xs
xsm
sm
md
lg

“อียู” เสือกอะไรกับศาล

เผยแพร่:   โดย: สุนันท์ ศรีจันทรา

เครือข่ายเฝ้าระวังพิทักษ์และปกป้องสถาบันประกาศแล้ว วันที่ 31 มกราคมนี้ จะเดินทางไปที่สำนักงานคณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย (อียู) เพื่อแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับอียูและเอกอัครราชทูตประเทศสมาชิกอียู หลังมีมติออกแถลงการณ์แสดงความเป็นห่วงคำพิพาษาของศาลไทยที่ตัดสินจำคุกนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข เป็นเวลา 10 ปี

การนัดรวมตัวประท้วงท่าทีของอียู เป็นสิ่งที่ควรและต้องกระทำ ไม่เฉพาะเครือข่ายระวังพิทักษ์และปกป้องสถาบันเท่านั้น แต่เป็นภารกิจของประชาชนทุกคน

เพราะอียูไม่มีสิทธิใดๆ ที่จะแสดงท่าทีเป็นห่วงเป็นใยคำตัดสินของศาลไทย อียูไม่มีสิทธิก้าวก่ายอธิปไตยและกระบวนการยุติธรรมของไทย ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม

นายสมยศถูกศาลตัดสินจำคุก 10 ปี ในความผิดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรืออาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

ในความเป็นห่วงคำตัดสินของศาล อียูอ้างว่า จะมีผลต่อสิทธิเสรีภาพการแสดงความคิดเห็น

ไม่รู้ว่า ประชาธิปไตยในกลุ่มประเทศอียู มีความฟุ้งเฟ้อด้านเสรีภาพเพียงใด ฟุ้งเฟ้อถึงขั้นให้ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพหมิ่นประมาทคนอื่นหรือไม่ เปิดกว้างให้ทุกคนมีสิทธิล่วงล้ำในสิทธิเสรีภาพคนอื่นเพียงใด

กลุ่มประเทศอียูมีกฎหมายคุ้มครองให้ใครจะด่าใครโดยไม่มีความผิดหรือไม่ และประเทศในกลุ่มอียูที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ ปล่อยให้สถาบันถูกจาบจ้วง เหยียบย่ำ ดูหมิ่นหรือไม่

มาตรา 112 ซึ่งนักวิชาการหัวแดงพยายามเคลื่อนไหวแก้ไข ไม่เพียงเพื่อบั่นทอนสถาบันพระมหากษัตริย์เท่านั้น แต่ยังเป็นการช่วยเหลือกลุ่มคนเสื้อแดง ทั้งระดับแกนนำและระดับรากหญ้าที่บังอาจจาบจ้วงสถาบัน และอยู่ระหว่างการถูกดำเนินคดีจำนวนมาก

เพราะถ้าแก้มาตรา 1112 สำเร็จ พวกคนเสื้อแดงปากพล่อยทั้งหลาย จะรอดจากคุก

กลุ่มประเทศอียูจะแกล้งโง่หรือโง่จริงๆ มิอาจทราบได้ แต่ข้อน่าสงสัยในพฤติกรรม คือ ทำไมจึงไม่รู้ว่า การหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเป็นความผิด และกฎหมายก็ระบุความผิดไว้ชัดเจนในมาตรา 112

คนไทยทุกคนรู้กฎหมาย และเคารพกฎหมายอย่างดี จึงแทบไม่มีใครกระทำความผิดตามมาตรา 112 จนกระทั่งรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รัฐบาลพรรคไทยรักไทยและแปรรูปมาเป็นพรรคเพื่อไทยเข้ามามีอำนาจ การละเมิดกฎหมายมาตรา 112 จึงเกิดขึ้นอย่างโจ๋งครึ่ม

และกลุ่มคนที่จาบจ้วงโจมตีสถาบัน มีเพียงกลุ่มคนเสื้อแดงเท่านั้น ตั้งแต่คนเสื้อแดงตัวพ่อหรือพ.ต.ท.ทักษิณ แกนนำคนเสื้อแดง หรือมวลชนคนเสื้อแดงระดับรากหญ้า จนติดคุกติดตารางไปหลายคนแล้ว

ถ้ามาตรา 112 ถูกแก้ไข ขอบเขตการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันเปิดกว้างขึ้น จึงเป็นเรื่องที่จะพิจารณาสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น แต่เมื่อกฎหมายยังมีผลบังคับใช้อยู่ และระบุขอบเขตไว้ชัดเจน อียูจะปล่อยให้กฎหมายถูกละเมิดหรือ

