให้ประชาชนมองภาพตำรวจแบบมีอคติ ดังนั้นสื่อมวลชนควรวิพากษ์วิจารณ์อย่างสร้างสรรค์ พร้อมวอนหากไม่เข้าใจให้ยกหูสอบถามเพื่อความชัดเจนก่อนนำเสนอข่าวออกไป
****"เฉลิม"พูด "รับแตะเอีย"ได้
สำหรับกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางรัก 3 นายพ.ต.ท.พงษ์ศักดิ์ สุบินดี สวป.สน.บางรัก ด.ต.ประสาน เกยเมือง และ ด.ต.อนุชิต หมื่นยุทธ ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม สน.บางรัก ทำผิดวินัยเรียกรับเงินแต๊ะเอียจากร้านสูทตามที่เป็นข่าวนั้น
พล.ต.ต.วัลลภ ประทุมเมือง ผบก.น.6 กล่าวว่า ทางกองบังคับการตำรวจนครบาลได้ลงโทษสั่งกักขังและมีคำสั่งย้ายจาก สน.บางรัก ไปหมดแล้ว และทั้ง 3 นาย ได้รับโทษในสิ่งที่ทำ ถือว่าเรื่องนี้เป็นที่สิ้นสุดของโทษทางวินัยแล้ว ส่วน พ.ต.อ.รัชพล บุญนาค ผกก.สน.บางรัก นั้น ได้มาชี้แจงและพิสูจน์แล้วว่า ไม่ได้สั่งการให้ นายตำรวจทั้งหมดไปกระทำเช่นนั้น จึงไม่อยู่ในข่ายกระทำความผิด และกรณีนี้ไม่ต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนอีก เพราะได้ถือว่าสั่งลงโทษไปแล้ว
โดยได้เพิ่มโทษกักขัง พ.ต.ท.พงษ์ศักดิ์ สุบินดี สวป.จาก 3 วัน เป็น 7 วัน และให้ไปช่วยราชการที่กองบังคับการอำนวยการ บช.น.เป็นเวลา 180 วัน
ส่วน ด.ต.ประสานและ ด.ต.อนุชิต จากเดิมเสนอกักขังไว้ที่โรงพัก สน.บางรัก 15 วัน ให้เพิ่มโทษกักขัง เป็น 30 วัน และย้ายไปช่วยราชการ ที่กองบังคับการอำนวยการตำรวจนครบาล 6 เป็นเวลา 30 วัน โดย พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.พิจารณาเห็นชอบด้วยแล้ว
ด้านร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีตำรวจไปรับแต๊ะเอียที่สน.บางรัก ว่า การที่มีตำรวจมาก และมีตำรวจบางคนที่ซุกซน ใครทำผิดก็ลงโทษ ใครทำดีก็ต้องได้รางวัล ซึ่ง ผบช.น.ก็พยายามดูแลเต็มที่ แต่ก็ยากที่จะดูแลให้ได้ทั้งหมด เรื่องตรุษจีน การให้แต๊ะเอียมีมาตั้งแต่ตนฝึกงานอยู่โรงพักจักรวรรดิ 2515 แต๊ะเอีย ถ้าเขาเอามาให้ ไม่ผิด เพราะเขาเต็มใจ เป็นประเพณีคนจีน เขาก็มาให้ตำรวจ พอตำรวจผ่านไปเขาก็เรียกแวะให้มารับ แต่กรณีนี้ไปขอเขาไม่เหมาะสม ก็ต้องลงโทษ อย่าไปแปลกใจประเพณีตรุษจีนคู่ประเทศชาติประเทศไทย เวลาถึงเทศกาลคนจีนมาให้เอง บางทีขับรถผ่านร้านค้า โรงงาน เขาก็มีน้ำใจ คนจีนเป็นชนชาติเดียวที่มีน้ำใจมากที่สุด ฝรั่งไม่มีอย่างนี้
