อยู่ๆ ก็มีข่าวว่าพรรคเพื่อไทย เตรียมเสนอพระราชกำหนดนิรโทษกรรม ขณะเดียวกันก็มีข่าวว่า นายอุกฤษ มงคลนาวิน เสนอพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม
แต่คนที่ดูเหมือนว่าจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย (ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว) คือนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีผู้ลุ่มลึกในสายตาของสื่อบางแขนง ทั้งที่การออกพระราชกำหนดเป็นเรื่องของรัฐบาล
ไม่ว่าจะนิรโทษกรรมปรองดองหรือแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือฉีกรัฐธรรมนูญ ฉบับที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน (พุทธศักราช 2550) ล้วนมีที่มาที่ไปก็เพื่อช่วยเหลือ ทักษิณ ชินวัตร และบรรดาแกนนำทั้งหลายที่เคลื่อนไหวในช่วงสงกรานต์ปี 2552 และสงกรานต์ปี 2553 ทั้งสิ้น ทั้งที่บรรดาประชาชนที่มาชุมนุมดังกล่าวเป็นเดือดเป็นแค้นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีในช่วงเวลาดังกล่าว และกำลังสะใจอย่างยิ่งที่กรมสอบสวนคดีพิเศษกำลังเล่นงานทั้งสองคนด้วยข้อหาที่ร้ายแรงโทษถึงประหาร
แต่ถ้าหากผ่านพระราชกำหนด หรือผ่านพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมสำเร็จ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็รอด
รอดเช่นเดียวกับทักษิณ และกลุ่มแกนนำที่ยุให้ผู้คนเผาบ้านเผาเมืองเผาศูนย์การค้าในกรุงเทพฯ และเผาศาลากลางหลายจังหวัด
ทั้งนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ย้ำแล้วย้ำอีกว่าจะสู้คดีไม่หนีไปไหน ไม่ต้องการให้ใครมานิรโทษกรรมให้ ถึงแม้จะต้องคำพิพากษาให้ประหารชีวิต ก็จะก้มหน้ารับ แต่แนวคิดที่จะนิรโทษกรรมยังคงเดินหน้าต่อไป ดังได้กล่าวแล้วว่า นี่เป็นภาระหน้าที่ของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
เป็นภาระหน้าที่ที่รัฐบาลนอมินีของทักษิณแบกรับนับตั้งแต่นายสมัคร สุนทรเวช นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่ไม่ประสบความสำเร็จ และบัดนี้เป็นนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้เป็นน้องสาวซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะสำเร็จ
ออกเป็นพระราชกำหนดได้ไหม?
ขืนออกเป็นพระราชกำหนด อายุรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ก็จะยิ่งอายุสั้น เพราะจะมีประชาชนเดินออกมาประท้วงคัดค้านอย่างแข็งขันอย่างไม่ต้องสงสัย
พระราชกำหนดเป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องเป็นผู้จัดการ นางสาวยิ่งลักษณ์ เป็นน้องสาวของทักษิณ การออกพระราชกำหนดเป็นเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ รัฐมนตรีในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ได้ประโยชน์ด้วยหรือไม่
