วานนี้(3 ม.ค.56) เมื่อเวลา 14.00 น. นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานกรรมการคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 พร้อมด้วยนายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการฯ ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 4 ผ่าทางตันประเทศไทย สร้างประชาธิปไตย เพื่อประชาชน เรื่องการนิรโทษกรรมเฉพาะประชาชนทุกฝ่าย โดย นายอดุลย์ กล่าวว่า ทุกฝ่ายเห็นด้วยว่า ควรจะให้มีการนิรโทษกรรมให้กับผู้ชุมนุมกลุ่มต่าง ๆ ของทุกเสื้อสี ยกเว้นแต่ผู้นำ 4 กลุ่ม คือ รัฐบาลในขณะนั้น ผู้นำเหล่าทัพ (ศอฉ.) เจ้าหน้าที่รัฐและแกนนำการชุมนุม โดยแนวทางที่ทางกลุ่มนปช.เสนอต่อนายกรัฐมนตรีรับไปพิจารณานั้น ควรกระจ่างชัดโดยไว
"การจะออก พ.ร.ก. ควรกระทำในทันที จะได้มีความชัดเจนว่า กระทำได้หรือไม่อย่างไร ไม่ควรปล่อยเวลาให้เนิ่นนาน หรือว่าจะเป็นข้อเสนอของทางกลุ่ม 29 ม.ค.โดยทาง อ.สุดา รังกุพันธุ์ ที่เสนอว่าร่างแก้ไขดังกล่าว รัฐบาลควรมีความเห็นก่อนปิดการประชุมสมัยนิติบัญญัติ หรือประมาณอีก 3 เดือนต่อจากนี้ และแนวทางสุดท้ายคือแนวทางของทาง ศ.ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน โดยเรียกร้องให้ส.ส.เข้าชื่อเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเฉพาะภาคประชาชน เพื่อให้ประธานรัฐสภาบรรจุวาระดังกล่าวลงในการประชุมสภาสมัยนี้ และหากสภาไม่มีการดำเนินการ ทางคณะกรรมการก็พร้อมที่จะประสานงานให้ภาคประชาชนเป็นผู้เสนอกฎหมาย 10,000 รายชื่อตามรัฐธรรมนูญ"
นายอดุลย์ กล่าวด้วยว่า ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่ประชาชนจะออกมาเรียกร้องให้มีการนิรโทษกรรมประชาชนโดยตรง สำหรับในส่วนของคนที่เป็นแกนนำนั้นต่างทราบกันดีอยู่แล้วว่า การให้มีการชุมนุมแต่ละครั้ง สิ่งสำคัญที่ควรคำนึงอันดับแรกคือ ความปลอดภัยของประชาชนผู้เข้าร่วมชุมนุม และเมื่อการชุมนุมยุติลง ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็ตาม แกนนำทุกคนต่างพร้อมที่จะรับผลของการชุมนุมที่จะเกิดตามมา ไม่ว่าจะเป็นการถูกดำเนินคดีต่างๆ โดยที่ประชาชนเข้าร่วมชุมนุมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด นั่นคือกฎ กติกา ธรรมเนียมปฏิบัติและธรรมชาติของการเข้าร่วมชุมนุมอยู่แล้ว ที่ผ่านมาแกนนำทุกคนต่างรู้ดีและไม่เคยร้องขอและหลีกเลี่ยงในการถูกสอบสวนเลย
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประชุมเปิดโรงเรียนเสื้อแดง ที่จ.นครราชสีมาว่า มีคำพูดหลายคำที่พยายามจะใช้พรรคประชาธิปัตย์ เป็นตัวช่วยในการประวิงเวลาในการออกกฎหมายนิรโทษกรรม จึงขอยืนยันอีกครั้งว่าพรรคไม่เคยขัดขวางหรือบิดเบือนข้อเท็จจริงที่การดำเนินการโดยกลุ่มคนเสื้อแดง แต่เราสนับสนุนการนิรโทษกรรมให้กับคนที่ไม่ทำผิดกฎหมายอาญา หรือทุจริตคอร์รัปชัน แต่รัฐบาลกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่อยู่กับรัฐบาล กำลังเล่นละครต้มคนเสื้อแดงที่อยู่ข้างนอก จะสังเกตได้ว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ ที่เพิ่งออกมาพูดเรื่องนี้และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ ที่ไปพบนายกรัฐมนตรีในเรื่องนี้ เป็นเพียงละครฉากหนึ่ง เพื่อซื้อเวลาต้มคนเสื้อแดง แล้วโทษพรรคประชาธิปัตย์ว่าเป็นอุปสรรคต่อการนิรโทษกรรมคนเสื้อแดง
