วานนี้(28 ม.ค.56) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงผลสำรวจคะแนนนิยม ที่พบว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. ของพรรคประชาธิปัตย์ เป็นรองพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. ของพรรคเพื่อไทยว่า ไม่กังวล และไม่แปลกใจ รวมถึงไม่ประมาท และจากการลงพื้นที่หาเสียงที่ผ่านมา ก็ได้รับการตอบรับที่ดี และคงต้องใช้เวลาในการดึงคะแนนเสียงจากกลุ่มคนที่ยังไม่ตัดสินใจ โดยเราต้องนำเสนอทั้งผลงานและนโยบายใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์และทำได้จริง รวมถึงต้องมีการปรับปรุงแนวทางการหาเสียงด้วย ส่วนที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โฟนอินทางยังเวทีเสื้อแดง จ.อุบลราชธานี โดยย้ำว่าให้เลือกผู้ว่าฯกทม. จากพรรคเพื่อไทย เพื่อจะได้ยึดกทม.ได้อย่างเบ็ดเสร็จนั้น อยากถามว่าจะยึดกรุงเทพฯไปทำอะไร ตนเข้าใจดีว่า พ.ต.ท.ทักษิณอยากยึดทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ก็อยู่ที่ชาวกทม.ที่จะพิจารณาอนาคตของเมืองหลวง
“ขอยืนยันว่า การมีผู้บริหารเมืองที่มีความเป็นอิสระ รักษาผลประโยชน์ของคนเมืองมีความสำคัญ และคนที่เป็นผู้บริหารกทม.จะต้องมีความเป็นตัวของตัวเอง ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถผลักดันอะไรหลายสิ่งหลายอย่างที่แตกต่างไปได้ เพราะที่ผ่านมาจะเห็นว่า ในยุคที่ผู้บริหารกทม.ไม่เป็นตัวของตัวเอง การพัฒนากทม.ก็จะหยุดอยู่กับที่ แต่ยุคไหนที่ผู้ว่าฯกทม.มีความเป็นตัวของตัวเอง ก็สามารถผลักดันนโยบายนำร่องก่อนพื้นที่อื่นๆได้”นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ส่วนนโยบายรถเมล์ฟรี ของพล.ต.อ.พงศพัศนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ต้องเอาตัวเลขงบประมาณมาดูว่า จะต้องใช้เงินเท่าไหร่ จะได้ดูว่าเป็นนโยบายที่เหมาะสมและทำได้จริงหรือไม่ เพราะการเสนอบางอย่าง ต้องระวังอย่าให้เป็นเรื่องที่เกินจริง ซึ่งการที่กระทรวงคมนาคมปฏิเสธไม่ทำโครงการนี้นั้น พล.ต.อ.พงศพัศ ต้องตอบคำถามให้ได้ว่า โครงการนี้จะทำได้หรือไม่ โดยประชาชนจะต้องเรียกร้องให้ผู้สมัครมีความชัดเจนในการนำเสนอ รวมถึงนโยบายการให้เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในกทม.ที่เสนอจะให้ 1,200 บาทต่อเดือน ซึ่งมากกว่าผู้สูงอายุทั่วไปจะทำได้หรือไม่ เพราะถ้าเป็นนโยบายของกทม.ก็แสดงว่าจะต้องใช้งบประมาณของกทม. ที่ผ่านมาเคยมีบางท้องถิ่นเสนอให้เบี้ยผู้สูงอายุในอัตราที่สูงกว่าพื้นที่อื่น แต่ทางกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) บอกว่าไม่สามารถทำได้ แต่ในเรื่องของข้อกฎหมาย เป็นเรื่องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ต้องดูต่อไป ทั้งนี้ผู้สมัครจะต้องรับผิดชอบต่อการหาเสียงของตัวเอง
เมื่อเวลา 07.00 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ และคณะกว่า 50 คน ลงพื้นที่หาเสียงที่ตลาดเคหะธนบุรี โครงการ 1 พระราม 2 ซอย 69 เขตบางขุนเทียน จากนั้น เดินทางต่อไปยังโรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน กทม. โดยมีประชาชาชนชาวบางขุนเทียนหลายร้อยคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุให้การต้อนรับ โดยม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ชูนโยบายดูแลผู้สูงอายุทั้ง 3 ด้านอย่างครบวงจร ได้เข้าเยี่ยมศูนย์อำนวยการเลือกตั้งเขตบางบอน