พระราชกำหนดเป็นเรื่องเร่งด่วนเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศ เหตุการณ์สงกรานต์ปี 2552 และปี 2553 ผ่านมา 3 ปีแล้ว บ้านเมืองก็สงบดีแล้ว ที่รู้สึกว่าไม่สงบก็แต่ทักษิณและขี้ข้าทักษิณทั้งหลายที่ยังมีคดีติดตัวอยู่ เป็นภาระหน้าที่ของรัฐบาลที่ทักษิณชักใยอยู่เบื้องหลังจะต้องช่วยทักษิณ และบรรดาขี้ข้าทักษิณที่มีคดีติดตัวอยู่ให้รอดพ้นจากการติดคุก จึงพยายามก่อกวนดิ้นรน
พวกเขาสามารถเอาเงินภาษีของประชาชนไปจ่ายให้กลุ่มคนที่ขายชีวิตขายวิญญาณให้ทักษิณแล้วรายละ 7.5 ล้านบาทบ้าง 4 ล้านบาทบ้างมาแล้ว โดยที่คนไทยส่วนใหญ่ของประเทศได้แต่ทำตาปริบๆ พวกเขาบริหารประเทศด้วยการหว่านเงินราวกับเป็นอัครมหาเศรษฐีทั้งที่ต้องกู้เขามาใช้จ่าย หนี้สินของประเทศเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งเป็นการซื้อเสียง ซื้อคะแนนนิยมเพื่อเลี้ยงความเป็นรัฐบาลประชานิยมเอาไว้ และเงินส่วนหนึ่งตกไปอยู่ในกระเป๋าของพวกเขา
ประชาชนก็ได้แต่ทำตาปริบๆ พวกเขาก็ยิ่งย่ามใจ เดี๋ยวจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ อ้างว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่มาจากการทำรัฐประหาร ทั้งที่ส่วนใหญ่ของรัฐธรรมนูญของประเทศไทยก็มาจากการทำปฏิวัติรัฐประหารแทบทั้งนั้น พวกเขาไม่เอาเนื้อหาสาระของรัฐธรรมนูญมาวิพากษ์วิจารณ์ว่า ตรงไหนที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ตรงไหนที่มันเป็นเผด็จการ เพราะเป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขาก็คือ ช่วยให้ทักษิณไม่ต้องติดคุก ช่วยให้ทักษิณได้สมบัติที่ถูกศาลสั่งยึดคืน
นิรโทษกรรมโดยผ่านออกมาเป็นพระราชบัญญัติได้หรือไม่?
ถ้าหากมองจากเสียงข้างมากในสภา มือที่ยกขึ้นมาเพื่อสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ก็ชนะสบายๆ เพราะเสียงของฝ่ายรัฐบาลท่วมท้น แต่ก็ไม่ง่ายที่จะทำเช่นนั้น ถ้าง่ายอย่างที่พวกเขาคิดพวกเขาก็แก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือผ่าน พ.ร.บ.ปรองดองที่บังเละ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตหัวหน้าคณะรัฐประหาร ที่ล้มรัฐบาลทักษิณเมื่อกันยายน 2549 แต่วันนี้เปลี่ยนใจหันมาช่วยทักษิณไปแล้ว
พวกเขาทำไม่ได้ เพราะเพียงแค่จะลงมือทำเท่านั้น ประชาชนก็ออกมาเต็มถนนแล้ว
คราวนี้ก็เช่นเดียวกัน การออกมาพูดเรื่องนิรโทษกรรม ไม่ว่าจะออกมาเป็น พ.ร.ก. หรือ พ.ร.บ.ไม่ว่าการพูดนั้นจะเป็นการโยนหินถามทาง หรือต้องการทำจริงๆ เสนอให้สภาพิจารณาจริงๆ ประชาชนไม่มีวันยอมแน่นอน บ้านเมืองจะอยู่กันอย่างสุขสงบตามสมควรก็จะลุกเป็นไฟขึ้นมาอีกอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่เชื่อก็ลองดู
วิธีง่ายๆ ที่จะปรองดอง วิธีง่ายๆ ที่จะให้บ้านเมืองอยู่อย่างสุขสงบก็คือ ให้ทุกอย่างทุกประการเดินหน้าไปตามตัวบทกฎหมาย บ้านเมืองที่ไม่ใช้กฎหมายอยู่ไม่ได้หรอกครับ
เห็นไหมเล่าทั้งนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เขายังก้มหน้าก้มตาเดินขึ้นศาล โดยที่โทษของเขาคือประหารชีวิต
นี่หนีคุกไปได้ บงการรัฐบาลได้ จะตั้งให้หมาตัวไหนเป็นรัฐมนตรีก็ได้ ข้าราชการพลเรือน ตำรวจ จะแต่งตั้งใครเป็นใหญ่ก็ได้ มึงจะเอาอะไรอีกหือ?