” เรื่องไปขอแต๊ะเอียไม่ได้เป็นอาชญากรรมร้ายแรง อย่างนี้เรียกว่าเป็นสิ่งไม่ควร ไม่ถึงกับผิด เพราะการไปขอถ้าฝ่ายโน้นไม่ให้ก็จบ แต่เรื่องนี้ก็ไม่เหมาะสมเพราะไปขอเขาทำไม"รองนายกฯกล่าว
****“ชูวิทย์”ฟัด“เฉลิม”ชี้ส่งส่วยตร.คนละส่วน"แตะเอีย"
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก “ชูวิทย์ I'm No.5” ระบุถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า แต๊ะเอียถ้าเขาเอามาให้ไม่ผิด เพราะเขาเต็มใจ เป็นประเพณีคนจีน เขาก็มาให้ตำรวจ พอตำรวจผ่านไปเขาก็เรียกแวะให้มารับ แต่กรณีนี้ไปขอเขาไม่เหมาะสมก็ต้องลงโทษ อย่าไปแปลกใจประเพณีตรุษจีนคู่ประเทศไทย เวลาถึงเทศกาลคนจีนมาให้เอง ว่า “คุณเฉลิมแกไม่เข้าใจ แกไม่ได้มีเชื้อจีน ไอ้ผมมันเด็กเยาวราช ตรุษจีนเขาต้องรับ “อั่งเปา” อั่งเปาก็คือ “ซองแดง” ตามธรรมเนียมจีนผู้ใหญ่เขาให้ “อั่งเปา” กับผู้น้อย คือ ให้ลูกหลาน หรือบริวาร ถ้าเป็นระดับเดียวกันเมื่อเขาให้อั่งเปาเราก็ต้องให้อั่งเปากลับเป็นธรรมเนียมประเพณี ปีนึงมี 1 ครั้ง พูดง่ายๆ ว่า “แต๊ะเอีย” ก็คือ “โบนัส” ของฝรั่ง หลังจากทำงานตรากตรำมาก็ให้แต๊ะเอีย เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ
ทีนี้มาพูดถึงที่คุณเฉลิมบอกว่า ตำรวจรับอั่งเปาไม่ผิด คุณเฉลิมเอาที่ไหนมาพูด เพราะว่าตำรวจมีเงินเดือนจากภาษีอากรของประชาชน จะเที่ยวไปเดินเร่รับอั่งเปามันไม่ถูกเรื่อง ตำรวจไม่ได้เป็นบริวาร ลูกหลาน ญาติสนิท จะมาเที่ยวอ้างข้างๆ คูๆ ว่าเป็นธรรมเนียม ก็เพราะคุณเฉลิมแกเป็นตำรวจเก่า เลยติดอยู่กับธรรมเนียมที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง อันนี้เป็นธรรมเนียมจีนแท้ๆ ส่วนเรื่องส่งส่วยมันคนละเรื่องกับอั่งเปา คุณเฉลิมเอามาพูดลิ้นพันกันมันไม่ถูก เป็นถึงผู้หลักผู้ใหญ่ อย่างนี้คนจีนเขาเรียกว่าพวก “เฉ๊าฉุ่ย” (พวกปากเหม็น) แล้วถ้าไม่รู้ธรรมเนียมจีนแต่สะเออะไปพูด เขาเรียกว่าเป็นพวก “ฮวงกุ้ย” (พวกหลังเขา) เป็นพวกห่างไกลความเจริญ พอเห็นเขาตั้งโต๊ะมีซาลาเปาก็สะเออะไปหยิบกินก่อนเจ้าของบ้าน แบบนี้มันผิดธรรมเนียม อ้างเอาว่าตัวเองเป็นพวกหลังเขาไม่รู้ธรรมเนียม ท้องหิว หน้ามืดตาลาย ก็หยิบกินเอา อ้างข้างๆ คูๆ แบบนี้แหละครับ