ASTVผู้จัดการรายวัน - กฟน.เผยต้องใช้เงินสูงถึง 3แสนล้านบาทในการเปลี่ยนจากสายอากาศเป็นสายใต้ดินในเขตพื้นที่ให้บริการ 3 จังหวัด โดยปีนี้จะใช้งบลงทุนถึง 1.3 หมื่นล้านบาท สูงกว่าปีก่อน เนื่องจากท่อใต้ดินเต็มทำให้ต้องทำอุโมงค์แทน ดันค่าใช้จ่ายพุ่ง10 เท่า
นายอาทร สินสวัสดิ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เปิดเผยว่า ในปีนี้กฟน.จะใช้งบลงทุนเพิ่มขึ้นเป็น 1.3 หมื่นล้านบาท เพื่อขยายระบบสายส่งและเปลี่ยนระบบสายป้อนอากาศเป็นสายใต้ดินแทนใช้เงิน 9 พันล้านบาท งานระบบไอที 3 พันล้านบาท และที่เหลือเป็นติดตั้งอุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ ซึ่งปีนี้ใช้งบลงทุนสูงกว่าปีก่อนที่ใช้งบลงทุนเพียง 9 พันล้านบาท เนื่องจากการเปลี่ยนระบบสายป้อนอากาศเป็นสายใต้ดินไม่สามารถผ่านลงท่อได้เหมือนอดีต ต้องลงทุนทำอุโมงค์เอง ทำให้ต้นทุนสูงขึ้นกว่าเดิม 10 เท่า
สำหรับแหล่งเงินทุนจะมาจากการกู้ยืมสถาบันการเงินในประเทศ 30%ของวงเงินลงทุน และกฟน.ยังไม่มีแผนที่จะระดมทุนผ่านกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (อินฟาร์สตรัคเจอร์ ฟันด์) เนื่องจากอยู่ระหว่างการศึกษา และไม่แน่ใจรายละเอียดการตั้งกองทุนฯดังกล่าว
นายอาทร กล่าวต่อไปว่า จากนโยบายกระืทรวงมหาดไทยที่ให้กฟน.เปลี่ยนระบบจากสายป้่อนอากาศเป็นสายไฟใต้ดินทั้งหมดในพื้นที่ดูแลทั้ กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการและนนทบุรี คาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนสูงถึง 3 แสนล้านบาท แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีการทยอยนำสายป้อนอากาศเป็นสายใต้ดินบ้างแล้วก็ตาม
“ นโยบายกระทรวงมหาดไทย ทำให้นับจากนี้ไปโครงการติดตั้งสายไฟฟ้าใหม่จะต้องลงดินหมด ไม่สามารถติดตั้งเป็นสายอากาศได้แล้ว ขณะเดียวกันก็จะเปลี่ยนระบบจากสายอากาศเ็ป็นสายใต้ดินด้วย โดยเฉพาะตามเส้นทางรถไฟฟ้า แต่ต้นทุนสูงขึ้น 10เท่า เนื่องจากปัจจุบันท่อใต้ดินเต็ม ทำให้ต้องทำอุโมงค์์ ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายพุ่ง ซึ่งกฟน.จะขอปรับงบลงทุนจากสภาพัฒน์”
นายอาทร กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้กฟน.คาดว่าการใช้ไฟฟ้าในพื้นที่บริการจะขยายตัว 3.5%หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 1 พันล้านยูนิต/ปี ซึ่งต่ำกว่าปีก่อนความต้องการใช้ไฟฟ้าเติบโตถึง 8%จากการใช้ไฟฟ้ารวม 4.4 หมื่นล้านยูนิต เนื่องจากอัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี)ปีนี้เพียง 3.5% และกฟน.มีโครงการส่งเสริมการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคาร
วานนี้ (29 ม.ค.) นายอาทร สินสวัสดิ์ ผู้ว่าการ การไฟฟ้านครหลวง ลงนามบันทึกความร่วมมือโครงการส่งเสริมการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคารกับผู้บริหารมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี โดยจะจัดประกวดเพื่อหาสุดยอดอาคารประหยัดพลังงานกับกฟน. โดยปีแรกนี้คัดเลือกอาคารใน 2 ประเภท คือ โรงพยาบาล และอาึคารที่ใช้เพื่อการค้าปลีก ค้าส่ง (ไฮเปอร์มาร์เก็ต) ในเขตพื้นที่ให้บริการของกฟน. คาดว่าจะมีอาคารเข้าร่วมโครงการนี้ 30 แห่ง