ส่วนการลงพื้นที่หาเสียง ของพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่า กทม. จากพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ตลาดกลางดินแดง ไปยังศูนย์บริการสาธารณสุข 4 ดินแดง สำนักอนามัย กทม. ที่พล.ต.อ.พงศพัศเคยร่วมงานในช่วงที่ปฏิบัติหน้าที่ในตำเหน่งเลขาธิการ ป.ป.ส. ปรากฏว่าทีมสื่อมวลชนที่เดินทางไปรอล่วงหน้าภายในศูนย์สาธารณสุขกลับถูกเจ้าหน้าที่เชิญออกจากศูนย์ฯ โดยให้เหตุผลว่ามีคำสั่งจากผู้อำนวยการศูนย์ไม่ให้เปิดให้มีการหาเสียงภายในสถานที่ราชการ
ขณะเดียวกันอาคารอีกด้านของศูนย์สาธารณสุข มีเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์พยายามปิดประตูไม่ให้ะ พล.ต.อ.พงศพัศเดินทางเข้าไป ทั้งนี้ พล.ต.อ.พงศพัศสอบถามว่าศูนย์แห่งนี้เป็นสถานที่ให้บริการชุมชนเหตุใดจึงเข้าไปไม่ได้ เพราะเป็นพื้นที่สาธารณะ ใครก็เข้าได้ไม่ต้องขออนุญาต เพราะไม่ใช่พื้นที่ทหาร แต่ติดใจเหตุใดสถานที่ของกทม.จึงมีคำสั่งห้ามเข้าหาเสียง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ทางทีมงาน สก.ของพรรคเพื่อไทยและลูกทีมที่ร่วมทีมหาเสียงของพล.ต.อ.พงศพัศ แสดงความไม่พอใจว่าเหตุใดสถานที่ราชการต้องปิดกั้นการหาเสียง เนื่องจากไม่เคยประสบปัญหานี้ในสถานที่ราชการอื่น
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์เปิดเผยว่า ทางผู้อำนวยการได้กำชับไว้อย่างเคร่งครัดให้ข้าราชการเป็นกลางทางการเมือง และไม่อนุญาตให้ทีมหาเสียงเข้ามาในสถานที่ราชการไม่ว่าพรรคใดก็ตาม แต่หาก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร เข้ามาในฐานะอดีตผู้ว่าฯ กทม.ก็อาจเข้ามาได้ในฐานะที่เป็นเจ้านายเก่า
เวลา 07.00 น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. ลงในนามอิสระ พร้อมทีมงาน ลงพื้นที่หาเสียงบริเวณ ท่าน้ำพรานนกและท่าน้ำวังหลัง แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กทม. แนะนำตัวที่เดินทางสัญจรทางเรือ โดยเสนอตัวเพื่อช่วยเหลือดูแลประชาชนในพื้นที่ธนบุรี
ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) นายจุมพล สำเภาพล ปลัด กทม. เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะผู้ตรวจราชการและเจ้าหน้าที่ฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.จากทั้ง 50 เขต ว่า ได้กำชับให้ผู้ตรวจฯ เน้นการตรวจการประชาสัมพันธ์การรณรงค์ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมาลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และมีประสิทธิภาพตามที่ กทม.ได้ตั้งเป้าให้มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 70 เปอร์เซ็นต์
“ขอยืนยันว่า การมีผู้บริหารเมืองที่มีความเป็นอิสระ รักษาผลประโยชน์ของคนเมืองมีความสำคัญ และคนที่เป็นผู้บริหารกทม.จะต้องมีความเป็นตัวของตัวเอง ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถผลักดันอะไรหลายสิ่งหลายอย่างที่แตกต่างไปได้ เพราะที่ผ่านมาจะเห็นว่า ในยุคที่ผู้บริหารกทม.ไม่เป็นตัวของตัวเอง การพัฒนากทม.ก็จะหยุดอยู่กับที่ แต่ยุคไหนที่ผู้ว่าฯกทม.มีความเป็นตัวของตัวเอง ก็สามารถผลักดันนโยบายนำร่องก่อนพื้นที่อื่นๆได้”นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ส่วนนโยบายรถเมล์ฟรี ของพล.ต.อ.พงศพัศนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ต้องเอาตัวเลขงบประมาณมาดูว่า จะต้องใช้เงินเท่าไหร่ จะได้ดูว่าเป็นนโยบายที่เหมาะสมและทำได้จริงหรือไม่ เพราะการเสนอบางอย่าง ต้องระวังอย่าให้เป็นเรื่องที่เกินจริง ซึ่งการที่กระทรวงคมนาคมปฏิเสธไม่ทำโครงการนี้นั้น พล.ต.อ.พงศพัศ ต้องตอบคำถามให้ได้ว่า โครงการนี้จะทำได้หรือไม่ โดยประชาชนจะต้องเรียกร้องให้ผู้สมัครมีความชัดเจนในการนำเสนอ รวมถึงนโยบายการให้เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในกทม.ที่เสนอจะให้ 1,200 บาทต่อเดือน ซึ่งมากกว่าผู้สูงอายุทั่วไปจะทำได้หรือไม่ เพราะถ้าเป็นนโยบายของกทม.ก็แสดงว่าจะต้องใช้งบประมาณของกทม. ที่ผ่านมาเคยมีบางท้องถิ่นเสนอให้เบี้ยผู้สูงอายุในอัตราที่สูงกว่าพื้นที่อื่น แต่ทางกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) บอกว่าไม่สามารถทำได้ แต่ในเรื่องของข้อกฎหมาย เป็นเรื่องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ต้องดูต่อไป ทั้งนี้ผู้สมัครจะต้องรับผิดชอบต่อการหาเสียงของตัวเอง
