ผลสำรวจความคิดเห็นการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครฯของหลายสำนักออก มาในแนวทางเดียวกันว่า พล.ต.อ.พงศพัศ พงศ์เจริญ ผู้สมัครหมายเลข9 พรรคเพื่อไทยมีคะแนนนำ และกำลังทิ้งห่างม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้สมัครหมายเลข 16 พรรคประชาธิปัตย์มากขึ้นเรื่อยๆ
ถ้ายึดถือตามผลสำรวจของสำนักต่างๆ หมายถึงการเลือกตั้งวันที่ 3 มีนาคมนี้ พล.ต.อ.พงศพัศ จะเป็นผู้ว่าฯกทม.คนใหม่
แต่หลายคนยังไม่อยากจะเชื่อว่า พรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. และพื้นฐานความไม่เชื่อ มีรากฐานจากความไม่ศรัธทาโพลล์ของหลายสำนัก โดยเฉพาะสวนดุสิตโพลล์ ซึ่งกำลังมีเรื่องฉาวโฉ่กันอยู่
นายมานิจ สุขสมจิตร อดีตบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ได้ประกาศลาออกจากนายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต เนื่องจากรับไม่ด้กับการจัดทำโพลล์และอับอายกับโพลล์ที่เอาใจผู้มีอำนาจ
แม้นายสุขุม เฉลยทรัพย์ ประธานดำเนินงานสวนดุสิตโพลล์ จะแกมาแก้ต่างว่า การจัดทำโพลล์ของสวนดุสิต จะเป็นไปตามหลักวิชาการ แต่ไม่ช่วยทำให้สังคมเชื่อในความตรงไปตรงมาของสวนดุสิตโพลล์ได้
และนายสุขุมก็แสดงทัศนะเสมอมาว่า เป็นนักวิชาการที่ฝักใฝ่ระบอบทักษิณ มีความนิยมรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และสวนดุสิตก็เป็นผู้รับงานจากรัฐบาล จัดงานเสาวนาเพื่อความปรองดอง
สวนดุสิตโพลล์ เป็นหนึ่งในสำนักที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)กำลังจับตาสอบสวน และถูกผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ร้องเรียน เพราะมีลักษณะของการชี้นำ ซึ่งไม่ใช่ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งแรก
แต่หลายต่อหลายครั้งแล้วที่สวนดุสิตโพลล์ ออกผลสำรวจในลักษณะเอาใจผู้มีอำนาจ เชลียร์รัฐบาลของระบอบทักษิณ จนถูกตั้งข้อสงสัยว่า นายสุขุมเป็นตัวบงการ “จัดให้”
การเลือกตั้งผู้ว่าฯทม.ครั้งนี้ ไม่ได้ตัดสินกันที่โพลล์ ไม่ได้พิจารณากันที่ความนิยมของผู้สมัคร แต่วัดกันด้วยฐานเสียงของแต่ละพรรค วัดกันที่ใจของคนกรุงเทพฯ
พรรคประชาธิปัตย์น่าจะมีความได้เปรียบกว่า เพราะฐานเสียงในกรุงเทพฯมากกว่า โดยการเลือกตั้งส.ส.ล่าสุด ประชาธิปัตย์กวาดชัยชนะท่วมท้น แต่ปัญหาคือ มวลชนของประชาธิปัตย์ยังเหนียวแน่นเหมือนเดิม รักประชาธิปัตย์อย่างมั่นคงเหมือนเดิมหรือไม่
เพราะช่วงเวลาปีเศษที่ผ่านมา มวลชนของประชาธิปัตย์แปรเปลี่ยนไปมาก และไม่ได้แปรพักร์ไปฝักใฝ่เพื่อไทย แต่เกิความรู้สึกเบื่อหน่าย เสื่อมศรัธทากับบทบาทของพรรค รวมถึงตัวท.ร.ว.สุขุมพันธ์ด้วย จึงประเมินไม่ได้ว่า คนกรุงเทพฯจะแห่ลงคะแนนช่วยประชาธิปัตย์เหมือนการเลือกตั้งทั่วไปปี2554หรือ ไม่
ความรู้สึกเดียวที่จะทำให้คนกรุงเทพฯหันมาเทคะแนนให้ประชาธิปัตย์คือ ความเกลียดพรรคเพื่อไทย ความกลัวระบอบทักษิณจะยึดครองกทม.