แต่คนที่ดูเหมือนว่าจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย (ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว) คือนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีผู้ลุ่มลึกในสายตาของสื่อบางแขนง ทั้งที่การออกพระราชกำหนดเป็นเรื่องของรัฐบาล
ไม่ว่าจะนิรโทษกรรมปรองดองหรือแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือฉีกรัฐธรรมนูญ ฉบับที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน (พุทธศักราช 2550) ล้วนมีที่มาที่ไปก็เพื่อช่วยเหลือ ทักษิณ ชินวัตร และบรรดาแกนนำทั้งหลายที่เคลื่อนไหวในช่วงสงกรานต์ปี 2552 และสงกรานต์ปี 2553 ทั้งสิ้น ทั้งที่บรรดาประชาชนที่มาชุมนุมดังกล่าวเป็นเดือดเป็นแค้นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีในช่วงเวลาดังกล่าว และกำลังสะใจอย่างยิ่งที่กรมสอบสวนคดีพิเศษกำลังเล่นงานทั้งสองคนด้วยข้อหาที่ร้ายแรงโทษถึงประหาร
แต่ถ้าหากผ่านพระราชกำหนด หรือผ่านพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมสำเร็จ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็รอด
รอดเช่นเดียวกับทักษิณ และกลุ่มแกนนำที่ยุให้ผู้คนเผาบ้านเผาเมืองเผาศูนย์การค้าในกรุงเทพฯ และเผาศาลากลางหลายจังหวัด
ทั้งนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ย้ำแล้วย้ำอีกว่าจะสู้คดีไม่หนีไปไหน ไม่ต้องการให้ใครมานิรโทษกรรมให้ ถึงแม้จะต้องคำพิพากษาให้ประหารชีวิต ก็จะก้มหน้ารับ แต่แนวคิดที่จะนิรโทษกรรมยังคงเดินหน้าต่อไป ดังได้กล่าวแล้วว่า นี่เป็นภาระหน้าที่ของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
เป็นภาระหน้าที่ที่รัฐบาลนอมินีของทักษิณแบกรับนับตั้งแต่นายสมัคร สุนทรเวช นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่ไม่ประสบความสำเร็จ และบัดนี้เป็นนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้เป็นน้องสาวซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะสำเร็จ
ออกเป็นพระราชกำหนดได้ไหม?
ขืนออกเป็นพระราชกำหนด อายุรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ก็จะยิ่งอายุสั้น เพราะจะมีประชาชนเดินออกมาประท้วงคัดค้านอย่างแข็งขันอย่างไม่ต้องสงสัย
พระราชกำหนดเป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องเป็นผู้จัดการ นางสาวยิ่งลักษณ์ เป็นน้องสาวของทักษิณ การออกพระราชกำหนดเป็นเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ รัฐมนตรีในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ได้ประโยชน์ด้วยหรือไม่
พระราชกำหนดเป็นเรื่องเร่งด่วนเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศ เหตุการณ์สงกรานต์ปี 2552 และปี 2553 ผ่านมา 3 ปีแล้ว บ้านเมืองก็สงบดีแล้ว ที่รู้สึกว่าไม่สงบก็แต่ทักษิณและขี้ข้าทักษิณทั้งหลายที่ยังมีคดีติดตัวอยู่ เป็นภาระหน้าที่ของรัฐบาลที่ทักษิณชักใยอยู่เบื้องหลังจะต้องช่วยทักษิณ และบรรดาขี้ข้าทักษิณที่มีคดีติดตัวอยู่ให้รอดพ้นจากการติดคุก จึงพยายามก่อกวนดิ้นรน