ทั้งนี้ ในความเป็นจริงคือ แกนนำเสื้อแดงเสวยสุขในตำแหน่งส.ส. บอร์ดรัฐวิสาหกิจ และรัฐมนตรี เลื่อนชั้นเป็นอำมาตย์ จึงไม่เร่งร้อนขอกฎหมายล้างผิด เพราะต้องการอยู่ในอำนาจให้นานที่สุดเพื่อเสวยสุขในสิ่งที่ตนเองไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต แต่พี่น้องเสื้อแดงที่อยู่ในคุก บาดเจ็บ ล้มตาย จะด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็ไม่อยู่ในสายตา และไม่ได้เป็นเงื่อนไขที่แกนนำจะเร่งรีบสนองความต้องการแต่อย่างใด
นายชวนนท์ กล่าวด้วยว่า กรณีคำพูดของ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำเสื้อแดง และส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกมาตำหนิ กลุ่ม 29 มกราปลดปล่อยนักโทษการเมือง ที่เดินทางไปชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ว่า เหมือนกับคนที่นำมีดมาทิ่มแทงคนเสื้อแดงว่า ความจริงผู้ที่กำลังเอามีดทิ่มแทงพวกเดียวกันคือ นพ.เหวง และแกนนำเสื้อแดงที่ปล่อยปละละเลยเอาชีวิต และอิสรภาพคนเสื้อแดงมาเป็นตัวประกันให้ตัวเองก้าวขึ้นสู่อำนาจ ขอว่าให้เลิกพาดพิงพรรคประชาธิปัตย์ เพราะถ้ามั่นใจว่าประชาชนสนับสนุนการนิรโทษกรรม ก็เดินหน้าเลย เนื่องจากนายกฯชื่อยิ่งลักษณ์ และประธานสภา ก็ชื่อสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รัฐบาลสามารถผลักดันได้อยู่แล้ว ประชาธิปัตย์ก็ทำได้แค่ตีแผ่ความจริง จึงอยากให้คนเสื้อแดงตาสว่างได้แล้ว
นายชวนนท์ ยังกล่าวถึงกรณี นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ที่ออกมากล่าวหาว่า นักข่าวนิวยอร์กไทมส์ สนิทสนมกับคนของพรรคประชาธิปัตย์ว่า เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง เพราะเนื้อหาที่มีการนำเสนอว่าประเทศไทยมีนายกฯสองคนโดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร บริหารประเทศผ่านการสไกป์นั้น ไม่จำเป็นต้องใช้ข้อมูลจากพรรคประชาธิปัตย์ จึงขอให้หยุดเอาพรรคประชาธิปัตย์เป็นแพะรับบาปในทุกเรื่อง เพราะนักข่าวที่มีสติสัมปชัญญะดีทั่วโลกย่อมรู้ดีว่า ใครเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริง และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีบทบาทอย่างไร จึงอยากให้พรรคเพื่อไทย เอาเวลาไปคิดเรื่องที่เป็นประโยชน์กับประชาชนมากกว่าการเล่นการเมือง โต้ไป โต้มา
