เมื่อวานนี้ (7ก.พ.) มีการประชุมคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายศุภชัย ศรีหล้า เป็นประธานการประชุม โดยได้เชิญผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเข้าชี้แจงถึงความคืบหน้า กรณีคนร้ายกระทำการอย่างอุกอาจ ใช้อาวุธปืนยิงใส่รถข่าว และอาคารสำนักงานของ ASTV ผู้จัดการ ซึ่งถือว่าเป็นการคุกคามสื่อมวลชน ซึ่งการชี้แจงครั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทรงพล วัธนะชัย รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 พร้อมด้วย พ.ต.อ.จักรภพ สุคนธราช ผกก.สน.ชนะสงคราม เข้าชี้แจงแทน
โดย พ.ต.อ.ทรงพล ชี้แจงว่า กรณีที่มีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่รถข่าว ASTV นั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบหลักฐานอย่างละเอียด ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร และจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด หรือ CCTV ที่ติดตั้งด้านหน้าของสถานีโทรทัศน์ ASTV ก็มีปัญหาภาพไม่ชัดเจน ทำให้ยากต่อการหาเบาะแสคนร้าย อีกทั้งการติดตั้งกล้อง CCTV ของสถานีโทรทัศน์ ASTV ก็อยู่ในจุดที่การคลอบคลุมของภาพไม่ทั่วถึง
นอกจากนี้ ก็ยังอยู่ในช่วงของการสอบปากคำพยานที่อยู่บริเวณใกล้เคียง และจะมีการตรวจเช็คภาพจากกล้อง CCTV ที่ติดตั้งตามบริเวณรอบข้าง เพื่อหาข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติม
ทั้งนี้ พ.ต.อ.ทรงพล กล่าวถึงมาตรการการป้องอันตรายว่า หน่วยงานต่างๆ ควรที่จะมีมาตรการการช่วยเหลือตนเองในเบื้องต้น รวมถึงมีช่องทางการประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อขอความช่วยเหลือ และความปลอดภัย
ต่อมาเวลา 14.30 น. วันเดียวกัน พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์ บริรักษ์กุล ผบก.น.1 พ.ต.อ.ทรงพล วัธนะชัย รอง ผบก.น. 1 พร้อมด้วย พ.ต.อ.จักรภพ สุคนธราช ผกก.สน.ชนะสงคราม และชุดสืบสวน ได้เดินทางไปยังสถานที่เกิดเหตุ บริเวณหน้าบ้านเจ้าพระยา สถานีเอเอสทีวี เพื่อตรวจสอบวิถีกระสุนปืนเพิ่มเติม ภายหลังจากที่ได้ชี้แจง ต่อคณะกรรมาธิการแล้ว
พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์ เปิดเผยว่า เป็นการตรวจสอบที่เกิดเหตุเพิ่มเติม พร้อมจำลองวิถีกระสุนจากด้านต่างๆ ในบริเวณโดยรอบ เพื่อเชื่อมโยงความน่าจะเป็นให้มากที่สุด เพื่อรวมรวมพยานหลักฐานในการหาตัวคนร้าย
อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ ขณะนี้ได้ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข่าวอย่างต่อเนื่อง ส่วนความชัดเจน ต้องรอผลการตรวจสอบวิถีกระสุนอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อถามว่า มีเบาะแสหรือไม่ว่าผู้ลงมือก่อเหตุจะเป็นกลุ่มใด พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์ กล่าวว่า เป็นไปได้หมด ต้องไปดูว่า ASTV.รายงานข่าวกระทบกับใครบ้าง มีปัญหากับใครบ้าง เราดูหมด แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่ที่พยานหลักฐาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจได้นำรถยนต์ฮอนด้าแจ๊ส สีขาว หมายเลขทะเบียน ฌน 0320 กรุงเทพมหานคร มาจอดย้อนศร บริเวณปากซอยตรอกเขียนนิวาสน์ จากนั้นได้จำลองเหตุการณ์โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ภายในรถ บริเวณเบาะนั่งด้านหลังฝั่งซ้าย จากนั้นได้เปิดกระจกลดลงพร้อมจำลองวิถีกระสุนเพิ่มเติมอีกครั้งหนึ่ง โดยยิงแสงเลเซอร์ไปบริเวณฝั่งตรงข้ามด้านขอบฟุตบาทจุดที่รถข่าวของ ASTVผู้จัดการ จอดอยู่ในวันเกิดเหตุ ก่อนจะรวบรวมพยานหลักฐานพร้อมสรุปอีกครั้งหนึ่ง