เมื่อเวลา 07.00 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ และคณะกว่า 50 คน ลงพื้นที่หาเสียงที่ตลาดเคหะธนบุรี โครงการ 1 พระราม 2 ซอย 69 เขตบางขุนเทียน จากนั้น เดินทางต่อไปยังโรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน กทม. โดยมีประชาชาชนชาวบางขุนเทียนหลายร้อยคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุให้การต้อนรับ โดยม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ชูนโยบายดูแลผู้สูงอายุทั้ง 3 ด้านอย่างครบวงจร ได้เข้าเยี่ยมศูนย์อำนวยการเลือกตั้งเขตบางบอน
ส่วนการลงพื้นที่หาเสียง ของพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่า กทม. จากพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ตลาดกลางดินแดง ไปยังศูนย์บริการสาธารณสุข 4 ดินแดง สำนักอนามัย กทม. ที่พล.ต.อ.พงศพัศเคยร่วมงานในช่วงที่ปฏิบัติหน้าที่ในตำเหน่งเลขาธิการ ป.ป.ส. ปรากฏว่าทีมสื่อมวลชนที่เดินทางไปรอล่วงหน้าภายในศูนย์สาธารณสุขกลับถูกเจ้าหน้าที่เชิญออกจากศูนย์ฯ โดยให้เหตุผลว่ามีคำสั่งจากผู้อำนวยการศูนย์ไม่ให้เปิดให้มีการหาเสียงภายในสถานที่ราชการ
ขณะเดียวกันอาคารอีกด้านของศูนย์สาธารณสุข มีเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์พยายามปิดประตูไม่ให้ะ พล.ต.อ.พงศพัศเดินทางเข้าไป ทั้งนี้ พล.ต.อ.พงศพัศสอบถามว่าศูนย์แห่งนี้เป็นสถานที่ให้บริการชุมชนเหตุใดจึงเข้าไปไม่ได้ เพราะเป็นพื้นที่สาธารณะ ใครก็เข้าได้ไม่ต้องขออนุญาต เพราะไม่ใช่พื้นที่ทหาร แต่ติดใจเหตุใดสถานที่ของกทม.จึงมีคำสั่งห้ามเข้าหาเสียง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ทางทีมงาน สก.ของพรรคเพื่อไทยและลูกทีมที่ร่วมทีมหาเสียงของพล.ต.อ.พงศพัศ แสดงความไม่พอใจว่าเหตุใดสถานที่ราชการต้องปิดกั้นการหาเสียง เนื่องจากไม่เคยประสบปัญหานี้ในสถานที่ราชการอื่น
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์เปิดเผยว่า ทางผู้อำนวยการได้กำชับไว้อย่างเคร่งครัดให้ข้าราชการเป็นกลางทางการเมือง และไม่อนุญาตให้ทีมหาเสียงเข้ามาในสถานที่ราชการไม่ว่าพรรคใดก็ตาม แต่หาก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร เข้ามาในฐานะอดีตผู้ว่าฯ กทม.ก็อาจเข้ามาได้ในฐานะที่เป็นเจ้านายเก่า
เวลา 07.00 น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. ลงในนามอิสระ พร้อมทีมงาน ลงพื้นที่หาเสียงบริเวณ ท่าน้ำพรานนกและท่าน้ำวังหลัง แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กทม. แนะนำตัวที่เดินทางสัญจรทางเรือ โดยเสนอตัวเพื่อช่วยเหลือดูแลประชาชนในพื้นที่ธนบุรี
ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) นายจุมพล สำเภาพล ปลัด กทม. เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะผู้ตรวจราชการและเจ้าหน้าที่ฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.จากทั้ง 50 เขต ว่า ได้กำชับให้ผู้ตรวจฯ เน้นการตรวจการประชาสัมพันธ์การรณรงค์ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมาลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และมีประสิทธิภาพตามที่ กทม.ได้ตั้งเป้าให้มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 70 เปอร์เซ็นต์