ก่อนหน้านั้น นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช. กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระบุให้การออกพรก.นิรโทษกรรม ต้องให้กฤษฎีกาศึกษาและรับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายก่อน แต่ในมุมของนปช.นั้นเห็นว่า ผู้ที่สูญเสียอิสรภาพสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเรื่องเวลา ยิ่งถูกจับกุมคุมขังมานานเท่าใดยิ่งทำร้ายจิตใจซึ่ง 3 แนวทางคือการออกพรบ. พรก.หรือแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องมีการสรุป หลังจากที่กฤษฎีกาศึกษาแล้วและน่าจะทำได้ทันทีคือการออกพรก. เพราะเป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร ในอดีตที่ผ่านมาการใช้พรก.นิรโทษกรรมก็เป็นโทษประหารชีวิต และกบฎเป็นส่วนใหญ่ มีเพียงกรณีนี้ที่จะนิรโทษกรรมเฉพาะประชาชน ซึ่งไม่เกี่ยวกับแกนนำ ดังนั้นวันนี้พรรคประชาธิปัตย์ต้องหยุดบิดเบือน เพราะจะไม่มีการนิรโทษกรรมให้แกนนำแม้แต่คนเดียว จะเป็นในส่วนของประชาชนทุกสีเสื้อ
สำหรับกรอบเวลาที่ควรออกพรก.นิรโทษกรรม เห็นว่าหลังกฤษฎีกาได้พิจารณาแล้ว เพราะไม่ได้ซับซ้อนอะไร ถ้าออกเป็นพรก. ปัญหามีนิดเดียวคือความหมายของคำว่าเร่งด่วนคืออะไร การที่ประชาชนถูกคุมขังมา 3 ปี อย่างนี้ยังเร่งด่วนพอที่จะปล่อยเขาหรือไม่"คิดว่าจากนี้ควรให้กฤษฎีกาดูว่าพรก.นี้ต่างจากอดีตอย่างไร เมื่อดูรอบคอบแล้ว ถ้าเห็นว่าเป็นอำนาจฝ่ายบริหารที่จะทำได้ ก็เป็นเรื่องข้อกฎหมาย เชื่อว่าการนิรโทษกรรมให้กับทุกฝ่ายในส่วนของประชาชนไม่ควรจะมีใครมาขัดข้อง " นายจตุพรกล่าว
ส่วนในอายุรัฐบาลชุดนี้ควรจะทำให้ได้ใช่หรือไม่ ก็ไม่ทราบว่าเหตุการณ์วันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เห็นว่า ประชาชนที่มาร่วมการต่อสู้ ต่างต่อสู้ในความเชื่อของตัวเอง ดังนั้นได้เวลาหรือยังที่จะมาปลดปล่อยประชาชนของตัวเองรวมถึงเรื่องคดีความ
เมื่อถามว่า จะปล่อยให้เวลาเลยไปถึงรัฐบาลชุดหน้าหรือไม่ นายจตุพรกล่าวว่า ก็ลองไปติดคุกดูบ้าง ตนเชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะพิจารณาเรื่องนี้ด้วยความเข้าใจ เพราะประชาชนไม่ควรจะมาเจอชะตากรรมอย่างนี้
ด้านร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรมว่า ตนยังไม่ได้รับหมอบหมายให้ดูอย่างจริงจัง แต่เชื่อว่าน่าจะผลักดันให้ออกมาได้ เพราะประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ ควรหาทางออกให้กับประเทศดีกว่ามาทะเลาะกัน เชื่อมั่นว่าสุดท้ายจะเกิดสันติสุขในประเทศ
นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยและแกนนำกลุ่มนปช. กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายเห็นด้วยกับการออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ว่า นปช.ยอมรับได้แม้จะเห็นว่าการออกพ.ร.ก.จะดีกว่าก็ตาม อย่างน้อยการออกพ.ร.บ.จะลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างกัน แม้จะช้าสักนิดยังดีกว่าออกพ.ร.ก.แล้วทำให้ฝ่ายค้านลากสู่องค์กรอิสระ ตนเชื่อว่าฝ่ายค้านจะต้องส่งเรื่องดังกล่าวให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่ามีความเร่งด่วนหรือไม่อย่างแน่นอน ทั้งนี้ประเด็นสำคัญคือท่าทีของรัฐบาลเป็นอย่างไรมากกว่าจะเดินหน้า หรือซื้อเวลาประเด็นนี้มากกว่าที่นปช.กังวล ต้องยอมรับว่าขณะนี้มวลชนเสื้อแดงหงุดหงิดรัฐบาลกับท่าทีที่ไม่ค่อยกล้าขยับ อยากให้ชัดเจนว่าจะหรือไม่ จะทำแนวทางไหน ใช้เวลามากน้อยแค่ไหน เพื่อผู้ต้องขังหรือญาติของทุกฝ่ายจะได้สบายใจ แต่ถ้าไม่มีคำตอบเลยมวลชนไม่อาจสบายใจก็อาจจะมีการเคลื่อนไหวกดดันทำให้เกิดความรู้สึกที่ไม่ดีต่อกัน โดยส่วนตัวมองว่าท่าทีนายกฯก็ตอบสนองในเรื่องนี้ เพราะได้ให้คณะกฤษฎีกาช่วยดูในข้อกฎหมายอยู่