ประชาธิปัตย์ขายตัวเองไม่แล้ว จะต้องสร้างจุดขายใหม่ โดยหันขายพรรคเพื่อไทย ขายความเกลียดความกลัวระบอบทักษิณ เพื่อจูงใจให้คนมาเลือกม.ร.ว.สุขุมพันธ์
สำหรับพรรคเพื่อไทยมีจุดแข็งในด้านฐานมวลชน เพราะมวลชนคนเสื้อแดงมีความเหนียวแน่นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับรัฐบาลนางสาว ยิ่งลักษณ์ จนแทบจะส่งเสาไฟลงสมัครแทนได้
แต่ช่วยเวลาปีเศษที่ผ่านมา ประมาณมวลชนเสื้อแดงทั่วประเทศ รวมทั้งเขตกทม. ก็ร่อยหรอเหลือไม่เท่าเก่า เพราะเริ่มหูตาสว่าง เริ่มหมดศรัธาในพรรคเพื่อไทย และไม่งมงายสนับสนุนรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์เหมือนเข้ามาบริหารประเทศใหม่ๆ แล้ว
ฐานมวลชนคนเสื้อแดงของพรรคเพื่อไทยก็แปรพักร์ไปไม่น้อยเหมือนกัน เพียงแต่ไม่แน่ใจว่า จะพลิกขั้วไปเลือกประชาธิปัตย์หรือไม่เท่านั้น
จุดอ่อนสำคัญของพรรคเพื่อไทยคือ เป็นพรรคที่ก้าวมาเป็นรัฐบาล จากเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง แกนนำสำคัญของพรรคเพื่อไทย เคยเป็นแกนนำในการปลุกระดมให้คนเสื้อแดงลุกฮือเผาบ้านเผาเมือง ซึ่งคนกรุงเทพฯยังจำภาพเหตุการณ์เหมือนเกิดกลียุคบริเวณย่านราชประสงค์ใน เหตุการณ์19 พฤษภาคม2553ได้ดี
คนกรุงเทพฯจะเลือกพล.ต.อ.พงศพัศ ซึ่งเป็นผลิตผลจากพรรคการเมืองที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเผาบ้านเผาเมือง หรือไม่ เพราะถือเป็นอีกโจทย์ใหญ่ในการตัดสินเลือกผู้ว่าฯกทม.
จนใกล้โค้งสุดท้ายเข้ามาทุกขณะแล้ว แต่คนกรุงเทพฯจำนวนมาก ยังไม่รู้ว่า จะเลือกใครดี และมีจำนวนหนึ่ง อาจไม่เลือกใครเลย
คนกรุงฯที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกใครเป็นตัวแปรสำคัญของการเลือกตั้งครั้งนี้ เพื่อไทยหรือประชาธิปัตย์ จะแพ้หรือชนะได้ ขึ้นอยู่ว่า จะสร้างจุดขายของตัวเอง หรือสร้างจุดทำลายฝ่ายตรงข้ามได้ขนาดไหน ซึ่งแต่ละพรรคก็พยายามสาดโคลนใส่กันอยู่
ส่วนโพลล์สำนักต่างๆที่พยายามชี้นำพล.ต.อ.พงศพัศ ไม่น่าจะมีผลต่อการเลือกตั้งเท่าไหร่ เพราะปัจจุบันไม่มีใครเชื่อถือโพลล์สำนักดังๆมากนัก และบางคนมองเป็นแค่โพลล์ซังกะบ้วยที่ทำออกมารับใช้นักการเมืองเท่านั้น
โพลล์ของแห่งสวนดุสิตฯ จะซังกะบ้วยจริงหรือไม่ นายสุขุม เฉลยทรัพย์ จะเป็นนักวิชาการซังกะบ้วยรับใช้ระบอบทักษิณจริงหรือเปล่า รออีกบทพิสูจน์ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.