โดย พ.ต.อ.ทรงพล ชี้แจงว่า กรณีที่มีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่รถข่าว ASTV นั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบหลักฐานอย่างละเอียด ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร และจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด หรือ CCTV ที่ติดตั้งด้านหน้าของสถานีโทรทัศน์ ASTV ก็มีปัญหาภาพไม่ชัดเจน ทำให้ยากต่อการหาเบาะแสคนร้าย อีกทั้งการติดตั้งกล้อง CCTV ของสถานีโทรทัศน์ ASTV ก็อยู่ในจุดที่การคลอบคลุมของภาพไม่ทั่วถึง
นอกจากนี้ ก็ยังอยู่ในช่วงของการสอบปากคำพยานที่อยู่บริเวณใกล้เคียง และจะมีการตรวจเช็คภาพจากกล้อง CCTV ที่ติดตั้งตามบริเวณรอบข้าง เพื่อหาข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติม
ทั้งนี้ พ.ต.อ.ทรงพล กล่าวถึงมาตรการการป้องอันตรายว่า หน่วยงานต่างๆ ควรที่จะมีมาตรการการช่วยเหลือตนเองในเบื้องต้น รวมถึงมีช่องทางการประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อขอความช่วยเหลือ และความปลอดภัย
ต่อมาเวลา 14.30 น. วันเดียวกัน พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์ บริรักษ์กุล ผบก.น.1 พ.ต.อ.ทรงพล วัธนะชัย รอง ผบก.น. 1 พร้อมด้วย พ.ต.อ.จักรภพ สุคนธราช ผกก.สน.ชนะสงคราม และชุดสืบสวน ได้เดินทางไปยังสถานที่เกิดเหตุ บริเวณหน้าบ้านเจ้าพระยา สถานีเอเอสทีวี เพื่อตรวจสอบวิถีกระสุนปืนเพิ่มเติม ภายหลังจากที่ได้ชี้แจง ต่อคณะกรรมาธิการแล้ว
พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์ เปิดเผยว่า เป็นการตรวจสอบที่เกิดเหตุเพิ่มเติม พร้อมจำลองวิถีกระสุนจากด้านต่างๆ ในบริเวณโดยรอบ เพื่อเชื่อมโยงความน่าจะเป็นให้มากที่สุด เพื่อรวมรวมพยานหลักฐานในการหาตัวคนร้าย
อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ ขณะนี้ได้ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข่าวอย่างต่อเนื่อง ส่วนความชัดเจน ต้องรอผลการตรวจสอบวิถีกระสุนอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อถามว่า มีเบาะแสหรือไม่ว่าผู้ลงมือก่อเหตุจะเป็นกลุ่มใด พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์ กล่าวว่า เป็นไปได้หมด ต้องไปดูว่า ASTV.รายงานข่าวกระทบกับใครบ้าง มีปัญหากับใครบ้าง เราดูหมด แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่ที่พยานหลักฐาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจได้นำรถยนต์ฮอนด้าแจ๊ส สีขาว หมายเลขทะเบียน ฌน 0320 กรุงเทพมหานคร มาจอดย้อนศร บริเวณปากซอยตรอกเขียนนิวาสน์ จากนั้นได้จำลองเหตุการณ์โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ภายในรถ บริเวณเบาะนั่งด้านหลังฝั่งซ้าย จากนั้นได้เปิดกระจกลดลงพร้อมจำลองวิถีกระสุนเพิ่มเติมอีกครั้งหนึ่ง โดยยิงแสงเลเซอร์ไปบริเวณฝั่งตรงข้ามด้านขอบฟุตบาทจุดที่รถข่าวของ ASTVผู้จัดการ จอดอยู่ในวันเกิดเหตุ ก่อนจะรวบรวมพยานหลักฐานพร้อมสรุปอีกครั้งหนึ่ง