นายอาทร สินสวัสดิ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เปิดเผยว่า ในปีนี้กฟน.จะใช้งบลงทุนเพิ่มขึ้นเป็น 1.3 หมื่นล้านบาท เพื่อขยายระบบสายส่งและเปลี่ยนระบบสายป้อนอากาศเป็นสายใต้ดินแทนใช้เงิน 9 พันล้านบาท งานระบบไอที 3 พันล้านบาท และที่เหลือเป็นติดตั้งอุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ ซึ่งปีนี้ใช้งบลงทุนสูงกว่าปีก่อนที่ใช้งบลงทุนเพียง 9 พันล้านบาท เนื่องจากการเปลี่ยนระบบสายป้อนอากาศเป็นสายใต้ดินไม่สามารถผ่านลงท่อได้เหมือนอดีต ต้องลงทุนทำอุโมงค์เอง ทำให้ต้นทุนสูงขึ้นกว่าเดิม 10 เท่า
สำหรับแหล่งเงินทุนจะมาจากการกู้ยืมสถาบันการเงินในประเทศ 30%ของวงเงินลงทุน และกฟน.ยังไม่มีแผนที่จะระดมทุนผ่านกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (อินฟาร์สตรัคเจอร์ ฟันด์) เนื่องจากอยู่ระหว่างการศึกษา และไม่แน่ใจรายละเอียดการตั้งกองทุนฯดังกล่าว
นายอาทร กล่าวต่อไปว่า จากนโยบายกระืทรวงมหาดไทยที่ให้กฟน.เปลี่ยนระบบจากสายป้่อนอากาศเป็นสายไฟใต้ดินทั้งหมดในพื้นที่ดูแลทั้ กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการและนนทบุรี คาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนสูงถึง 3 แสนล้านบาท แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีการทยอยนำสายป้อนอากาศเป็นสายใต้ดินบ้างแล้วก็ตาม
“ นโยบายกระทรวงมหาดไทย ทำให้นับจากนี้ไปโครงการติดตั้งสายไฟฟ้าใหม่จะต้องลงดินหมด ไม่สามารถติดตั้งเป็นสายอากาศได้แล้ว ขณะเดียวกันก็จะเปลี่ยนระบบจากสายอากาศเ็ป็นสายใต้ดินด้วย โดยเฉพาะตามเส้นทางรถไฟฟ้า แต่ต้นทุนสูงขึ้น 10เท่า เนื่องจากปัจจุบันท่อใต้ดินเต็ม ทำให้ต้องทำอุโมงค์์ ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายพุ่ง ซึ่งกฟน.จะขอปรับงบลงทุนจากสภาพัฒน์”
นายอาทร กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้กฟน.คาดว่าการใช้ไฟฟ้าในพื้นที่บริการจะขยายตัว 3.5%หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 1 พันล้านยูนิต/ปี ซึ่งต่ำกว่าปีก่อนความต้องการใช้ไฟฟ้าเติบโตถึง 8%จากการใช้ไฟฟ้ารวม 4.4 หมื่นล้านยูนิต เนื่องจากอัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี)ปีนี้เพียง 3.5% และกฟน.มีโครงการส่งเสริมการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคาร
วานนี้ (29 ม.ค.) นายอาทร สินสวัสดิ์ ผู้ว่าการ การไฟฟ้านครหลวง ลงนามบันทึกความร่วมมือโครงการส่งเสริมการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคารกับผู้บริหารมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี โดยจะจัดประกวดเพื่อหาสุดยอดอาคารประหยัดพลังงานกับกฟน. โดยปีแรกนี้คัดเลือกอาคารใน 2 ประเภท คือ โรงพยาบาล และอาึคารที่ใช้เพื่อการค้าปลีก ค้าส่ง (ไฮเปอร์มาร์เก็ต) ในเขตพื้นที่ให้บริการของกฟน. คาดว่าจะมีอาคารเข้าร่วมโครงการนี้ 30 แห่ง