"การจะออก พ.ร.ก. ควรกระทำในทันที จะได้มีความชัดเจนว่า กระทำได้หรือไม่อย่างไร ไม่ควรปล่อยเวลาให้เนิ่นนาน หรือว่าจะเป็นข้อเสนอของทางกลุ่ม 29 ม.ค.โดยทาง อ.สุดา รังกุพันธุ์ ที่เสนอว่าร่างแก้ไขดังกล่าว รัฐบาลควรมีความเห็นก่อนปิดการประชุมสมัยนิติบัญญัติ หรือประมาณอีก 3 เดือนต่อจากนี้ และแนวทางสุดท้ายคือแนวทางของทาง ศ.ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน โดยเรียกร้องให้ส.ส.เข้าชื่อเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเฉพาะภาคประชาชน เพื่อให้ประธานรัฐสภาบรรจุวาระดังกล่าวลงในการประชุมสภาสมัยนี้ และหากสภาไม่มีการดำเนินการ ทางคณะกรรมการก็พร้อมที่จะประสานงานให้ภาคประชาชนเป็นผู้เสนอกฎหมาย 10,000 รายชื่อตามรัฐธรรมนูญ"
นายอดุลย์ กล่าวด้วยว่า ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่ประชาชนจะออกมาเรียกร้องให้มีการนิรโทษกรรมประชาชนโดยตรง สำหรับในส่วนของคนที่เป็นแกนนำนั้นต่างทราบกันดีอยู่แล้วว่า การให้มีการชุมนุมแต่ละครั้ง สิ่งสำคัญที่ควรคำนึงอันดับแรกคือ ความปลอดภัยของประชาชนผู้เข้าร่วมชุมนุม และเมื่อการชุมนุมยุติลง ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็ตาม แกนนำทุกคนต่างพร้อมที่จะรับผลของการชุมนุมที่จะเกิดตามมา ไม่ว่าจะเป็นการถูกดำเนินคดีต่างๆ โดยที่ประชาชนเข้าร่วมชุมนุมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด นั่นคือกฎ กติกา ธรรมเนียมปฏิบัติและธรรมชาติของการเข้าร่วมชุมนุมอยู่แล้ว ที่ผ่านมาแกนนำทุกคนต่างรู้ดีและไม่เคยร้องขอและหลีกเลี่ยงในการถูกสอบสวนเลย
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประชุมเปิดโรงเรียนเสื้อแดง ที่จ.นครราชสีมาว่า มีคำพูดหลายคำที่พยายามจะใช้พรรคประชาธิปัตย์ เป็นตัวช่วยในการประวิงเวลาในการออกกฎหมายนิรโทษกรรม จึงขอยืนยันอีกครั้งว่าพรรคไม่เคยขัดขวางหรือบิดเบือนข้อเท็จจริงที่การดำเนินการโดยกลุ่มคนเสื้อแดง แต่เราสนับสนุนการนิรโทษกรรมให้กับคนที่ไม่ทำผิดกฎหมายอาญา หรือทุจริตคอร์รัปชัน แต่รัฐบาลกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่อยู่กับรัฐบาล กำลังเล่นละครต้มคนเสื้อแดงที่อยู่ข้างนอก จะสังเกตได้ว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ ที่เพิ่งออกมาพูดเรื่องนี้และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ ที่ไปพบนายกรัฐมนตรีในเรื่องนี้ เป็นเพียงละครฉากหนึ่ง เพื่อซื้อเวลาต้มคนเสื้อแดง แล้วโทษพรรคประชาธิปัตย์ว่าเป็นอุปสรรคต่อการนิรโทษกรรมคนเสื้อแดง
