เอเจนซีส์ – ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอเมริกาค่อยๆ หลุดพ้นจากพายุหิมะรุนแรงที่สุดในรอบทศวรรษ ซึ่งส่งผลให้การสัญจรทั้งทางอากาศ ถนน และรถไฟเป็นอัมพาต ครัวเรือนและสถานธุรกิจกว่า 700,000 แห่งไม่มีไฟฟ้าใช้ และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 9ราย
พายุหิมะลูกใหญ่และลมที่มีความแรงระดับเฮอร์ริเคน ซึ่งพัดถล่มตั้งแต่บริเวณเกรตเลกส์จนถึงแถบแอตแลนติก ทำให้มีหิมะตกสูงกว่า 3 ฟุต (90 เซนติเมตร) ทั่วภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ ศูนย์กลางของพายุอยู่ในมลรัฐคอนเนตทิคัต โรดไอส์แลนด์ และแมสซาชูเซตส์ โดยมีพายุตกหนักที่สุด 1 เมตรในเมืองแฮมเด็น รัฐคอนเนตทิคัต อย่างไรก็ดี เมื่อถึงช่วงคืนวันเสาร์ (9) พายุได้เคลื่อนขึ้นทางเหนือมุ่งหน้าสู่แคนาดา และกระหน่ำใส่ 3 รัฐในประะเทศนั้น
อย่างไรก็ตาม สำนักงานบริการด้านภูมิอากาศแห่งชาติของสหรัฐฯ (NWS)ออกคำแถลงในวันอาทิตย์(10) เตือนว่า พายุหิมะลูกใหม่กำลังมุ่งหน้าสู่บริเวณที่ราบทางภาคเหนือของสหรัฐฯอีก โดยที่จะทำให้เกิดหิมะตกหนักและลมแรงจากทางตะวันออกเฉียงเหนือของมลรัฐโคโลราโด ไปจนถึงตอนกลางของมินนิโซตา ตั้งแต่วันอาทิตย์จนถึงวันจันทร์ ทั้งนี้ปริมาณหิมะตามบริเวณที่ตกหนักที่สุดทั่วทั้งภาคตะวันออกของมลรัฐเซาท์ดาโคตานั้น จะสูงกว่า 1 ฟุตได้ทีเดียวขณะที่ความเร็วลมก็ถึงระดับ 50 ไมล์ต่อชั่วโมง
ในระหว่างที่พายุหิมะพัดกระหน่ำใส่ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างรุนแรงที่สุดในวันศุกร์(8) นั้น ท่าอากาศยานทั้ง ลาการ์เดีย, จอห์น เอฟ. เคเนดี้ และนวร์ก ของแถบนิวยอร์ก ต้องระงับเที่ยวบินทั้งหมด แต่กลับมาให้บริการอีกครั้งอย่างขลุกขลักในวันต่อมา กระนั้นเว็บไซต์ไฟลท์อะแวร์ดอตคอม (FlightAware.com) รายงานว่า ยังคงมีเที่ยวบินเกือบ 2,000 เที่ยวบินในพื้นที่ดังกล่าวถูกยกเลิก เพิ่มเติมจากกว่า 3,000 เที่ยวเมื่อวันศุกร์ และมีแนวโน้มว่าอาจต้องยกเลิกอีกหลายร้อยเที่ยวในวันอาทิตย์
ที่นครบอสตัน พายุหิมะเล่นงานท่าอากาศยานโลแกน หนักมากกระทั่งต้องระงับปฏิบัติการกวาดหิมะนานหลายชั่วโมงในคืนวันเสาร์ อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่เผยว่า พร้อมให้บริการสำหรับเที่ยวบินขาเข้าบางส่วนในคืนวันเสาร์ และขาออกในวันอาทิตย์ (10)
ทางด้านแอมแทร็ค บริษัทผู้ให้บริการรถไฟแถลงว่า จะยังคงระงับการเดินรถไฟระหว่างนิวยอร์กและบอสตันไปจนถึงวันอาทิตย์ แต่สามารถให้บริการได้ตามปกติแล้วสำหรับเที่ยวรถไฟไปกรุงวอชิงตัน
เช่นเดียวกัน คำสั่งห้ามใช้รถยนต์ในแมสซาชูเซตส์ที่มีพายุตกหนาถึง 2 ฟุต (60 เซนติเมตร) ได้รับการยกเลิกในช่วงบ่ายวันเสาร์