พวกเขาสามารถเอาเงินภาษีของประชาชนไปจ่ายให้กลุ่มคนที่ขายชีวิตขายวิญญาณให้ทักษิณแล้วรายละ 7.5 ล้านบาทบ้าง 4 ล้านบาทบ้างมาแล้ว โดยที่คนไทยส่วนใหญ่ของประเทศได้แต่ทำตาปริบๆ พวกเขาบริหารประเทศด้วยการหว่านเงินราวกับเป็นอัครมหาเศรษฐีทั้งที่ต้องกู้เขามาใช้จ่าย หนี้สินของประเทศเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งเป็นการซื้อเสียง ซื้อคะแนนนิยมเพื่อเลี้ยงความเป็นรัฐบาลประชานิยมเอาไว้ และเงินส่วนหนึ่งตกไปอยู่ในกระเป๋าของพวกเขา
ประชาชนก็ได้แต่ทำตาปริบๆ พวกเขาก็ยิ่งย่ามใจ เดี๋ยวจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ อ้างว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่มาจากการทำรัฐประหาร ทั้งที่ส่วนใหญ่ของรัฐธรรมนูญของประเทศไทยก็มาจากการทำปฏิวัติรัฐประหารแทบทั้งนั้น พวกเขาไม่เอาเนื้อหาสาระของรัฐธรรมนูญมาวิพากษ์วิจารณ์ว่า ตรงไหนที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ตรงไหนที่มันเป็นเผด็จการ เพราะเป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขาก็คือ ช่วยให้ทักษิณไม่ต้องติดคุก ช่วยให้ทักษิณได้สมบัติที่ถูกศาลสั่งยึดคืน
นิรโทษกรรมโดยผ่านออกมาเป็นพระราชบัญญัติได้หรือไม่?
ถ้าหากมองจากเสียงข้างมากในสภา มือที่ยกขึ้นมาเพื่อสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ก็ชนะสบายๆ เพราะเสียงของฝ่ายรัฐบาลท่วมท้น แต่ก็ไม่ง่ายที่จะทำเช่นนั้น ถ้าง่ายอย่างที่พวกเขาคิดพวกเขาก็แก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือผ่าน พ.ร.บ.ปรองดองที่บังเละ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตหัวหน้าคณะรัฐประหาร ที่ล้มรัฐบาลทักษิณเมื่อกันยายน 2549 แต่วันนี้เปลี่ยนใจหันมาช่วยทักษิณไปแล้ว
พวกเขาทำไม่ได้ เพราะเพียงแค่จะลงมือทำเท่านั้น ประชาชนก็ออกมาเต็มถนนแล้ว
คราวนี้ก็เช่นเดียวกัน การออกมาพูดเรื่องนิรโทษกรรม ไม่ว่าจะออกมาเป็น พ.ร.ก. หรือ พ.ร.บ.ไม่ว่าการพูดนั้นจะเป็นการโยนหินถามทาง หรือต้องการทำจริงๆ เสนอให้สภาพิจารณาจริงๆ ประชาชนไม่มีวันยอมแน่นอน บ้านเมืองจะอยู่กันอย่างสุขสงบตามสมควรก็จะลุกเป็นไฟขึ้นมาอีกอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่เชื่อก็ลองดู
วิธีง่ายๆ ที่จะปรองดอง วิธีง่ายๆ ที่จะให้บ้านเมืองอยู่อย่างสุขสงบก็คือ ให้ทุกอย่างทุกประการเดินหน้าไปตามตัวบทกฎหมาย บ้านเมืองที่ไม่ใช้กฎหมายอยู่ไม่ได้หรอกครับ
เห็นไหมเล่าทั้งนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เขายังก้มหน้าก้มตาเดินขึ้นศาล โดยที่โทษของเขาคือประหารชีวิต
นี่หนีคุกไปได้ บงการรัฐบาลได้ จะตั้งให้หมาตัวไหนเป็นรัฐมนตรีก็ได้ ข้าราชการพลเรือน ตำรวจ จะแต่งตั้งใครเป็นใหญ่ก็ได้ มึงจะเอาอะไรอีกหือ?