ทั้งนี้ ในความเป็นจริงคือ แกนนำเสื้อแดงเสวยสุขในตำแหน่งส.ส. บอร์ดรัฐวิสาหกิจ และรัฐมนตรี เลื่อนชั้นเป็นอำมาตย์ จึงไม่เร่งร้อนขอกฎหมายล้างผิด เพราะต้องการอยู่ในอำนาจให้นานที่สุดเพื่อเสวยสุขในสิ่งที่ตนเองไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต แต่พี่น้องเสื้อแดงที่อยู่ในคุก บาดเจ็บ ล้มตาย จะด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็ไม่อยู่ในสายตา และไม่ได้เป็นเงื่อนไขที่แกนนำจะเร่งรีบสนองความต้องการแต่อย่างใด
นายชวนนท์ กล่าวด้วยว่า กรณีคำพูดของ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำเสื้อแดง และส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกมาตำหนิ กลุ่ม 29 มกราปลดปล่อยนักโทษการเมือง ที่เดินทางไปชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ว่า เหมือนกับคนที่นำมีดมาทิ่มแทงคนเสื้อแดงว่า ความจริงผู้ที่กำลังเอามีดทิ่มแทงพวกเดียวกันคือ นพ.เหวง และแกนนำเสื้อแดงที่ปล่อยปละละเลยเอาชีวิต และอิสรภาพคนเสื้อแดงมาเป็นตัวประกันให้ตัวเองก้าวขึ้นสู่อำนาจ ขอว่าให้เลิกพาดพิงพรรคประชาธิปัตย์ เพราะถ้ามั่นใจว่าประชาชนสนับสนุนการนิรโทษกรรม ก็เดินหน้าเลย เนื่องจากนายกฯชื่อยิ่งลักษณ์ และประธานสภา ก็ชื่อสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รัฐบาลสามารถผลักดันได้อยู่แล้ว ประชาธิปัตย์ก็ทำได้แค่ตีแผ่ความจริง จึงอยากให้คนเสื้อแดงตาสว่างได้แล้ว
นายชวนนท์ ยังกล่าวถึงกรณี นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ที่ออกมากล่าวหาว่า นักข่าวนิวยอร์กไทมส์ สนิทสนมกับคนของพรรคประชาธิปัตย์ว่า เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง เพราะเนื้อหาที่มีการนำเสนอว่าประเทศไทยมีนายกฯสองคนโดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร บริหารประเทศผ่านการสไกป์นั้น ไม่จำเป็นต้องใช้ข้อมูลจากพรรคประชาธิปัตย์ จึงขอให้หยุดเอาพรรคประชาธิปัตย์เป็นแพะรับบาปในทุกเรื่อง เพราะนักข่าวที่มีสติสัมปชัญญะดีทั่วโลกย่อมรู้ดีว่า ใครเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริง และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีบทบาทอย่างไร จึงอยากให้พรรคเพื่อไทย เอาเวลาไปคิดเรื่องที่เป็นประโยชน์กับประชาชนมากกว่าการเล่นการเมือง โต้ไป โต้มา
ก่อนหน้านั้น นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช. กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระบุให้การออกพรก.นิรโทษกรรม ต้องให้กฤษฎีกาศึกษาและรับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายก่อน แต่ในมุมของนปช.นั้นเห็นว่า ผู้ที่สูญเสียอิสรภาพสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเรื่องเวลา ยิ่งถูกจับกุมคุมขังมานานเท่าใดยิ่งทำร้ายจิตใจซึ่ง 3 แนวทางคือการออกพรบ. พรก.หรือแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องมีการสรุป หลังจากที่กฤษฎีกาศึกษาแล้วและน่าจะทำได้ทันทีคือการออกพรก. เพราะเป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร ในอดีตที่ผ่านมาการใช้พรก.นิรโทษกรรมก็เป็นโทษประหารชีวิต และกบฎเป็นส่วนใหญ่ มีเพียงกรณีนี้ที่จะนิรโทษกรรมเฉพาะประชาชน ซึ่งไม่เกี่ยวกับแกนนำ ดังนั้นวันนี้พรรคประชาธิปัตย์ต้องหยุดบิดเบือน เพราะจะไม่มีการนิรโทษกรรมให้แกนนำแม้แต่คนเดียว จะเป็นในส่วนของประชาชนทุกสีเสื้อ