แดนเนล มัลลอย ผู้ว่าการคอนเนตทิคัตยกเลิกการห้ามใช้ถนนในมลรัฐแล้วเช่นกัน แต่ยังขอร้องให้ประชาชนงดออกจากบ้าน เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถเคลียร์หิมะออกจากถนนและทางหลวงอย่างสะดวก
หิมะที่กองสูงถึง 31.9 นิ้ว (81 เซนติเมตร) ในเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐเมน ถือเป็นสถิติสูงสุดของเมืองนี้เท่าที่เคยเกิดขึ้นจากพายุหิมะลูกเดียว
ขณะเดียวกัน สำนักงานการบริหารจัดการเหตุฉุกเฉินของสหรัฐฯ (FEMA) เผยว่าได้ส่งเจ้าหน้าที่ประสานงานไปประจำในศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินในรัฐคอนเนตทิคัต แมสซาชูเซตส์ นิวแฮมป์เชียร์ นิวเจอร์ซีย์ นิวยอร์ก (ในอัลบานีและมหานครนิวยอร์ก) โรดไอส์แลนด์ และเวอร์มอนต์
อย่างไรก็ดี สำหรับมหานครนิวยอร์กที่มีหิมะสูงไม่ถึง 1 ฟุต (30 เซนติเมตร)ในเซนทรัลปาร์กนั้น ถนนส่วนใหญ่เปิดให้สัญจรตามปกติตั้งแต่เช้าวันเสาร์
ผู้จัดงานนิวยอร์ก แฟชั่น วีกแสดงความยินดีที่ในที่สุดพายุหิมะก็อำลาจากเมืองไปในวันที่ 3 ของงาน
ไม่เพียงกระทบกระเทือนการสัญจร ความเร็วของลมและความแรงของหิมะยังส่งผลให้กระแสไฟฟ้าถูกตัดขาดเป็นวงกว้าง กระทบต่อลูกค้ากว่า 700,000 ราย ใน9 มลรัฐ
การที่พายุหิมะกระหน่ำหนักในตอนใกล้ย่างเข้าสู่ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ดูจะช่วยลดผลกระทบกระเทือนลงไปได้ไม่น้อย แต่ถึงกระนั้นการสัญจรบนถนนหนทางที่แทบร้างทั่วทั้งบริเวณแถบนี้ก็ยังคงมีอันตรายอย่างสูง
พายุหิมะลูกใหญ่และลมที่มีความแรงระดับเฮอร์ริเคน ซึ่งพัดถล่มตั้งแต่บริเวณเกรตเลกส์จนถึงแถบแอตแลนติก ทำให้มีหิมะตกสูงกว่า 3 ฟุต (90 เซนติเมตร) ทั่วภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ ศูนย์กลางของพายุอยู่ในมลรัฐคอนเนตทิคัต โรดไอส์แลนด์ และแมสซาชูเซตส์ โดยมีพายุตกหนักที่สุด 1 เมตรในเมืองแฮมเด็น รัฐคอนเนตทิคัต อย่างไรก็ดี เมื่อถึงช่วงคืนวันเสาร์ (9) พายุได้เคลื่อนขึ้นทางเหนือมุ่งหน้าสู่แคนาดา และกระหน่ำใส่ 3 รัฐในประะเทศนั้น
อย่างไรก็ตาม สำนักงานบริการด้านภูมิอากาศแห่งชาติของสหรัฐฯ (NWS)ออกคำแถลงในวันอาทิตย์(10) เตือนว่า พายุหิมะลูกใหม่กำลังมุ่งหน้าสู่บริเวณที่ราบทางภาคเหนือของสหรัฐฯอีก โดยที่จะทำให้เกิดหิมะตกหนักและลมแรงจากทางตะวันออกเฉียงเหนือของมลรัฐโคโลราโด ไปจนถึงตอนกลางของมินนิโซตา ตั้งแต่วันอาทิตย์จนถึงวันจันทร์ ทั้งนี้ปริมาณหิมะตามบริเวณที่ตกหนักที่สุดทั่วทั้งภาคตะวันออกของมลรัฐเซาท์ดาโคตานั้น จะสูงกว่า 1 ฟุตได้ทีเดียวขณะที่ความเร็วลมก็ถึงระดับ 50 ไมล์ต่อชั่วโมง
