00 ได้เห็นภาพปาหี่จากการชุมนุมเมื่อวันที่ 29 ม.ค. ที่ผ่านมา ของพวกเครือข่ายนิติเรด หรือนิติราษฎร์ ที่ก่อนหน้านี้ทำตัวเป็นแนวร่วม ไม่ต่างจาก “ขี้ข้า” ทักษิณ ชินวัตร คิดว่าฉลาดกว่า หวังว่าจะใช้เป็นเครื่องมือนำไปสู่เป้าหมายใหม่ที่ตัวเองเพ้อฝันแบบเด็กๆ แต่กลายเป็นว่าทุกอย่างกำลังพลิกเป็นตรงกันข้าม กลายเป็นว่าตัวเองกำลังถูกแม้วใช้เป็นเครื่องมือในการเคลื่อนไหวทุกเรื่อง และหากคิดว่านี่คือ “ละครปาหี่” ก็ถือว่า “เนียน” ใช้ได้ เพราะดูแล้วเหมือนกำลังถูก“เขี่ยทิ้ง” แยกออกไปไกลลิบจนไม่เห็นคุณค่า
00 สภาพของ วรเจตน์ ภาคีรัตน์ หัวโจกนิติราษฎร์ ของพวก ครก 112 เวลานี้ ไม่ต่างจากพวก “ปลายแถว” แม้ว่ายังไม่ได้ออกหน้าขึ้นเวทีโดยตรง แต่เสียฟอร์มไปไม่น้อย แม้ว่าหากมองด้วยเจตนาซ่อนเงื่อนแล้วก็ต้องบอกว่า ข้อเสนอของพวก “หัวครก” กลุ่มที่จะให้แก้ไขรธน. นิรโทษแบบ “เหมาเข่ง” จะส่งผลให้ ทักษิณ ชินวัตร ได้อานิสงส์ไปด้วย แต่ปัญหาก็คือ “ท่าที” และจังหวะเวลามันยังไม่ได้ ที่สำคัญการเสนอแนวทางแบบนี้มันทำให้รัฐบาลเสี่ยง ทำให้ “น้องสาวกูเสี่ยง” และในที่สุดจะส่งผลทำให้กูเสี่ยงไปด้วย เข้าใจหรือเปล่า นั่นคือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องมารับเผือกร้อน อีกทั้งเวลานี้ยังเป็นช่วงของการขับเคี่ยวเรื่องการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ยิ่งไม่อยากให้เห็นภาพคนเสื้อแดงออกมากดดันรัฐบาลพวกเดียวกัน
00 การออกมารับหน้าของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่แม้จะพยายามประคับประคองความรู้สึกพวกเดียวกัน “รักษาภาพ” ให้มากที่สุด ด้วยการกระโดดขึ้นเวทีปราศรัยชี้แจงความจำเป็นว่าเป็นไปไม่ได้ แม้จะยังได้รับเสียงปรบมือจากคนเสื้อแดงหน้าเวที แต่ด้านหลังไม่น้อยที่เริ่ม “ส่ายหัว” และนาทีนี้รับรอง เริ่มเสียความรู้สึกชัดเจนมากขึ้น ไม่เชื่อก็ลองดูข้อความบางชิ้น เช่น “จะขังกูฟรีนานแค่ไหน” มันสะท้อนออกมาชัด เพราะขณะที่คิดว่าถูกขังฟรีนั้น ก็มีพวกที่เสวยสุขลอยหน้าลอยตา ย่อมมีคนหงุดหงิดเป็นธรรมดา
00 อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องจำใส่หัวสมองของ วรเจตน์ ก็คือ แม้ว่าสิ่งที่เสนอให้นิรโทษกรรมแบบคลุมเครือ และตัว “แม้ว” อาจได้ประโยชน์แค่ไหนก็ตาม แต่เฉพาะหน้าถ้า “เสี่ยง” เขาก็ไม่เอา เพราะอย่าลืมว่าพวกเขากำลังถืออำนาจรัฐ ยังต้องทำมาหากินจากงบประมาณอีกมหาศาล อย่างน้อยอีกไม่กี่วันข้างหน้าก็มีเรื่อง “กู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท" โครงการทวายในพม่า กำลังไปได้สวย ไหนจะเรื่องปมพระวิหารแลกสัมปทาน ไหนจะเลือกตั้งผู้ว่าฯ สารพัด จะด่วนทุบหม้อข้าวตัวเองให้โง่ทำไม