สำหรับกรอบเวลาที่ควรออกพรก.นิรโทษกรรม เห็นว่าหลังกฤษฎีกาได้พิจารณาแล้ว เพราะไม่ได้ซับซ้อนอะไร ถ้าออกเป็นพรก. ปัญหามีนิดเดียวคือความหมายของคำว่าเร่งด่วนคืออะไร การที่ประชาชนถูกคุมขังมา 3 ปี อย่างนี้ยังเร่งด่วนพอที่จะปล่อยเขาหรือไม่"คิดว่าจากนี้ควรให้กฤษฎีกาดูว่าพรก.นี้ต่างจากอดีตอย่างไร เมื่อดูรอบคอบแล้ว ถ้าเห็นว่าเป็นอำนาจฝ่ายบริหารที่จะทำได้ ก็เป็นเรื่องข้อกฎหมาย เชื่อว่าการนิรโทษกรรมให้กับทุกฝ่ายในส่วนของประชาชนไม่ควรจะมีใครมาขัดข้อง " นายจตุพรกล่าว
ส่วนในอายุรัฐบาลชุดนี้ควรจะทำให้ได้ใช่หรือไม่ ก็ไม่ทราบว่าเหตุการณ์วันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เห็นว่า ประชาชนที่มาร่วมการต่อสู้ ต่างต่อสู้ในความเชื่อของตัวเอง ดังนั้นได้เวลาหรือยังที่จะมาปลดปล่อยประชาชนของตัวเองรวมถึงเรื่องคดีความ
เมื่อถามว่า จะปล่อยให้เวลาเลยไปถึงรัฐบาลชุดหน้าหรือไม่ นายจตุพรกล่าวว่า ก็ลองไปติดคุกดูบ้าง ตนเชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะพิจารณาเรื่องนี้ด้วยความเข้าใจ เพราะประชาชนไม่ควรจะมาเจอชะตากรรมอย่างนี้
ด้านร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรมว่า ตนยังไม่ได้รับหมอบหมายให้ดูอย่างจริงจัง แต่เชื่อว่าน่าจะผลักดันให้ออกมาได้ เพราะประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ ควรหาทางออกให้กับประเทศดีกว่ามาทะเลาะกัน เชื่อมั่นว่าสุดท้ายจะเกิดสันติสุขในประเทศ
นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยและแกนนำกลุ่มนปช. กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายเห็นด้วยกับการออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ว่า นปช.ยอมรับได้แม้จะเห็นว่าการออกพ.ร.ก.จะดีกว่าก็ตาม อย่างน้อยการออกพ.ร.บ.จะลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างกัน แม้จะช้าสักนิดยังดีกว่าออกพ.ร.ก.แล้วทำให้ฝ่ายค้านลากสู่องค์กรอิสระ ตนเชื่อว่าฝ่ายค้านจะต้องส่งเรื่องดังกล่าวให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่ามีความเร่งด่วนหรือไม่อย่างแน่นอน ทั้งนี้ประเด็นสำคัญคือท่าทีของรัฐบาลเป็นอย่างไรมากกว่าจะเดินหน้า หรือซื้อเวลาประเด็นนี้มากกว่าที่นปช.กังวล ต้องยอมรับว่าขณะนี้มวลชนเสื้อแดงหงุดหงิดรัฐบาลกับท่าทีที่ไม่ค่อยกล้าขยับ อยากให้ชัดเจนว่าจะหรือไม่ จะทำแนวทางไหน ใช้เวลามากน้อยแค่ไหน เพื่อผู้ต้องขังหรือญาติของทุกฝ่ายจะได้สบายใจ แต่ถ้าไม่มีคำตอบเลยมวลชนไม่อาจสบายใจก็อาจจะมีการเคลื่อนไหวกดดันทำให้เกิดความรู้สึกที่ไม่ดีต่อกัน โดยส่วนตัวมองว่าท่าทีนายกฯก็ตอบสนองในเรื่องนี้ เพราะได้ให้คณะกฤษฎีกาช่วยดูในข้อกฎหมายอยู่
