คลังขีดเส้นตาย 6 เดือนแบงก์อิสลามเดินหน้าฟื้นฟูกิจการ ส่งเจ้าหน้าที่ประกบแผนงานทุกสัปดาห์ พร้อมให้อำนาจเอ็มดีตั้งทีมที่ปรึกษาพลิกฟื้นแบงก์ แก้ NPL 2.4 หมื่นล้านหรือ 22.5% ยันเงินฝากยังแข็งแกร่งไม่มีไหลออก ด้าน ธปท.หนุนคลังคุมเข้มแบงก์รัฐ ยินดีให้ความร่วมมือหากต้องการ
วานนี้ (11 ก.พ.) ที่กระทรวงการคลัง นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้หารือร่วมกับนายธานินทร์ อังสุวรังสี ผู้จัดการ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) หรือ iBank รวมกับผู้บริหารระดับสูงและผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.)
นายสมชัย กล่าวว่า จากการหารือในครั้งนี้ทางกระทรวงการคลังได้กำหนดระยะเวลาให้ธนาคารอิสลามฯ 6 เดือนเพื่อดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการที่ธนาคารเสนอมาเพื่อแก้ปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 2.4 หมื่นล้านบาท หรือประมาณ 22.5% จากพอร์ตสินเชื่อคงค้าง ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2555 ที่มีอยู่ประมาณ 1.09 แสนล้านบาท และหลังจากนั้นจะประเมินแผนการฟื้นฟูอีกครั้งว่าจะเพิ่มทุนให้กับธนาคารอีกจำนวนเท่าใด
ในระหว่างนี้จะมีผู้แทนจาก สศค.และ สคร.เฝ้าติดตามการดำเนินงานของธนาคารอย่างใกล้ชิด โดยจะให้ธนาคารรายงานผลการดำเนินงานทุกสัปดาห์เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ทันท่วงที ขณะเดียวกันจะให้นายธานินทร์ แต่งตั้งทีมที่ปรึกษาเพื่อช่วยกันเดินหน้าแก้ไขและฟื้นฟูกิจการของธนาคารให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยการทำสัญญาจ้างเป็นระยะเวลา 1 ปี เพื่อให้มีความมั่นใจในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
“หากกระทรวงการคลังต้องเพิ่มทุนให้กับไอแบงก์ในตอนนี้คาดว่าคงต้องใช้เม็ดเงินเพิ่มทุนเป็นจำนวนมาก การให้เขามีระยะเวลาฟื้นฟูกิจการถึง 6 เดือนนั้นก็เพื่อให้มีการแก้ไขปัญหาที่หมักหมมอยู่บางส่วนให้ลุล่วงลงไปบ้างในระดับหนึ่ง และเมื่อครบ 6 เดือนแล้วค่อยมาพิจารณากันอีกครั้งว่าจะดำเนินการกับไอแบงก์ต่อไปอย่างไร จะเพิ่มทุนให้อีกมากน้อยเพียงใดตามความเหมาะสมของสถานะทางการเงินในขณะนั้น”
นายสมชัยกล่าวยืนยันว่า สถานการณทางด้านเงินฝากในปัจจุบันยังไม่มีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติแต่อย่างใด มีลูกค้าเงินฝากรายใหญ่คือบริษัทไปรษณีย์ไทย ถอนเงินประมาณ 400 – 500 ล้านบาทไปใช้หมุนเวียนในกิจการตามปกติเท่านั้น และยังมีเงินฝากจากลูกค้ารายใหญ่เข้ามาจำนวน 1 พันล้านบาท จึงขอย้ำให้ผู้ฝากเงินกับธนาคารไม่ต้องวิตกกังวลแต่อย่างใด
สำหรับฐานะทางการเงิน ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2555 ของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย มีสินทรัพย์ 1.3 แสนล้านบาท หนี้สิน 1.2 แสนล้านบาท สินเชื่อคงค้าง 1.09 แสนล้านบาท และมีระดับหนี้เสียอยู่ที่ 22.5% หรือ 2.4 หมื่นล้านบาท และมีระดับเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 4.6%
***ธปท.หนุนคลังเข้มแบงก์รัฐ
นางสาลินี วังตาล ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สายกำกับสถาบันการเงิน กล่าวถึง กรณีกระทรวงการคลังมีนโยบายแก้ปัญหาธนาคารเฉพาะกิจของรัฐว่า ดีใจที่กระทรวงการคลังเอาจริงจังในการแก้ไขปัญหา และหากกระทรวงการคลังต้องการให้ ธปท.ช่วยในเรื่องของข้อมูลใดๆ ธปท.ก็ยินดีอย่างยิ่ง
"การควบรวมกิจการระหว่างเอสเอ็มอีแบงก์กับแบงก์รัฐรายอื่น ก็ถือว่าเป็นการบรรเทาปัญหาได้ แต่ในส่วนธนาคารอิสลามเห็นว่ายังมีความจำเป็นที่จะให้บริการชาวมุสลิมในประเทศไทยที่มีอยู่จำนวน 3-4 ล้านคน และอิสลามแบงก์ประกอบธุรกิจจะแตกต่างจากแบงก์อื่นเพราะเป็นไปตามหลักของศาสนา" นางสาลินีกล่าว.