00 อาจเป็นเพราะอยู่ “วงนอก” จนมองไม่เห็นสัญญาณ “ขยิบตา” หรือว่า “สำคัญตัวเองผิด”หรือเปล่า ไม่อาจรู้ได้ เพราะขนาดพวก ธิดา ถาวรเศรษฐ จตุพร พรหมพันธุ์ หรือ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ก่อนหน้านี้ทำขึงขัง จะเสนอ พ.ร.ก.นิรโทษ บอกว่าจะยกขบวนไปยื่นให้ นายกฯถึงทำเนียบฯ แต่เอาเข้าจริงก็เงียบ แต่กลายเป็นว่าในช่วงเวลาเดียวกัน จู่ๆก็มี อุกฤษ มงคลนาวิน โผล่ออกมาเสนอ พ.ร.บ.นิรโทษฯ หน้าตาเฉย แล้ววิปรัฐบาล และรัฐบาลก็รับลูกทันที เสนอเรื่องให้กฤษฎีกาพิจารณาข้อกม. ก่อนส่งให้สภาดำเนินการต่อไป มองในมุมนี้แหละได้เห็น “เกมปาหี่” ชัดๆ ไม่ต่างจากการสมคบกันสร้างกระแสเอาใจมวลชน ขณะเดียวกันยังคิดอาศัย “ลูกมั่ว” พ่วงล้างผิดแม้ว และหัวโจกที่โดนคดีอาญาก่อการร้ายไปด้วย
00 ดังนั้น ถ้าให้มองในภาพรวมก็ต้องเข้าใจว่า นี่คือการสมคบคิดกันระหว่าง แม้ว-คนเสื้อแดง-อุกฤษ โดยอาศัยประโยชน์จาก “กระแสนิรโทษฯ” โดยเสนอเป็นพระราชบัญญัติเข้าสภา แม้เบื้องต้นจะดูเหมือนเจตนานิรโทษฯ ให้ระดับชาวบ้านที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แต่ในบั้นปลายจะใช้วิธี “เหลี่ยมจัด” ไปมั่วในขั้นแปรญัตติ “พ่วงแม้ว” เข้าไปด้วย แต่ถ้าไม่ใช่ แน่จริงก็ให้รีบประกาศออกมาจากปากโดยเร็ว ทั้ง ทักษิณ ชินวัตร รวมทั้ง หัวโจกแดง ว่าจะไม่ขอรับประโยชน์ แม้จะรู้ว่ากฎหมายจะเขียนบังคับบุคคลไม่ได้ แต่มันก็มีวิธีแหละน่า ประเด็นมันอยู่ตรงนี้แหละ !!
00 อ้อ... ถ้าให้ถึงใจก็อย่าลืมใส่ชื่อ “กำนันเป๊าะ” สมชาย คุณปลื้ม ที่เข้ามาให้ตำรวจรวบตัวแบบพิลึก หลังจากหลบหนีหลายคดีเข้าไปด้วย เพราะถ้าพิจารณากันแบบ “ศรีธนญชัย” อาจจะเข้าข่าย “คดีการเมือง” ก็ได้นะ เพราะเคยเป็นนายกเทศมนตรีตำบลแสนสุขมาแล้ว !!
00 สภาพของ วรเจตน์ ภาคีรัตน์ หัวโจกนิติราษฎร์ ของพวก ครก 112 เวลานี้ ไม่ต่างจากพวก “ปลายแถว” แม้ว่ายังไม่ได้ออกหน้าขึ้นเวทีโดยตรง แต่เสียฟอร์มไปไม่น้อย แม้ว่าหากมองด้วยเจตนาซ่อนเงื่อนแล้วก็ต้องบอกว่า ข้อเสนอของพวก “หัวครก” กลุ่มที่จะให้แก้ไขรธน. นิรโทษแบบ “เหมาเข่ง” จะส่งผลให้ ทักษิณ ชินวัตร ได้อานิสงส์ไปด้วย แต่ปัญหาก็คือ “ท่าที” และจังหวะเวลามันยังไม่ได้ ที่สำคัญการเสนอแนวทางแบบนี้มันทำให้รัฐบาลเสี่ยง ทำให้ “น้องสาวกูเสี่ยง” และในที่สุดจะส่งผลทำให้กูเสี่ยงไปด้วย เข้าใจหรือเปล่า นั่นคือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องมารับเผือกร้อน อีกทั้งเวลานี้ยังเป็นช่วงของการขับเคี่ยวเรื่องการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ยิ่งไม่อยากให้เห็นภาพคนเสื้อแดงออกมากดดันรัฐบาลพวกเดียวกัน
