เอเอฟพี/รอยเตอร์ - พายุหิมะ ที่คาดว่ารุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ถล่มฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ ในวันศุกร์ (8) ทำให้ทั้งเครื่องบิน รถยนต์ และรถไฟ ทั่วภูมิภาค ซึ่งมีประชากรหนาแน่น ต้องหยุดชะงัก ส่งผลกระทบต่อประชากรหลายสิบล้านคน
ในคืนวันศุกร์ ทั้งหิมะที่กลงมาอย่างหนัก และกระแสลมรุนแรง ทำให้ทุกสายการบิน ระงับการให้บริการตามสนามบินต่างๆ ในนิวยอร์ก ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเดินทางทางอากาศที่คับคั่งที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ไม่ว่าจะเป็น ลาการ์เดีย, นูอาร์ก ลิเบอร์ตี และสนามบินนานาชาติจอห์น เอฟ เคเนดี
ส่วนแมสซาชูเซตส์เพียงรัฐเดียว บ้านเรือน ห้างร้าน ธุรกิจต่างๆ ไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้กว่า 255,000 แห่งตั้งแต่ช่วงเย็น ซึ่งคาดว่าตัวเลขผู้ได้รับผลกระทบดังกล่าวน่าจะเพิ่มขึ้นอีก และยังมีรายงานว่าบนพื้นที่เกาะนันทักเก็ต ไอส์แลนด์ ในมลรัฐนี้ ลมพายุเคลื่อนที่ด้วยความเร็วถึง 119 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทีเดียว
ทั้งนี้คาดว่าผลกระทบจากพายุหิมะจะสาหัสที่สุดในช่วงกลางคืน ทั้งใน และโดยรอบเมืองบอสตัน ทำให้ เดวัล แพทริก ผู้ว่าการรัฐ ต้องออกคำสั่งปิดเส้นทางสัญจรปกติทั้งหมดในแมสซาชูเซตส์ชั่วคราว โดยมีบทลงโทษหนักถึงขั้นจำคุก 1 ปีหากฝ่าฝืน
สำหรับมลรัฐคอนเนตทิคัต ผู้ว่าฯ แดนเนล มัลลอย ประกาศคำสั่งห้ามการขับขี่ยานพาหนะบนทางหลวง เพื่อให้หน่วยฉุกเฉินสามารถทำงานได้อย่างสะดวก เช่นเดียวกับในมลรัฐโรดไอส์แลนด์
นอกเหนือจากถนนหนทาง และการสัญจรทางอากาศต้องหยุดชะงักแล้ว การเดินทางโดยรถไฟก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ซึ่งบริษัทอัมทรักระบุว่า ต้องระงับบริการรถไฟที่เดินทางจากนิวยอร์กไปทางเหนือ และลงใต้เพื่อไปยังกรุงวอชิงตันด้วย
พายุหิมะครั้งนี้เกิดขึ้นเพียง 3 เดือนกว่าๆ หลังเฮอริเคนแซนดี้ถล่มหลายพื้นที่ของนิวยอร์ก และนิวเจอร์ซี คร่าชีวิตผู้คนไปร่วม 132 ราย และสร้างความเสียหายเป็นมูลค่า 7.14 หมื่นล้านดอลลาร์ทีเดียว
ทั้งนี้ หิมะเริ่มตกทั่วภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ ตั้งแต่เช้าวันศุกร์ และตกหนักขึ้นเรื่อยๆ โดยคาดว่าในวันเสาร์ (9) จะทำให้มีหิมะหนาตั้งแต่ ครึ่งฟุต- 1 ฟุต ในนิวยอร์ก และอาจสูงถึง 2 ฟุตในเมืองบอสตัน