ถ้ายึดถือตามผลสำรวจของสำนักต่างๆ หมายถึงการเลือกตั้งวันที่ 3 มีนาคมนี้ พล.ต.อ.พงศพัศ จะเป็นผู้ว่าฯกทม.คนใหม่
แต่หลายคนยังไม่อยากจะเชื่อว่า พรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. และพื้นฐานความไม่เชื่อ มีรากฐานจากความไม่ศรัธทาโพลล์ของหลายสำนัก โดยเฉพาะสวนดุสิตโพลล์ ซึ่งกำลังมีเรื่องฉาวโฉ่กันอยู่
นายมานิจ สุขสมจิตร อดีตบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ได้ประกาศลาออกจากนายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต เนื่องจากรับไม่ด้กับการจัดทำโพลล์และอับอายกับโพลล์ที่เอาใจผู้มีอำนาจ
แม้นายสุขุม เฉลยทรัพย์ ประธานดำเนินงานสวนดุสิตโพลล์ จะแกมาแก้ต่างว่า การจัดทำโพลล์ของสวนดุสิต จะเป็นไปตามหลักวิชาการ แต่ไม่ช่วยทำให้สังคมเชื่อในความตรงไปตรงมาของสวนดุสิตโพลล์ได้
และนายสุขุมก็แสดงทัศนะเสมอมาว่า เป็นนักวิชาการที่ฝักใฝ่ระบอบทักษิณ มีความนิยมรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และสวนดุสิตก็เป็นผู้รับงานจากรัฐบาล จัดงานเสาวนาเพื่อความปรองดอง
สวนดุสิตโพลล์ เป็นหนึ่งในสำนักที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)กำลังจับตาสอบสวน และถูกผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ร้องเรียน เพราะมีลักษณะของการชี้นำ ซึ่งไม่ใช่ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งแรก
แต่หลายต่อหลายครั้งแล้วที่สวนดุสิตโพลล์ ออกผลสำรวจในลักษณะเอาใจผู้มีอำนาจ เชลียร์รัฐบาลของระบอบทักษิณ จนถูกตั้งข้อสงสัยว่า นายสุขุมเป็นตัวบงการ “จัดให้”
การเลือกตั้งผู้ว่าฯทม.ครั้งนี้ ไม่ได้ตัดสินกันที่โพลล์ ไม่ได้พิจารณากันที่ความนิยมของผู้สมัคร แต่วัดกันด้วยฐานเสียงของแต่ละพรรค วัดกันที่ใจของคนกรุงเทพฯ
พรรคประชาธิปัตย์น่าจะมีความได้เปรียบกว่า เพราะฐานเสียงในกรุงเทพฯมากกว่า โดยการเลือกตั้งส.ส.ล่าสุด ประชาธิปัตย์กวาดชัยชนะท่วมท้น แต่ปัญหาคือ มวลชนของประชาธิปัตย์ยังเหนียวแน่นเหมือนเดิม รักประชาธิปัตย์อย่างมั่นคงเหมือนเดิมหรือไม่
เพราะช่วงเวลาปีเศษที่ผ่านมา มวลชนของประชาธิปัตย์แปรเปลี่ยนไปมาก และไม่ได้แปรพักร์ไปฝักใฝ่เพื่อไทย แต่เกิความรู้สึกเบื่อหน่าย เสื่อมศรัธทากับบทบาทของพรรค รวมถึงตัวท.ร.ว.สุขุมพันธ์ด้วย จึงประเมินไม่ได้ว่า คนกรุงเทพฯจะแห่ลงคะแนนช่วยประชาธิปัตย์เหมือนการเลือกตั้งทั่วไปปี2554หรือ ไม่
ความรู้สึกเดียวที่จะทำให้คนกรุงเทพฯหันมาเทคะแนนให้ประชาธิปัตย์คือ ความเกลียดพรรคเพื่อไทย ความกลัวระบอบทักษิณจะยึดครองกทม.