หรือว่ากฎหมายของประเทศกลุ่มอียูทุกฉบับตราขึ้นไว้เล่นๆ ใครจะละเมิดแหกกฎหมายก็ได้ ไม่ต้องถูกจับ ไม่ต้องติดคุก ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น กลุ่มประเทศอียู คงเป็นสังคมที่ไร้ขื่อแปร ฟุ้งเฟ้อไปด้วยสิทธิเสรีภาพ ใครจะด่าใครก็ได้เช่นนั้นหรือ

ทุกประเทศในกลุ่มอียูมีกฎหมายหมด รวมทั้งกฎหมายหมิ่นประมาทเพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล ไม่ให้ผู้อื่นก้าวก่าย ซึ่งถ้าไม่แกล้งโง่ ทูตอียูทุกคนต้องรู้ว่า ศาลเป็นขั้นตอนหนึ่งในกระบวนการยุติธรรม และศาลก็มีหน้าที่พิจารณาคดีตามตัวบทกฎหมาย

เมื่อมีคนละเมิดกฎหมาย และมีหลักฐานกระทำความผิดชัดแจ้ง จะให้ศาลพิจารณาละเว้นโทษหรือ ถ้าต้องการให้ศาลเว้นโทษผู้กระทำความผิด ทูตอียู หรือสมาชิกประเทศกลุ่มอียู ต้องกลับไปออกแถลงการณ์ประกาศในประเทศของตัวเองว่า

การตัดสินลงโทษคนที่กระทำผิดละเมิดสิทธิผู้อื่น หมิ่นประมาทให้ร้ายผู้อื่น จะมีผลต่อสิทธิเสรีภาพการแสดงความคิดเห็น

อียูทำเป็นดัดจริตห่วงสิทธิเสรีภาพของประชาชนประเทศอื่น แต่ประเทศตัวเองปล่อยให้ประชาชนใช้สิทธิเสรีภาพอย่างฟุ้งเฟ้อหรือไม่ ยอมให้กระบวนการยุติธรรมของประเทศตัวเองถูกแทรกแซงหรือเปล่า

ท่าทีของอียูที่มีต่อศาลไทยเป็นเรื่องที่น่าทุเรศ ไม่รู้คิดได้อย่างไร และไม่รู้อีกเหมือนกัน ฝรั่งที่มีระดับถึงขั้นทูตซึ่งน่าจะฉลาด แต่ทำไมจึงตกเป็นสาวกทางความคิดของระบอบทักษิณได้

แต่ถึงจะเป็นกลุ่มอียู ถึงจะเป็นทูตอียู แต่เมื่อก้าวก่ายแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมของไทย แสดงท่าทีตำหนิคำตัดสินของศาลไทย ไม่ให้เกียรติประเทศไทย ไม่รู้จักมารยาทในการเกรงใจคนไทย ก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องเกรงใจอียู ไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่สั่งสอนมารยาทให้ทูตอียูที่ประจำในประเทศไทยทุกคน

อย่าปล่อยให้การสั่งสอนมารยาทให้ทูตอียู เป็นหน้าที่ของเครือข่ายเฝ้าระวังพิทักษ์และปกป้องสถาบันเท่านั้น แต่คนไทยทุกคนจะต้องลุกขึ้นมาแสดงพลัง ประณามแถลงการณ์ของสำนักผู้แทนกลุ่มประเทศอียูประจำประเทศไทย

บอกให้รู้ว่า อย่าจุ้นเรื่องของคนอื่น โดยเฉพาะเรื่องที่ไม่ควรจะจุ้น

และบอกให้รู้ว่า อียูควรจะจุ้นเรื่องของตัวเองมากกว่า เพราะยังมีวิกฤตหนี้จนแทบเอาตัวเองไม่รอดอยู่

ประชาชนในกลุ่มประเทศอียูก็กำลังทนทุกข์อยู่กับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ต้องใช้มาตรการรัดเข็มขัด จนได้รับผลกระทบกันทุกหย่อมหญ้า

คณะผู้แทนและทูตอียูประจำประเทศไทย ควรเอาเวลาไปคิดหาวิธีแก้ปัญหา ทำอย่างไรประเทศตัวเองจะรอดจากการล่มสลายทางเศรษฐกิจ มากกว่าทำหน้าที่เป็นม้าใช้ระบอบทักษิณหรือนักวิชาการหัวแดง

ออกแถลงการณ์บ้าๆ แสดงท่าทีโง่ๆ จุ้นจ้านเรื่องของคนอื่นอย่างไร้มารยาท ทำให้ต้องสมน้ำหน้าแล้วที่อียูต้องเผชิญกับวิกฤตหนี้ และไม่รู้จะรอดจากการล่มสลายทั้งกลุ่มได้หรือไม่
กำลังโหลดความคิดเห็น