วานนี้ (11 ก.พ.) ที่กระทรวงการคลัง นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้หารือร่วมกับนายธานินทร์ อังสุวรังสี ผู้จัดการ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) หรือ iBank รวมกับผู้บริหารระดับสูงและผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.)
นายสมชัย กล่าวว่า จากการหารือในครั้งนี้ทางกระทรวงการคลังได้กำหนดระยะเวลาให้ธนาคารอิสลามฯ 6 เดือนเพื่อดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการที่ธนาคารเสนอมาเพื่อแก้ปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 2.4 หมื่นล้านบาท หรือประมาณ 22.5% จากพอร์ตสินเชื่อคงค้าง ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2555 ที่มีอยู่ประมาณ 1.09 แสนล้านบาท และหลังจากนั้นจะประเมินแผนการฟื้นฟูอีกครั้งว่าจะเพิ่มทุนให้กับธนาคารอีกจำนวนเท่าใด
ในระหว่างนี้จะมีผู้แทนจาก สศค.และ สคร.เฝ้าติดตามการดำเนินงานของธนาคารอย่างใกล้ชิด โดยจะให้ธนาคารรายงานผลการดำเนินงานทุกสัปดาห์เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ทันท่วงที ขณะเดียวกันจะให้นายธานินทร์ แต่งตั้งทีมที่ปรึกษาเพื่อช่วยกันเดินหน้าแก้ไขและฟื้นฟูกิจการของธนาคารให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยการทำสัญญาจ้างเป็นระยะเวลา 1 ปี เพื่อให้มีความมั่นใจในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
“หากกระทรวงการคลังต้องเพิ่มทุนให้กับไอแบงก์ในตอนนี้คาดว่าคงต้องใช้เม็ดเงินเพิ่มทุนเป็นจำนวนมาก การให้เขามีระยะเวลาฟื้นฟูกิจการถึง 6 เดือนนั้นก็เพื่อให้มีการแก้ไขปัญหาที่หมักหมมอยู่บางส่วนให้ลุล่วงลงไปบ้างในระดับหนึ่ง และเมื่อครบ 6 เดือนแล้วค่อยมาพิจารณากันอีกครั้งว่าจะดำเนินการกับไอแบงก์ต่อไปอย่างไร จะเพิ่มทุนให้อีกมากน้อยเพียงใดตามความเหมาะสมของสถานะทางการเงินในขณะนั้น”
นายสมชัยกล่าวยืนยันว่า สถานการณทางด้านเงินฝากในปัจจุบันยังไม่มีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติแต่อย่างใด มีลูกค้าเงินฝากรายใหญ่คือบริษัทไปรษณีย์ไทย ถอนเงินประมาณ 400 – 500 ล้านบาทไปใช้หมุนเวียนในกิจการตามปกติเท่านั้น และยังมีเงินฝากจากลูกค้ารายใหญ่เข้ามาจำนวน 1 พันล้านบาท จึงขอย้ำให้ผู้ฝากเงินกับธนาคารไม่ต้องวิตกกังวลแต่อย่างใด
สำหรับฐานะทางการเงิน ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2555 ของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย มีสินทรัพย์ 1.3 แสนล้านบาท หนี้สิน 1.2 แสนล้านบาท สินเชื่อคงค้าง 1.09 แสนล้านบาท และมีระดับหนี้เสียอยู่ที่ 22.5% หรือ 2.4 หมื่นล้านบาท และมีระดับเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 4.6%
***ธปท.หนุนคลังเข้มแบงก์รัฐ
นางสาลินี วังตาล ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สายกำกับสถาบันการเงิน กล่าวถึง กรณีกระทรวงการคลังมีนโยบายแก้ปัญหาธนาคารเฉพาะกิจของรัฐว่า ดีใจที่กระทรวงการคลังเอาจริงจังในการแก้ไขปัญหา และหากกระทรวงการคลังต้องการให้ ธปท.ช่วยในเรื่องของข้อมูลใดๆ ธปท.ก็ยินดีอย่างยิ่ง
"การควบรวมกิจการระหว่างเอสเอ็มอีแบงก์กับแบงก์รัฐรายอื่น ก็ถือว่าเป็นการบรรเทาปัญหาได้ แต่ในส่วนธนาคารอิสลามเห็นว่ายังมีความจำเป็นที่จะให้บริการชาวมุสลิมในประเทศไทยที่มีอยู่จำนวน 3-4 ล้านคน และอิสลามแบงก์ประกอบธุรกิจจะแตกต่างจากแบงก์อื่นเพราะเป็นไปตามหลักของศาสนา" นางสาลินีกล่าว.