ประชาธิปัตย์ขายตัวเองไม่แล้ว จะต้องสร้างจุดขายใหม่ โดยหันขายพรรคเพื่อไทย ขายความเกลียดความกลัวระบอบทักษิณ เพื่อจูงใจให้คนมาเลือกม.ร.ว.สุขุมพันธ์
สำหรับพรรคเพื่อไทยมีจุดแข็งในด้านฐานมวลชน เพราะมวลชนคนเสื้อแดงมีความเหนียวแน่นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับรัฐบาลนางสาว ยิ่งลักษณ์ จนแทบจะส่งเสาไฟลงสมัครแทนได้
แต่ช่วยเวลาปีเศษที่ผ่านมา ประมาณมวลชนเสื้อแดงทั่วประเทศ รวมทั้งเขตกทม. ก็ร่อยหรอเหลือไม่เท่าเก่า เพราะเริ่มหูตาสว่าง เริ่มหมดศรัธาในพรรคเพื่อไทย และไม่งมงายสนับสนุนรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์เหมือนเข้ามาบริหารประเทศใหม่ๆ แล้ว
ฐานมวลชนคนเสื้อแดงของพรรคเพื่อไทยก็แปรพักร์ไปไม่น้อยเหมือนกัน เพียงแต่ไม่แน่ใจว่า จะพลิกขั้วไปเลือกประชาธิปัตย์หรือไม่เท่านั้น
จุดอ่อนสำคัญของพรรคเพื่อไทยคือ เป็นพรรคที่ก้าวมาเป็นรัฐบาล จากเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง แกนนำสำคัญของพรรคเพื่อไทย เคยเป็นแกนนำในการปลุกระดมให้คนเสื้อแดงลุกฮือเผาบ้านเผาเมือง ซึ่งคนกรุงเทพฯยังจำภาพเหตุการณ์เหมือนเกิดกลียุคบริเวณย่านราชประสงค์ใน เหตุการณ์19 พฤษภาคม2553ได้ดี
คนกรุงเทพฯจะเลือกพล.ต.อ.พงศพัศ ซึ่งเป็นผลิตผลจากพรรคการเมืองที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเผาบ้านเผาเมือง หรือไม่ เพราะถือเป็นอีกโจทย์ใหญ่ในการตัดสินเลือกผู้ว่าฯกทม.
จนใกล้โค้งสุดท้ายเข้ามาทุกขณะแล้ว แต่คนกรุงเทพฯจำนวนมาก ยังไม่รู้ว่า จะเลือกใครดี และมีจำนวนหนึ่ง อาจไม่เลือกใครเลย
คนกรุงฯที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกใครเป็นตัวแปรสำคัญของการเลือกตั้งครั้งนี้ เพื่อไทยหรือประชาธิปัตย์ จะแพ้หรือชนะได้ ขึ้นอยู่ว่า จะสร้างจุดขายของตัวเอง หรือสร้างจุดทำลายฝ่ายตรงข้ามได้ขนาดไหน ซึ่งแต่ละพรรคก็พยายามสาดโคลนใส่กันอยู่
ส่วนโพลล์สำนักต่างๆที่พยายามชี้นำพล.ต.อ.พงศพัศ ไม่น่าจะมีผลต่อการเลือกตั้งเท่าไหร่ เพราะปัจจุบันไม่มีใครเชื่อถือโพลล์สำนักดังๆมากนัก และบางคนมองเป็นแค่โพลล์ซังกะบ้วยที่ทำออกมารับใช้นักการเมืองเท่านั้น
โพลล์ของแห่งสวนดุสิตฯ จะซังกะบ้วยจริงหรือไม่ นายสุขุม เฉลยทรัพย์ จะเป็นนักวิชาการซังกะบ้วยรับใช้ระบอบทักษิณจริงหรือเปล่า รออีกบทพิสูจน์ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.