00 การออกมารับหน้าของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่แม้จะพยายามประคับประคองความรู้สึกพวกเดียวกัน “รักษาภาพ” ให้มากที่สุด ด้วยการกระโดดขึ้นเวทีปราศรัยชี้แจงความจำเป็นว่าเป็นไปไม่ได้ แม้จะยังได้รับเสียงปรบมือจากคนเสื้อแดงหน้าเวที แต่ด้านหลังไม่น้อยที่เริ่ม “ส่ายหัว” และนาทีนี้รับรอง เริ่มเสียความรู้สึกชัดเจนมากขึ้น ไม่เชื่อก็ลองดูข้อความบางชิ้น เช่น “จะขังกูฟรีนานแค่ไหน” มันสะท้อนออกมาชัด เพราะขณะที่คิดว่าถูกขังฟรีนั้น ก็มีพวกที่เสวยสุขลอยหน้าลอยตา ย่อมมีคนหงุดหงิดเป็นธรรมดา
00 อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องจำใส่หัวสมองของ วรเจตน์ ก็คือ แม้ว่าสิ่งที่เสนอให้นิรโทษกรรมแบบคลุมเครือ และตัว “แม้ว” อาจได้ประโยชน์แค่ไหนก็ตาม แต่เฉพาะหน้าถ้า “เสี่ยง” เขาก็ไม่เอา เพราะอย่าลืมว่าพวกเขากำลังถืออำนาจรัฐ ยังต้องทำมาหากินจากงบประมาณอีกมหาศาล อย่างน้อยอีกไม่กี่วันข้างหน้าก็มีเรื่อง “กู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท" โครงการทวายในพม่า กำลังไปได้สวย ไหนจะเรื่องปมพระวิหารแลกสัมปทาน ไหนจะเลือกตั้งผู้ว่าฯ สารพัด จะด่วนทุบหม้อข้าวตัวเองให้โง่ทำไม
00 อาจเป็นเพราะอยู่ “วงนอก” จนมองไม่เห็นสัญญาณ “ขยิบตา” หรือว่า “สำคัญตัวเองผิด”หรือเปล่า ไม่อาจรู้ได้ เพราะขนาดพวก ธิดา ถาวรเศรษฐ จตุพร พรหมพันธุ์ หรือ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ก่อนหน้านี้ทำขึงขัง จะเสนอ พ.ร.ก.นิรโทษ บอกว่าจะยกขบวนไปยื่นให้ นายกฯถึงทำเนียบฯ แต่เอาเข้าจริงก็เงียบ แต่กลายเป็นว่าในช่วงเวลาเดียวกัน จู่ๆก็มี อุกฤษ มงคลนาวิน โผล่ออกมาเสนอ พ.ร.บ.นิรโทษฯ หน้าตาเฉย แล้ววิปรัฐบาล และรัฐบาลก็รับลูกทันที เสนอเรื่องให้กฤษฎีกาพิจารณาข้อกม. ก่อนส่งให้สภาดำเนินการต่อไป มองในมุมนี้แหละได้เห็น “เกมปาหี่” ชัดๆ ไม่ต่างจากการสมคบกันสร้างกระแสเอาใจมวลชน ขณะเดียวกันยังคิดอาศัย “ลูกมั่ว” พ่วงล้างผิดแม้ว และหัวโจกที่โดนคดีอาญาก่อการร้ายไปด้วย
00 ดังนั้น ถ้าให้มองในภาพรวมก็ต้องเข้าใจว่า นี่คือการสมคบคิดกันระหว่าง แม้ว-คนเสื้อแดง-อุกฤษ โดยอาศัยประโยชน์จาก “กระแสนิรโทษฯ” โดยเสนอเป็นพระราชบัญญัติเข้าสภา แม้เบื้องต้นจะดูเหมือนเจตนานิรโทษฯ ให้ระดับชาวบ้านที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แต่ในบั้นปลายจะใช้วิธี “เหลี่ยมจัด” ไปมั่วในขั้นแปรญัตติ “พ่วงแม้ว” เข้าไปด้วย แต่ถ้าไม่ใช่ แน่จริงก็ให้รีบประกาศออกมาจากปากโดยเร็ว ทั้ง ทักษิณ ชินวัตร รวมทั้ง หัวโจกแดง ว่าจะไม่ขอรับประโยชน์ แม้จะรู้ว่ากฎหมายจะเขียนบังคับบุคคลไม่ได้ แต่มันก็มีวิธีแหละน่า ประเด็นมันอยู่ตรงนี้แหละ !!
00 อ้อ... ถ้าให้ถึงใจก็อย่าลืมใส่ชื่อ “กำนันเป๊าะ” สมชาย คุณปลื้ม ที่เข้ามาให้ตำรวจรวบตัวแบบพิลึก หลังจากหลบหนีหลายคดีเข้าไปด้วย เพราะถ้าพิจารณากันแบบ “ศรีธนญชัย” อาจจะเข้าข่าย “คดีการเมือง” ก็ได้นะ เพราะเคยเป็นนายกเทศมนตรีตำบลแสนสุขมาแล้ว !!