ในระหว่างที่พายุหิมะพัดกระหน่ำใส่ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างรุนแรงที่สุดในวันศุกร์(8) นั้น ท่าอากาศยานทั้ง ลาการ์เดีย, จอห์น เอฟ. เคเนดี้ และนวร์ก ของแถบนิวยอร์ก ต้องระงับเที่ยวบินทั้งหมด แต่กลับมาให้บริการอีกครั้งอย่างขลุกขลักในวันต่อมา กระนั้นเว็บไซต์ไฟลท์อะแวร์ดอตคอม (FlightAware.com) รายงานว่า ยังคงมีเที่ยวบินเกือบ 2,000 เที่ยวบินในพื้นที่ดังกล่าวถูกยกเลิก เพิ่มเติมจากกว่า 3,000 เที่ยวเมื่อวันศุกร์ และมีแนวโน้มว่าอาจต้องยกเลิกอีกหลายร้อยเที่ยวในวันอาทิตย์
ที่นครบอสตัน พายุหิมะเล่นงานท่าอากาศยานโลแกน หนักมากกระทั่งต้องระงับปฏิบัติการกวาดหิมะนานหลายชั่วโมงในคืนวันเสาร์ อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่เผยว่า พร้อมให้บริการสำหรับเที่ยวบินขาเข้าบางส่วนในคืนวันเสาร์ และขาออกในวันอาทิตย์ (10)
ทางด้านแอมแทร็ค บริษัทผู้ให้บริการรถไฟแถลงว่า จะยังคงระงับการเดินรถไฟระหว่างนิวยอร์กและบอสตันไปจนถึงวันอาทิตย์ แต่สามารถให้บริการได้ตามปกติแล้วสำหรับเที่ยวรถไฟไปกรุงวอชิงตัน
เช่นเดียวกัน คำสั่งห้ามใช้รถยนต์ในแมสซาชูเซตส์ที่มีพายุตกหนาถึง 2 ฟุต (60 เซนติเมตร) ได้รับการยกเลิกในช่วงบ่ายวันเสาร์
แดนเนล มัลลอย ผู้ว่าการคอนเนตทิคัตยกเลิกการห้ามใช้ถนนในมลรัฐแล้วเช่นกัน แต่ยังขอร้องให้ประชาชนงดออกจากบ้าน เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถเคลียร์หิมะออกจากถนนและทางหลวงอย่างสะดวก
หิมะที่กองสูงถึง 31.9 นิ้ว (81 เซนติเมตร) ในเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐเมน ถือเป็นสถิติสูงสุดของเมืองนี้เท่าที่เคยเกิดขึ้นจากพายุหิมะลูกเดียว
ขณะเดียวกัน สำนักงานการบริหารจัดการเหตุฉุกเฉินของสหรัฐฯ (FEMA) เผยว่าได้ส่งเจ้าหน้าที่ประสานงานไปประจำในศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินในรัฐคอนเนตทิคัต แมสซาชูเซตส์ นิวแฮมป์เชียร์ นิวเจอร์ซีย์ นิวยอร์ก (ในอัลบานีและมหานครนิวยอร์ก) โรดไอส์แลนด์ และเวอร์มอนต์
อย่างไรก็ดี สำหรับมหานครนิวยอร์กที่มีหิมะสูงไม่ถึง 1 ฟุต (30 เซนติเมตร)ในเซนทรัลปาร์กนั้น ถนนส่วนใหญ่เปิดให้สัญจรตามปกติตั้งแต่เช้าวันเสาร์
ผู้จัดงานนิวยอร์ก แฟชั่น วีกแสดงความยินดีที่ในที่สุดพายุหิมะก็อำลาจากเมืองไปในวันที่ 3 ของงาน
ไม่เพียงกระทบกระเทือนการสัญจร ความเร็วของลมและความแรงของหิมะยังส่งผลให้กระแสไฟฟ้าถูกตัดขาดเป็นวงกว้าง กระทบต่อลูกค้ากว่า 700,000 ราย ใน9 มลรัฐ
การที่พายุหิมะกระหน่ำหนักในตอนใกล้ย่างเข้าสู่ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ดูจะช่วยลดผลกระทบกระเทือนลงไปได้ไม่น้อย แต่ถึงกระนั้นการสัญจรบนถนนหนทางที่แทบร้างทั่วทั้งบริเวณแถบนี้ก็ยังคงมีอันตรายอย่างสูง